คอก

4 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ กุมภาพันธ 17, 2012 เวลา 19:24 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1402

ไปทวนบันทึกเก่าเมื่อสองสามปีก่อนโดยบังเอิญ ไปหยุดอยู่ที่บันทึกที่มีผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นเข้ามาแลกเปลี่ยนความเห็นกับผมในเรื่องงานพัฒนาสังคม พัฒนาชนบท ก็มีสิ่งที่สะกิดใจ อยากจะหยิบเอามาเขียนอีก

ประเด็นคือ ท่านศาสตราจารย์ท่านนี้ถามผมว่าทำไมข้าราชการไทยจึงต้องมีเบี้ยเลี้ยง ? ข้าราชการญี่ปุ่นมีแต่เงินเดือน ไม่มีเบี้ยเลี้ยง การออกไปทำงานในพื้นที่ เป็นหน้าที่ของเขาอยู่แล้ว ทำไมจะต้องมีเบี้ยเลี้ยงด้วย…

ผมตอบไม่ได้….

แต่ก็คิดไปเองว่า ระบบวางมาเช่นนี้นานนับร้อยปีแล้ว ตั้งแต่มีระบบข้าราชการในเมืองไทยกระมัง ผมคิดเอาเองนะครับ เพราะไม่เคยทราบมาก่อนถึงที่ไปที่มาของการมีเบี้ยเลี้ยง

อาจเป็นเพราะเงินเดือนของข้าราชการไทยเราไม่สูงมาก การออกพื้นที่จะต้องมีค่าใช้จ่ายมากกว่าการนั่งทำงานในสำนักงาน จึงกำหนดเบี้ยเลี้ยงให้ เมื่อทำกันมานาน ก็กลายเป็นสิ่งปกติไป เลยลามไปถึงหน่วยงานเอกชนต่างๆก็มีเบี้ยเลี้ยงเมื่อออกสนาม หรือ ตามข้อกำหนดของหน่วยงานนั้นๆ ซึ่งหน่วยงานเอกชนมักมีค่าเบี้ยเลี้ยงสูงกว่าราชการด้วยซ้ำไป

เรามีประเด็นอื่นเข้ามาจึงไม่ได้ขยายการแลกเปลี่ยนเรื่องนี้ต่อ แต่เป็นประเด็นที่น่าคิดเหมือนกันทั้งในแง่บวกและลบ สมมติว่าต่อไปนี้ยกเลิกเบี้ยเลี้ยง แต่จะเพิ่มเงินเดือนให้จำนวนหนึ่ง คนที่ออกสนามก็อาจจะมีความรู้สึกเปรียบเทียบกับสมัยที่มีเบี้ยเลี้ยง ซึ่งอาจจะพอใจ หรือไม่พึงพอใจก็ได้ แต่น่าคิดไม่น้อยทีเดียว….

อีกประเด็นหนึ่งที่ผมหงุดหงิดใจบ่อยครั้งเมื่อพบภาพการ “เข้าคิว” ของสังคมไทย สมัยก่อนนั้นเราไม่มีวัฒนธรรมการข้าคิว มีแต่กรูแย่งกันไปอยู่ข้างหน้า แต่ต่อมาดูดีขึ้น แต่ก็ยังเห็นการไม่เข้าคิวบ่อยๆ จนหลายแห่งต้องทำ “คอก” บังคับให้คนเข้าคิว ขนาดมีคอก ยังแซงในคอกก็เคยเห็นครับ

เมื่อสามสัปดาห์ก่อนที่อยู่ในลาว พวกเรากำลังจอดรถฝั่งหนึ่งของแม่น้ำโขง รอเรือเฟอรรี่ข้ามฝั่ง รถก็จะต้องเข้าคิวตามลำดับมาก่อนหลัง วันนั้นพบกลุ่มคนไทยสี่คัน ขับรถท่องเที่ยวลาวแล้วมารอเรือเฟอรรี่ พอเรือมาจอดรถข้างหน้าก็ขยับลงแพข้ามฟากนั้น กลุ่มคนไทยมัวตื่นเต้นกับเรือเฟอร์รี่และทัศนียภาพแม่น้ำโขงทำให้เกิดการทิ้งช่องว่างของรถที่ลงเรือไปแล้วกับกลุ่มคนไทยที่ไม่ได้ขับไล่ตามลงไปทันทีทันใด ก็เกิดมีรถปิกอัพด้านหลังรีบขับแซงลงไปในเรือทันที กลุ่มคนไทยเห็นดังนั้นก็พูดเสียงดังๆออกมาว่า “ทำไมทำอย่างนั้น ไม่มีวัฒนธรรมเลย” เขาคนนั้นย้ำพูดเช่นนั้นหลายครั้งเหมือนจงใจให้คนขับรถปิกอัพและคนแถวนั้นได้ยิน..ก็ไม่มีอะไรแค่ทำให้กลุ่มคนไทยหัวเสียไปพักหนึ่ง

แต่ในเรื่องเข้าคิวเช่นเดียวกัน ภาพที่ออกทีวีช่วงที่เกิดสึนามิถล่มเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของโรงไฟฟ้าญี่ปุ่นนั้น มีภาพคนญี่ปุ่นเข้าคิวรับของช่วยเหลือ ผมประทับใจมากที่ในแถวนั้นมีเด็กชายเล็กๆคนหนึ่งเข้าคิวต่อท้ายกับเขาด้วย ไม่มีการแซง ใครมาก่อนอยู่หน้า ใครมาหลังอยู่ถัดไป ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ ชายหรือหญิง เข้าคิว แถวเดี่ยวไม่เห็นมีคอก…

แต่บ้านเราต้องสร้างคอก…..


ลาป่าดงหลวง

ไม่มีความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ ตุลาคม 27, 2010 เวลา 16:36 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2799

สำนักสงฆ์ในดงหลวงมีมาก เพราะเป็นภูเขาป่าไม้มาก พระสายปฏิบัติชอบมาปลีกวิเวก ปฏิบัติกันนับ 10 แห่ง ผมเคารพนับถือหลายสำนัก หนึ่งในนั้นคือ พระอาจารย์นรินทร์ที่ถ้ำน้ำริน บ้านนาหลัก ดงหลวง สถานที่แห่งนี้ท่านที่ไปร่วมงานเฮ 3 หลายปีก่อนคงจำได้ ผมก็ไปกราบลาท่าน ซึ่งท่านไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปเพราะท่านไม่ได้ครองจีวร ท่านมอบสิ่งเตือนจิตใจมาสองสามประการ ข้าน้อยกราบรับไว้ด้วยสำนึก


ท่านที่ไปเฮ 3 คงจำได้ว่าเส้นทางไปสำนักสงฆ์แห่งนี้นั้นต้องขึ้นภูเขาที่มีเส้นทางแบบชนบท บ้านๆ ไม่มีถนนลาดปูนซีเมนต์ ซึ่งผมก็ชอบเพราะเป็นธรรมชาติดี แต่ไปคราวนี้ท่านก็เอาปูนซีเมนต์มาลาดเทบางช่วงที่ลำบากเกินไปสำหรับญาติโยมที่จะเอารถขึ้นไป

วันถัดมาผมมีแขกเป็นอดีตอาจารย์สอนเคมีระดับปริญญาเอกของม.สุรนารีไปเยี่ยม จึงพาขึ้นไปเที่ยวป่าแบบนี้บ้างเพราะคิดว่าคนเมืองส่วนใหญ่ไม่ค่อยสัมผัสป่าเท่าไหร่นัก


ระหว่างทางขึ้นไปสำนักสงฆ์จะมีบางช่วงที่เป็นบริเวณน้ำซึมน้ำซับ ก็จะมีดอกไม้ป่าขึ้นเต็มไปหมด สำหรับผมนั้นชอบนั่งชื่นชมเป็นเวลานานๆ และถ่ายรูปเก็บเอาไว้ ไม่รู้จักชื่อหรอกครับ


เช่นเจ้านี่ เป็นต้นหญ้าชนิดหนึ่ง ชูช่อดอกคล้ายๆหญ้าเจ้าชู้ สูงเหนือพื้นดินสักศอกกว่าๆ สลับกับกระดุมเงิน และอื่นๆหลายชนิด มีสีเหลือง ม่วง ขาว แสด โอย… สวย หากใครย้อนไปดูรูปสมัยเฮ 3 ก็จะเห็นว่าเราจอดรถตรงนี้ให้สมาชิกถ่ายรูปกัน แล้วเอาไปประกวดกันด้วย


มาคราวนี้ผมเห็นเจ้าหญ้าชนิดนี้มีใบแปลกสวยดี เลยเอามาฝากกันว่า ธรรมชาติที่เราไม่รู้จักมีอีกเยอะ

ชีวิตผมติดป่ามากกว่าทะเล ไม่ว่าจะย้ายไปที่ไหน ก็ต้องมีอันต้องเกี่ยวกับป่าไปหมดจริงๆ ติดป่า ก็มันมีความหลากหลายมากจริงๆ


มาวันนี้ผมต้องลาป่าดงหลวงไปแล้ว แต่บอกในใจว่าคงมีโอกาสกลับมาอีกไม่ว่าจะกลับมาทำงานที่นี่อีกครั้ง หรือมาเยี่ยมเยือนพี่น้องโซ่ หรือมากราบพระอาจารย์ทั้งหลาย หรือในวาระใดๆก็ตาม

แต่วันนี้ขอลาไปก่อน…


ก๊วบ

ไม่มีความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ ตุลาคม 16, 2010 เวลา 9:27 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1866

 

ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ เป็นคำพูดที่เราได้ยินกันบ่อยๆ เชื่อว่าหลายคนก็อาจจะไม่เคยต้องเผชิญสถานการณ์ที่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

คนทำงานชนบทนั้นคลุกคลีกับสังคมที่เป็นรอยต่อของสังคมโบราณกับสังคมสมัยใหม่ ซึ่งช่องว่างระหว่างสองสังคมนี้ถ่างออกมากขึ้น และก่อให้เกิดปัญหามากมายอย่างที่คนปัจจุบันมองแต่ไม่เห็น

ผู้เฒ่าเสนอให้เราทำ “พิธีก๊วบ” ในช่วงแรกที่เราเข้ามาทำงานในหมู่บ้านเหล่านี้ แรกมาทำงานเรา งง อะไรคือก๊วบ ทำทำไม ทำไมต้องทำ เมื่อเราได้ฟังผู้เฒ่าอธิบายเราก็อ๋อ..และยินดีลู่ตามลมแห่งความเชื่อของท้องถิ่น


ภาพจากที่นี่

ก่อนการแสดงโขน จะมีพิธีไหว้ครู เป็นการแสดงคารวะสูงสุดต่อครูบาอาจารย์ที่สั่งสอนวิชาความรู้เรามา หากไม่ทำพิธีนี้ ไม่ได้ จะออกไปแสดงไม่ได้ ในลักษณะความเชื่อเดียวกันที่เราเรียกว่า นี่คือความสัมพันธ์ระหว่างคนกับสิ่งเหนือธรรมชาติที่เป็นความเชื่อ พิธีก๊วบ ก็คือการแสดงคารวะต่อผีบ้านผีเรียน เทวดาฟ้าดิน เจ้าที่เจ้าทาง หรือสิ่งเหนือธรรมชาติทั้งหมดที่ดูแลพื้นที่ท้องถิ่นนั้น เมื่อเราเข้ามาทำงานในพื้นที่นี้ เราก็ต้องมาแสดงตัวตน และแสดงคารวะ แล้วจะได้รับการปกป้องผองภัยต่างๆ มีเรื่องเล่ามากมายต่อสิ่งเหนือธรรมชาติเหล่านี้

พ่อเชคเล่าให้ฟังวันนั้นว่า การสร้างถนนดำเส้นนี้ที่เพิ่งเสร็จไปเมื่อปลายปีที่แล้ว วันหนึ่งนายช่างคุมงานขับรถมากับภรรยาของเขา แล้วสามีก็จอดรถลงไป “ยิงกระต่าย” ข้างถนน ภรรยาคอยในรถ นานพอสมควร ภรรยาเอ๊ะใจว่าทำไมช้าจังจังลงไปดู ปรากฏว่าไม่พบสามีแล้ว หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ถามไถ่ชาวบ้านก็ไม่มีใครรู้เห็น วันต่อมาสามีไปโผล่ที่อีกหมู่บ้านหนึ่งอย่างประหลาด ..เขาบอกว่ามีคนมาพาไป…

ในวาระที่สิ้นเดือนนี้เราจะปิดโครงการที่ดงหลวง เราจะละเลยพิธีกรรมนี้ไม่ได้ พ่อเชคบอกว่าต้องเอา เจ้าหน้าที่เดิมของเราที่ออกไปแล้วกลับมาด้วย กรณี อาวเปลี่ยนก็ให้เอาชื่อมาร่วมพิธีนี้ด้วย พิธีก๊วบก็คือพิธีครอบ ปลายเดือนนี้จะเป็นการ “ครอบออก”

คนทั้งหมู่บ้านจะเข้ามาร่วมพิธี โดยเฉพาะเจ้าโคตรทุกสายตระกูล โดยมีจ้ำเป็นผู้ทำพิธีที่ศาลปู่ตากลางหมู่บ้านครับ นี่คือการบอกลาชุมชนตามพิธีกรรมท้องถิ่น เป็นการคารวะท้องถิ่นตามประเพณีของเขา เราเคารพ หลักการ ความเชื่อของชุมชน


พ่อเชค

ไม่มีความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ ตุลาคม 16, 2010 เวลา 1:14 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2696


มันเป็นสะพาน ธรรมดาที่เป็นเส้นทางจากบ้านพังแดงไปอีกหลายหมู่บ้านหลังภูเขาที่เห็น ข้างสะพานแห่งนี้ พ่อเชคใช้เวลาวันนั้นมาเตรียมที่ดินเพื่อจะปลูกยาสูบพื้นเมือง ก็ทำมาทุกปี วันนี้เราตามมาหาพ่อเชคที่นี่


ชาวบ้านนั้นง่ายยิ่งกว่าง่าย วิถีอยู่กับธรรมชาติ พื้นๆ มาตรฐานชีวิตในเมืองอย่าเอามาวิจารณ์ที่นี่ ก็ตลอดเจ็ดสิบกว่าปีมานี่ เราอยู่กันแบบนี้ หนักหนากว่านี้ก็เผชิญมาแล้ว น้องๆเอาน้ำขวดที่เราเตรียมมาจากในเมืองยื่นให้พ่อเชคดื่ม พ่อเชครับไว้แล้วนั่งลงที่ทางเดินขอบสะพานนั่นแหละ

พ่อเชคคือเจ้าโคตรหนึ่งของบ้านพังแดงที่เป็นเสาหลักในการปกครองชุมชน อันเป็นโครงสร้างดั้งเดิมของชุมชนก่อนที่ระบบการปกครองใหม่จะเข้ามา แม้ว่าระบบใหม่เข้ามาแต่บทบาทก็ยังดำรงอยู่ แต่พ่อเชคมีมากกว่าการเป็นเจ้าโคตร เคยกล่าวไว้บ้างแล้วว่า เราแปลกใจทำไมชาวบ้านจะปลูกยาสูบจึงต้องมาขึ้นต่อพ่อเชค ทำไม ทำไม…ทำไม… เราพยายามเจาะลึก

ที่ขอบสะพานนี่ พ่อเชคยอมรับว่ามีปอบใหญ่สองตัวที่คงอยู่ในบ้านพังแดง ระบุชื่อให้เราได้ยินเป็นครั้งแรก แม้ว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีใครปริปากระบุชื่อ แต่วันนี้ ตรงนี้ พ่อเชคเอ่ยชื่อให้เราได้ยิน….

พิลาตั้งคำถามที่ค้างคาใจมานานแล้ว แม้เราจะได้คำตอบมาบ้างแล้วแต่พิลาอยากฟังจากปากพ่อเชค

พิลา: ..พ่อเชคครับปอบนี่เขาไม่ต้องการให้ใครดีเด่นเกินหน้าชาวบ้านทั่วๆไปใช่ไหมครับ..

พ่อเชค: พยักหน้าแล้วตอบว่าจริง…

พิลา: พ่อเชคมีของดีดีหรือครับถึงไม่กลัวเกรงปอบ

พ่อเชค: ก็พอมี..

แล้วพ่อเชคก็ท่องมนต์นั้นอย่างคล่องปรือ จนผมรีบเอามือถือมาบันทึกแทบไม่ทัน

พ่อเชค: อยากได้ต้องมี ค่าครู ค่าคาย 12 บาท

……

สิ่งแรกที่กลับมาถึงห้องพักคือถ่ายโอนเสียงบันทึกจากมือถือลงในคอมพ์ แล้วลองเปิดฟัง

ผลปรากฏว่า ผมเปิดฟังไม่ได้ครับ จะเปิดด้วยวิธีใดก็ไม่ได้..!!!???


ฟาน

ไม่มีความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ ตุลาคม 15, 2010 เวลา 9:16 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 5051

เมื่อวานมีกำหนดจะไปร่วมกับเพื่อนรัก บำรุง คะโยธา(คนละคนกับ พี่บำรุง บุญปัญญา) NGO นักเคลื่อนไหวตัวแม่แห่งเทือกเขาภูพาน เพราะ 4ส2 โดยลุงเอกพาคณะไปเยี่ยมพูดคุยกันก่อนจะไปสกลนครต่อไปตามกำหนดการ บังเอิญผมได้รับมอบหมายจากโครงการให้รับผู้เชี่ยวชาญ JBIC เป็นวิศวกร 2 ท่านมาดูงาน ระบบสูบน้ำเพื่อการชลประทานห้วยบางทราย ที่เกี่ยวข้องกับ ปอบ ที่กล่าวถึงบ่อยๆนั้น เลยต้องอยู่รับคณะนี้ ไม่ได้ไปร่วมกับ 4ส2 อย่างเสียดายโอกาส


ระหว่างที่นำคณะไปดูถังเก็บน้ำขนากยักษ์ใหญ่ นั้นก็พบชาวบ้านถือปืนยาวที่เรียกปืนแก๊บ เข้าไปถามว่าวันนี้พกปืนมาทำไมแต่เช้าเลย เขาก็ชี้ให้ดูที่พื้นท้องร่องระหว่างแปลงมันสำปะหลังว่า อาจารย์ดูรอยนั่นซิ นั่นคือรอยเท้า “ฟาน” หรือเก้งป่านั่นเอง เขาคงลงมาหากินประเมินอย่างนั้น


ถามว่าเคยพบรอยเท้าแบบนี้มาก่อนไหมในพื้นที่แบบนี้ ชาวบ้านบอกว่าไม่เคยพบ มีแต่บนภูเขาเท่านั้น ผมเก็บข้อมูลและประเด็นไว้ในใจ เดินหน้าไปอธิบายให้ JBIC ฟังเรื่องราวของระบบสูบน้ำเพื่อการชลประทานนี้ต่อไป คุยแลกเปลี่ยนกันนานพอสมควรจนเลยเที่ยง คณะจึงเดินทางเข้ามุกดาหารเพื่อไปฝั่งสะหวันนะเขตเพื่อต่อวีซา ต่อไป

ย้อนกลับมารอยเท้าฟาน หลังจากที่เราคุยกับชาวบ้านไม่นาน ก็ได้ยินเสียงปืนดังใกล้ๆภูเขา เดาเอาว่า ชาวบ้านยิงฟานตัวนี้หรือเปล่าหนอ..

เนื้อฟานนั้นเป็นที่โปรดปรานของชาวบ้านนักเพราะอ่อนนุ่ม หวาน ไม่ว่าจะประกอบอาหารแบบไหนๆเป็นถูกปากไปหมด และฟานป่านั้นหายากเต็มที่แล้วเพราะพรานป่ามุ่งหาเนื้อมากินในครัวเรือนและขายเพราะราคาดีมาก เจ้าร้านค้าเนื้ออาหารจากป่านี่แหละตัวร้ายที่เป็นปลายทางของการดำรงอาชีพล่าสัตว์ป่าไปขาย

เจ้าฟานตัวนี้เป็นอะไรทำไมถึงมาปรากฏรอยเท้าที่นี่ได้ เป็นประเด็นที่ผมสนใจมาก เดาไปหลายทาง แบบคนไม่รู้เรื่องวิถีสัตว์ป่านี้ก็เดาว่า แปลก ตรงที่พื้นที่ที่เราพบรอยเท้านั้นมันไกลพอสมควรจากชายป่า มันไม่น่าหลงทางมาไกลขนาดนี้ หรือไม่น่ามาหากินไกลขนาดนี้ อยากตั้งวงคุยกับชาวบ้านก็ไม่มีเวลาต้องรีบพาแขกญี่ปุ่นไปในเมืองต่อ…


เพียงสงสัยส่วนตัวว่า หรือเพราะอาหารป่าลดลง เขาลงมากินข้าวที่กำลังสุกนั่นหรือเปล่า ผมก็เดาแบบคนโง่ คงหาเวลาไปคุยกับชาวบ้านเรื่องนี้ต่อไปครับ

แต่ก็เป็นตัวชี้วัดอย่างหนึ่งว่าในป่าบ้านพังแดงนี้ยังมี ฟาน อยู่..


โลกสีม่วง

ไม่มีความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ ตุลาคม 12, 2010 เวลา 8:11 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 3468

ธรรมชาติก็ยังคงความเป็นธรรมชาติ ตามศักยภาพของเขา

ไม่ว่าเราจะมองธรรมชาติด้วยสีอะไร

สีที่มองเป็นเพียงความพึงพอใจ หรือถูกจริตเราเท่านั้น

ผมลองแต้มสีม่วงลงในเมฆกลุ่มนี้ สวยถูกใจผม

แต่ไม่ได้เปลี่ยนศักยะของเขาแม่แต่น้อย

เพียงแต่ผมอยากให้ธรรมชาติเป็นอย่างที่ผมอยากให้เป็น

แต่จริงๆเขาเป็นอย่างที่เขาเป็น


ฝ่าฝน

ไม่มีความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ ตุลาคม 11, 2010 เวลา 13:37 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1737

วันนี้บนเส้นทางไปมุกดาหารฝนตกหนักจริงๆ ฟ้าปิดมืดเหมือนหนึ่งทุ่ม ใช้ที่ปัดน้ำหน้ารถจนหลุดไปข้างหนึ่ง อิอิ เพราะมันเก่าแล้ว

ผ่านฝนมาสัก ครึ่งชั่วโมงก็หยุดตก มาถึงมุกดาหารแดดออกแล้ว


ทดสอบ 2

3 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ ตุลาคม 2, 2010 เวลา 9:02 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 1704

พาเจ้านายที่บ้านไปขับรถวนรอบเมืองขอนแก่น อิอิ เราอยากถ่ายรูปเมฆต่างหาก ได้เรื่องเพราะมีเมฆสวยๆให้ถ่าย

ทำไมมันมีสองสีก็ไม่รู้ เดาเอาว่า ความสูง การรับแสง คุณสมบัติของละอองน้ำฯ เมฆเหมือนกัน แต่สีเมฆต่างกัน


แกนนำ..

4 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ กรกฏาคม 25, 2010 เวลา 0:35 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2156

 

 

การเป็นแกนนำคือจุดขายสำหรับการเลือกตั้งครั้งต่อไป

เริ่มประชาสัมพันธ์ตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่

แต่คน..โห่..

สถานที่คือ ดงหลวง


ทายาท..

4 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ กรกฏาคม 18, 2010 เวลา 1:14 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 3031

อาหารเช้าของผมส่วนใหญ่ก็คือ กาแฟร้อน และไข่ดาวหนึ่งฟอง หรือขนมปังโฮลวีท สักแผ่นสองแผ่น ก็โอเค…

เช้าวันนี้ก่อนไปสถานที่สัมมนาก็แวะที่ ปั้ม ปตท. เติมน้ำมันแล้วก็ไปหากาแฟร้อนๆมาสักแก้ว แม้จะไม่ชอบเพราะมันหวานเกินไปและขนมปังก็มีแต่แป้ง แต่เราเลือกไม่ได้ก็ต้องรองท้องไป

นั่งดื่มกาแฟหน้าร้าน 7-11 ก็มองดูพนักงานเติมน้ำมันเล่นกับน้องหมา น่ารักระหว่างคนกับสัตว์ ระหว่างนั้นก็มีลุกค้า 7-11 มาตลอดเวลา หิ้วกันคนละถุงสองถุงออกไป

สักพักก็มีสองหนุ่มรุ่นจอดมอเตอร์ไซด์พรืด คนหนึ่งเดินกระตุ้งกระติ้งเข้าร้านไป ผมนึกเหมือน อ.ดร.เสรี วงษ์มณฑากล่าวว่า เมืองไทยน่ะเดินไปสิบก้าวไม่เจอกะเทยก็ไม่ใช่เมืองไทยแล้ว..

แต่เอ..เจ้าอีกคนก็เหมือนกันนี่ เอ..เธอคนสวยจะทำอะไรน่ะ มองแต่กระจกแล้วก็ควักตลับอะไรมาสักอย่าง แล้วก็มองกระจก แล้วก็เอานิ้วแตะๆอะไรที่ตลับนั่น

ผมแอบถ่าย ก็เห็นว่า นั่นมันเป็นการใส่เลนส์ตานี่ เขาเรียกอะไรก็ไม่รู้..เคยได้ยินว่าเขาชอบแต่งดวงตาเป็นสีๆ โธ่เอ้ย…….สวยซะ..

ที่นี่คือโพนทอง สกลนคร มีสถาบันการศึกษาหลายแห่ง เธอคงเป็นเพศที่สามและเป็นนักศึกษาที่ใดที่หนึ่ง…

เฮ่อ มันต่างสุดขั้วกับน้องแต๋ว ทายาทเกษตรจริงๆ…



Main: 0.067859888076782 sec
Sidebar: 0.063233137130737 sec