แดงดงหลวง..
อ่าน: 2470
บางทราย: พ่อเวทครับ ผมถามจริงๆ ทำไมพี่น้องเราถึงแดงเป็นเทือกเลยล่ะครับ..
พ่อเวท: เขาจริงจังนะ ตรงไปตรงมา …. ไม่ซับซ้อนเหมือนอภิสิทธิ์
บางทราย:…..?!!!???
บางทราย: พ่อเวทครับ…ถามตรงๆอย่าโกรธกันนะ ผมอยากรู้จริงๆว่าทำไมชาวบ้านถึงชอบทักษิณ…
พ่อเวท: เอ้า…ก็นี่อาจารย์ เขาแก้ปัญหาประเทศชาติได้จริงๆ ประเทศเป็นหนี้สิน เขาก็ปลดหนี้ให้ได้ ตรงข้าม อภิสิทธิ์ มีแต่กู้ กู้ กู้ ดูทักษิณซิ เขาหาเงินได้ 10 บาท แม้เขาจะเอาเงินเข้ากระเป๋า 5 บาท แต่อีก 5 บาทเขาก็ยังแบ่งมาให้เกษตรกรเรา แต่อภิสิทธ์ไม่มีเลย….
บางทราย: อ้าว เขาโกงแล้วพ่อยังยอมรับเขาหรือ….
พ่อเวท: รับได้ครับ ยอมรับได้ ดีกว่ากินกันลูกเดียวเกษตรกรไม่ได้อะไรเลย..
บางทราย: ….??!!??……
บางทราย: แล้วอำมาตย์ล่ะเป็นอย่างไร
พ่อเวท: เรื่องนี้มันยาว…พวกเรารับรู้มาตั้งแต่เรื่องรัชกาลที่ 8 แล้ว แต่เราพูดกันไม่ได้..เราพูดไม่ได้ อำมาตย์ก็พวกอภิสิทธิ์ พวกอาญาสิทธิ์…
บางทราย: แล้วแดงบ้านเราลงไปกรุงเทพฯหลายคนไหมครับ
พ่อเวท: ไม่มี ไม่มีใครลงไปหรอก มีคนมาชวนอยู่ แต่พวกเราไม่ลงไปปล่อยให้เขาไปกันเถอะ เราคนยากคนจน ต้องทำมาหากินวันต่อวัน…
—————
อดีตสหายท่านนี้ ตอนอยู่ในป่าโดยลูกระเบิดเหลือขาข้างเดียว เข้าไปอยู่ในประเทศจีนนับสิบปี รู้จักกันดีกับชำนิ ศักดิ์เศรษฐ์ ….แต่เขาไม่รู้จักผมหรอกเดี๋ยวนี้น่ะ.. กว่าจะเดินทางกลับไทยได้ก็แทบเลือดตากระเด็น เพราะเป็นกลุ่มที่ถูกลืม แต่การดิ้นรนทำให้กลับมาไทยได้ ปัจจุบันเป็นผู้นำสำคัญคนหนึ่งของเครือข่ายไทบรู เป็นคนตรงไปตรงมา ทำงานเพื่อส่วนรวม ทำเกษตรผสมผสาน เพื่อการพึ่งตนเองด้วยขาข้างเดียว
ผมไม่ได้ถือโทษโกรธพี่น้องที่แดงเถือกไปทั้งดง เราก็ทำงานด้วยกัน เรื่องงานก็ทำกันไป เรื่องความคิดเห็นส่วนตัวก็มีอิสระ แต่เขาก็ฟังเราอยู่ แต่เรื่องนี้จะมานั่งอบรมสามวันแปดวันแล้วให้เขาเข้าใจเหมือนเรา คิดเหมือนเรานั้นไม่ได้ งานที่เราทำไม่เคยแตะเรื่องความคิดเห็นทางการเมืองเลย
คำบอกเล่าสุดท้ายของวันนี้ก่อนที่ผมจะแยกตัวกลับมุกดาหาร พ่อเวทกล่าวว่า.. นี่อาจารย์ คนรุ่นผมนั้นยังจำในใจได้สนิทเหมือนเรื่องมันเกิดเมื่อวานต่อการกระทำของ ทหาร ตชด. ที่มีต่อเราก่อนที่เราจะเข้าป่าไป แม้ว่าปัจจุบันจะไม่มีอะไรกันแล้ว แต่ลึกๆพวกเรายังเจ็บอยู่ครับ…
ผมไม่ต้องการรื้อฟื้นนะครับได้โปรดเข้าใจ ..แค่บันทึกลักษณะความคิดเห็น ภาวะจิตใจของพี่น้องดงหลวงไว้ให้เป็นประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่งของสังคมไทย เท่านั้นเอง… เท่านั้นจริงๆ..
4 ความคิดเห็น
เอ่อ…อืม..เฮ้อ…ไม่รู้จะแสดงความเห็นอย่างไร รู้ว่าเป็นปัญหาใหญ่ แต่ไม่รู้จะแก้อย่างไร คงรู้ว่าคงต้องเริ่มที่ตัวเองก่อน แต่ที่แน่ๆ อากาศร้อนอยากแก้ผ้าลงคลองเหลือเกินนนนนนน อิอิ
น่าเห็นใจค่ะ และเข้าใจได้ถึงความรู้สึกร่วมในบางเรื่องราว เพียงแต่การให้น้ำหนักของเรื่องที่เกิดขึ้นเราให้น้ำหนักต่างกัน ซึ่งขึ้นกับมุมมองเหมือนพี่บู๊ทว่านั่นแหละค่ะ
การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในโลกนี้มีสองแบบ แบบแรกคือการหักล้าง โค่นทุกอย่างหมดเพื่อนำสิ่งที่คิดว่าใช่มาแทน ซึ่งโลกผ่านการเปลี่ยนแปลงแบบนี้หลายครั้ง ตั้งแต่ยุคอาณานิคม ยุคเลนนินที่ใช้สังคมนิยมของมาร์กซ์ (ยังไงก็ตามโปรดเข้าใจว่ามาร์กซ เป็นแนวคิด เป็นทฤษฎีที่ไม่ได้ลงมือทำจริง แต่คนที่เอาไปทำจริงก็คือเลนนิน จีน ฯลฯ) ซึ่งก็เกิดการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่การเปิดประเทศเพื่อทุนเช่นกัน
แบบที่สองเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบปรับปรุงคือค่อย ๆ ปรับ ค่อย ๆ แก้กันไปบนวิถีที่ควรเป็น ซึ่งแบบนี้ใช้เวลา แต่ได้ความมั่นคง เพราะการปรับแก้อยู่บนฐานของสังคมนั้น ๆ …
จริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปไตย หรือสังคมนิยม หรือทุนนิยม หรืออำมาตย์ หรืออะไรก็ตามล้วนเป็นแนวคิดเนาะคะพี่บู๊ท ไม่ใช่รูปแบบตายตัวว่าต้องมีแบบนี้ ๆ ๆ ถึงจะใช่ ประชาธิปไตยในหลาย ๆ ประเทศ ก็ผ่านการปรับรูปแบบให้เข้ากับวิถีของคนมาเรื่อย ๆ เช่นกัน จึงมีประชาธิปไตยแบบสหรัฐ แบบอังกฤษ หรือแบบยุโรปอื่น รวมทั้งไทย
สำคัญแค่ว่าเราต้องการทำแบบไหน เพราะมีตัวอย่างให้เห็นชัด ๆ ตั้งหลายประเทศว่าการเปลี่ยนแปลงทั้ง 2 แบบเป็นเช่นไรและผลเป็นอย่างไรเท่านั้นเอง
พี่น้องเหล่านี้คือแกนหลักในสมัยอยู่ป่า
และเป็นผู้นำหลักของเราในการทำงานพัฒนาชนบทท้องถิ่นแห่งนี้
ได้ชื่อว่าเป็นพื้นที่ที่ทำงานยากที่สุด
หน่วยงานราชการต่างส่ายหน้า
บริษัทธุรกิจการเกษตรต่างบ่ายหน้าหนี
แต่เราก็ยึดหลักที่ว่า คนเราเปลี่ยนแปลงได้ เพียงแต่อาจจะใช้เวลามากกว่าปกติทั่วไปครับ
ชาวบ้านนั้นกลายเป็นผู้ตาม follower โดยเฉพาะบางชนเผ่า เช่นเขมร โซ่ นั้นเชื่อถือผู้นำนัก หากผู้นำว่าอย่างไรก็เฮไปตามนั้น ตรงนี้เป็นทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน เพราะหากผู้นำดี ก็แฮปปี้ หากผู้นำเข้ารกเข้าพง ก็เป็นกรรมจริงๆ
การคลุกคลีกับเพื่อนร่วมชาติกลุ่มนี้ ที่พี่ไม่เคยพบมาก่อน เป็นงานที่ท้าทายจริงๆน้องเบิร์ด