คำรำพึงจากภาพ…
“รูปภาพหนึ่งรูปแทนหนึ่งพันคำพูด”
เป็นคำเปรียบเทียบที่มีความจริงมาก แต่ไม่ใช่ทั้งหมด
ใครที่นอนใจในคำเปรียบเทียบดังกล่าวมากเกินไปก็อันตราย โดยเฉพาะท่านที่นั่งอยู่ในตำแหน่งที่ต้องตัดสินใจ ต้องฟันธง ด้วยความบีบคั้นในหลายๆเงื่อนไข
หากผู้ถ่ายภาพนี้ไม่อธิบายแล้วถามแต่ละท่าน
คงได้คำตอบที่อาจจะไม่ต่างกันมากนัก เช่น โอยน่าสงสารจัง ที่ไหนเนี่ยะ น้ำท่วมมิดเลย ชาวบ้านคงแย่แล้ว ปีนี้เจ้าของที่นาตรงนี้คงไม่มีข้าวกินแล้ว..ฯลฯ…
คำคาดเดาน่าที่จะอยู่ในแนวทางนั้น
แต่ความจริงมีส่วนถูกบ้างแต่ไม่มาก เพราะภาพนี้ถ่ายน้ำท่วมจริง แต่เป็นพื้นที่ แก้มลิงของจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่เป็นพื้นที่ที่น้ำจะท่วมเช่นนี้ทุกปี ย้ำทุกปี ชาวบ้านเขารู้เขาจึงไม่ใช้พื้นที่นี้ปลูกข้าวในฤดูฝน แต่จะใช้ปลูกข้าวในฤดูแล้งโดยสูบน้ำจาก “ลำปาว” ฤดูฝนก็จะปล่อยให้น้ำมันท่วมเช่นนี้ และเป็นผลดีเสียอีก เพราะเมื่อน้ำท่วม ก็จะได้ปุ๋ยอินทรีย์จากธรรมชาติ
กระต๊อบ ที่น้ำท่วมเกือบมิดนี้ คือเถียงนาที่ชาวบ้านปลูกแบบชั่วคราวไม่ได้ใช้ในฤดูน้ำหลาก แต่จะไปใช้ในช่วง “ทำนาปรัง”
แค่นี้ก็ทำให้เราซึ้งในหลักกาลามาสูตร ที่ท่านกล่าวว่า อย่าเชื่อ เพราะ….อย่าเชื่อเพราะ….อย่าเชื่อเพราะ…..แต่จงเชื่อเมื่อท่านพิสูจน์ด้วยตัวท่านเองแล้ว
สื่อสารจำนวนมากถูกนำมาใช้บิดเบือนตามวัตถุประสงค์ของผู้ที่ต้องการบิดเบือน
สังคมสมัยนี้จึงซับซ้อนมากขึ้น มากขึ้น จนหลอมให้คนเราในปัจจุบันและอนาคตห่างไกลการไว้เนื้อเชื่อใจกัน เพราะขาดคุณธรรม
ยิ่งสังคมที่สร้างอุดมการณ์เพื่อการยืนอยู่บนเงื่อนไขที่เหนือกว่าผู้อื่น ยิ่งซับซ้อนจนน่ากลัว
ความมืดไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว ความสว่าง ตัวเป็นๆ นี่แหละน่ากลัวยิ่งนัก
ทุนเดิมทางสังคมเรามีดีมากมาย
ก็เป็นเพียงคำบอกกล่าว เล่าสู่กันฟังระหว่าง generation เท่านั้นมั๊ง…
« « Prev : ตอก….(2)
Next : ตอบครูบา…สันติเสวนา (1) » »
7 ความคิดเห็น
บางที…ข้อมูลที่เป็นความจริง…มันอาจจะทำให้คนบางคนเจ็บปวด…
บางที…เช่นกัน…หากเรายอมเจ็บปวด กับข้อมูลที่เป็นจริง…แล้วทำให้บางสิ่งดีขึ้น…จะยอมเจ็บปวดกันไหม
นักการอิ่ม
ใช่ครับ ข่าว หรือการสื่อสารที่มาทั้งหมดไม่ได้สร้างเสียงหัวเราะไปทั้งหมด…..
เรียกเสียงร้องให้ก็มาก ซึมไปเลยก็เยอะ พูดไท่ออก บอกไม่ถูก ไปไม่เป็น ก็บ่อยๆครับ..
ยอมรับความจริงครับ ต้องยอมรับความจริง…
แต่ Positive approach เป็นการสร้างสรรค์กว่า แม้จะเป็นข่าวร้ายก็ตาม
ขอบคุณครับ นักการอิ่ม ที่กำชีวิตไว้ในมือ(ตามรูป) อิอิ..
กาลามสูตรใช้ได้เสมอนะคะ และควรใช้เป็นนิสัยด้วย
สิ่งที่เห็น..ใช่ว่าจะใช่ และสิ่งที่ใช่..ใช่ว่าจะเห็น…มีอะไรหลายอย่างที่เราควรแขวนลอยความรู้สึกและการตัดสินไว้ก่อน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง
คำไทยคำนี้แปลกค่ะ ถ้ามีคำเดียวคือเท็จจะเป็นด้านลบ แต่เมื่อรวมกับจริงกลับเป็นกลาง และมีความหนักแน่นพอที่ทำให้ทุกฝ่ายหยุดได้สิน่า ^ ^
ไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น อย่างที่คิด อิอิ ชื่อบันทึกของจอมป่วน……
หลายๆ คนก็เป็นเช่นนี้ค่ะ ตัดสินไปเลยเท่าที่สัมผ้ส นี่ก็คือหนึ่งสัมผัสแล้วตัดสิน กาลามสูตรยังคงใช้ได้เสมอๆ
น้องแก้มยุ้ยครับ
ไม่ง่ายเลยนะที่จะฝึกให้สติของเรามั่นตลอดไปในเรื่องที่เส้นแบ่งบางเหลือเกิน พี่อาจจะพูดได้ อิอิ แต่ตั้งสติยากเหมือนกัน หลายครั้งเราเองก็พลาด ด้วยหลายเหตุผล เช่นเงื่อนไขเวลาที่ต้องตัดสินใจ จะต้องตัดสินใจทั้งที่ไม่แน่ใจ เมื่อตัดสินใจไปแล้วพบว่า มิใช่เสียแล้ว ที่ตัดสินใจไปนั้นไม่ถูก เราก็ต้องน้อมรับเอาข้อบกพร่องนั้นมาเต็มๆทั้งที่มีคำอธิบาย
เออ จริงนะคำว่า เท็จ หมายถึงไม่ใช่ ไม่ถูก ตรงข้ามกับคำว่าจริง แต่ทำไมเราเอามาใช้เป็นคำเดียวกัน “เท็จจริง” น่าที่จะมีประวัติคำนี้นะครับ พี่ไม่ทราบเหมือนกัน อิอิ
คุณหมอจอมป่วน ผมได้อ่านแล้วบันทึกของหมอ ทำนองเดียวกัน เราพบแบบนี้บ่อยครั้งเหมือนกัน
มันเลยให้สติเราว่าอย่าด่วนตัดสินใจอะไรลงไป ไม่ใช่หมอดู อะไรอะไรก็ฟันธง ฟันอย่างอื่นบ้างก็ได้ อิอิ..