ว่าวลุงภี…(2)

โดย bangsai เมื่อ ตุลาคม 14, 2008 เวลา 22:51 ในหมวดหมู่ ชนบท #
อ่าน: 6436

ลุงภีวัย 61 ปี ยังแข็งแรง สูบบุหรี่บ้าง กินเหล้าบ้างนิดหน่อย ซื้อหวยบ้างนานๆครั้ง ลุงไม่ชอบอยู่บ้าน ชอบที่จะมาตระเวนขายว่าวไปทั่วทุกแห่ง ผมมันชอบอย่างนั้น หนุ่มๆผมเป็นคนเที่ยว ไปทั่ว ประเทศลาวผมก็ไปทำงานเป็นคนงานตัดไม้มาแล้ว ชอบท่องเที่ยวไป เมื่อผมมาขายว่าว ก็นอนไปตามปั้มน้ำมัน ศาลาวัด โคนต้นไม้ ไม่เคยเช่าโรงแรมนอน เคยมีลูกค้าที่คุยกันถูกคอเชิญให้ไปนอนบ้านก็มี..

ว่าวตัวใหญ่รูปแบบแปลกตานั้น ลุงภีเอาแบบมาจากฝรั่งที่พัทยา ไปขอซื้อเขามาสองตัว 900 บาท เอามาถอดแบบแล้วทำขึ้นเองใหม่ ลองชักดู ตกแต่งไปเรื่อยๆจนใช้ได้ดีก็เอามาขาย ในหมู่บ้านโนนเมืองผมเป็นคนแรกที่ทำว่าวทรงนี้

ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเด็กผู้หญิง และชอบขนาดเล็กๆ ผมจะขายไม่แพงแล้วแถมเชือกให้ด้วย ยาวประมาณ 15 เมตร ผมไปซื้อกระป๋องกาแฟสำเร็จรูปมาจากร้านรับซื้อเศษขยะในราคากิโลกรัมละ 5-6 บาท เอาด้ายมาพันให้ลูกค้า พ่อค้าบางคนเขาไม่แถมแต่ขาย 10 บาท แต่ผมแถมให้ฟรี…


เมื่อสามสี่ปีก่อนรายการคุณไตรภพเคยมาถ่ายทำสารคดีการทำว่าวของลุงภีที่บ้านโนนเมือง ต.โนนข่า อ.พล จ.ขอนแก่น… จนชาวบ้านแซวเอาว่าผมเป็นดาราไปแล้ว..

การทำว่าวขายเป็นอาชีพรอง เป็นอาชีพเบา สุจริต สิบกว่าปีที่ยึดอาชีพรองนี้มามีรายได้ดีมาก จึงเป็นความสุขของลุงภีที่ได้ทำขาย เร่ร่อนไปทั่วสารทิศ ได้เงินมาก็ให้ยายที่บ้านเก็บ ก็ลูกๆนั่นแหละเป็นคนใช้เงิน แต่ก็เป็นความสุขของลุงภี… ปัจจุบันเพื่อนบ้านยึดอาชีพนี้ตามอย่างกันทั่วหน้า…


เมื่อ หลายปีก่อนทางราชการพยายามมาสนับสนุนให้ตั้งกลุ่มผลิตว่าว OTOP เอาเงินทองมาลงทุนให้เป็นแสนๆ ทำไปได้ปีหนึ่งกลุ่มก็ล้มไม่เป็นท่า เพราะต่างไม่ไว้ใจกัน ฝ่ายผลิตก็ผลิตไป ฝ่ายขายก็เอาสินค้าไปขาย แต่เงินที่ได้มา ฝ่ายผลิตไม่เชื่อใจว่าครบตามที่ได้ขายจริงหรือไม่ เมื่อไม่ไว้ใจกันก็เลิกระบบกลุ่ม เอาไผเอามันซะ ลุงภีกล่าว เมื่อต่างคน ต่างทำ ต่างขาย ต่างจัดการกันเอง ก็ไม่มีเรื่องราวอะไร

เงินแสนที่ได้มาจากการขายว่าวแต่ละปีนั้นเป็นกำไรสุทธิ แม้จะลงทุนค่อนข้างสูง ประมาณ 5-6 หมื่นบาทต่อปี แม้บางปีขายไม่ได้ เช่นปีที่แล้วมา ลุงภีให้เหตุผลว่าเพราะคนไทยไว้ทุกข์สมเด็จพระพี่นาง จึงขายว่าวได้ไม่หมด แต่ก็กำไรเป็นแสนเช่นกัน หากขายหมดก็จะกำไรมากกว่าสองแสน…ลุงภีกล่าว

ใครจะไปรู้ว่า ว่าวริมถนน นั้น มูลค่าตลอดปีได้กลายมาเป็นบ้านให้ลูกๆลุงได้อยู่อาศัยกัน กลายเป็นรถปิคอัพที่ใช้วิ่งทำมาหากินกันทุกวันนี้ และเป็นทุนที่ยายสะสมไว้ยามหมดแรง

เมื่อถึงฤดูทำนาลุงภีก็พาลูกๆทำนา (รวมทั้งลูกเขย) เมื่อว่างเว้นทำนาก็ทำว่าวเก็บสะสมไว้ตลอดปี แล้วเอาออกมาขายในช่วงออกพรรษานี้ อาชีพทำว่าวได้ขยายตัวไปทั่วทั้งหมู่บ้าน และขยายไปถึงบางหมู่บ้านอื่นๆ เช่น ที่ อ.บ้านไผ่ แล้ว

ลุงภีกล่าวว่าใครอยากเรียนรู้ก็ไม่หวงความรู้ มาเรียนได้ เพราะไม่ได้ยากเย็นอะไร เคล็ดลับมีบ้างนิดหน่อย …..


ก่อนจาก..ลุงภีกล่าวกับผมว่า… ผมขายในราคาถูกกว่าเพื่อนบ้านคนอื่น 5-20 บาท หรือบางทียังให้ฟรีๆมาแล้วก็มาก เงินเป็นของหายาก พ่อแม่บางคนไม่มีเงินซื้อจริงๆ แต่ลูกๆอยากได้ ว่าวเป็นของเล่นของเด็กที่ไม่ได้สร้างความเสียหายใดๆ ตรงข้ามเด็กสนุก และช่วยให้เด็กบางคนคิดเลยไปว่า มันบินได้อย่างไร บางคนก็เอาไปฝึกทำเองก็มี ผมให้ฟรีครับ หากเด็กไม่มีเงินซื้อและอยากได้จริงๆ…..

ชายผู้มีอายุ 61 ปีคนนี้ จากบ้าน จากเรือน จากครอบครัวมาอาศัยริมถนน ขายฝีมือล้วนๆจากครอบครัวของเขาเอง… สุจริต และมีใจโอบอ้อมอารี เอื้อเฟื้อแก่ผู้ขาดแคลน ลุงภีคือชาวบ้านธรรมดาที่น่าสนใจคนหนึ่ง….ท่ามกลางยุคสมัยนี้…

« « Prev : ว่าวลุงภี…(1)

Next : ช่วยผู้ถูกใส่ร้าย.ป้ายสี… » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

17 ความคิดเห็น

  • #1 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 16 ตุลาคม 2008 เวลา 9:54

    ที่อยู่ของลุงภีคือ

    นายสุภี เผือดนอก
    125 บ้านโนนเมือง หมู่ที่ 8
    ตำบลโนนข่า อำเถอพล
    จังหวัดขอนแก่น

    มือถือลุงภีเคยมีอยู่ ถูกยายยึดเอาไปแล้ว เพราะมีแต่สาวๆโทรมาหาเต็มไปหมด …ลุงภีกล่าว..

  • #2 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 16 ตุลาคม 2008 เวลา 19:53

    เข้ามาอ่านเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่ทราบค่ะพี่บางทราย เพราะชอบวิธีคิด ชอบการมองโลกและความทรนง มั่นคงในตัวเองของลุงภีมากเลย

    คนที่เค้าเข้าใจตัวเองรู้จักตัวเองเค้าจะสง่างามนะคะ ไม่ว่าเส้นทางที่เค้าเลือกเดินนั้นจะเป็นอย่างไรแต่เค้าก็จะมีความโดดเด่นออกมาเสมอ

    เท่มากค่ะ และเห็นด้วยว่าว่าวสอนอะไรมากมาย แค่คำถามว่า ” มันบินได้ยังไง ” ก็ค้นหาคำตอบกันยาวนานแล้ว

    เคยเห็นเค้าเอาว่าวมาสู้กันค่ะพี่บางทราย ใช้ฝีมือมากๆ และมีอุปกรณ์พิเศษช่วยคือป่านคม ที่ทำโดยนำเศษแก้วมาตำละเอียดผสมกาวแล้วทากับเชือก เวลาที่เกี่ยวกับว่าวตัวอื่นก็จะมีวิธีผ่อนสายป่าน ให้เชือกพันกันแล้วกระตุกก็จะได้ว่าวเชลยมา ว่าวจึงเป็นกีฬาและมีพัฒนาการที่น่าสนใจเนาะคะ

    แม่เล่าว่าสนามหลวงสมัยนู้น ตอนเย็นๆก็จะมีหนุ่มๆมาเล่นว่าวโชว์พร้อมทั้งมีมะพร้าวอ่อนขาย สาวๆก็จะมากับครอบครัวพาเด็กๆมาวิ่งเล่น ซื้อมะพร้าวอ่อนแจกกัน ..นึกภาพแล้วน่ารักจัง อิอิอิ

    ว่าวนี่เค้ามีหลายชนิดใช่มั้ยคะดั้งเดิมเลยก็ จุฬา ปั๊กเป้า งู ที่บ้านคุณตาจะมีว่าวดุ๊ยดุ่ย เค้าจะชักขึ้นไปแล้วผูกไว้กับต้นไม้ค่ะพี่บางทราย ทิ้งไว้ทั้งคืน เจ้าว่าวตัวนี้เค้าก็จะร้องดุ๊ยดุ่ยๆๆๆๆๆๆ อยู่ไกลๆฟังแล้วสนุกดีเหมือนกันค่ะ แต่ว่าวของคุณลุงนี่สีสวยและแบบแปลกใหม่มากเลยค่ะ ทำจากอะไรน้อ?

  • #3 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 16 ตุลาคม 2008 เวลา 21:10

    น้องแก้มยุ้ยครับ..

    ลุงภีเป็นตัวอย่างของชาวบ้าน

    1. ช่างสังเกตุ ช่างเรียนรู้และวิเคราะห์ช่องทางทำมาหากินได้ : ลุงเห็นคนชัยภูมิมาขายว่าว และขายได้ เด็กชอบ ไม่ียากเย็นใครๆก็ทำได้ จึงเห็นช่องทางทำกินก่อนใครๆ พี่ถามลุงว่า คนชัยภูมินั้นมาขายอีกไหมในปัจจุบัน ลุงบอกว่าเลิกไปแล้ว เพราะว่าวที่คนชัยภูมิทำนั้นเป็นแบบเก่าดั้งเดิมที่ใช้กระดาษ ที่ขาดง่ายและหากทำไม่ดีเจอลมแรงๆว่าวก็ขาด เด็กๆที่เล่นว่าวใหม่ๆก็จะวิ่งเพื่อให้ว่าวขึ้น แต่หากไม่ขึ้นว่าวตกลงมาก็มักฉีกขาดง่าย ยิ่งเด็กๆไม่รู้จักถนอม เดี๋ยวก็พัีงหมด ต้องซื้อใหม่ พ่อแม่ก็ไม่ไหวที่ต้องซื้อให้บ่อยๆ ว่าวของลุงเป็นผ้าร่ม เหนียว ทนฟ้า ทนฝน ทนลม จึงไม่ขาดง่ายๆ ใช้ได้นานเป็นปีๆเลย

    2. เป็นคนเอาจริงจังสนใจ ดัดแปลง : ดูช่วงที่ลุงไปซื้อว่าวฝรั่งมาถอดแบบและทำขึ้นใหม่ที่ใช้วัสดุตามพื้นบ้านได้ ลุงต้องไปอ้อนวอนฝรั่งถึงสามครั้งฝรั่งจึงขายให้

    3. รู้จักดัดแปลง สร้างสรรค์ แก้ปัญหา : ทำครั้งแรกๆว่าวไม่ีขึ้น เพราะหัวมันหนักโครงไม่ไผ่ จะเหลาให้ไม้เล้กลงก้ไม่ได้แล้วเพราะตัวว่าวก็เล็กอยู่แล้ว มีทางเดียวคือตัดไม้ส่วนหัวออก ซึ่ีงก็ลองไปเรื่อยๆว่า ตัดแต่ไหนจึงจะพอดี จนพบว่ายาวประมาณ 2 นิ้ว ว่าวก็จะขึ้นพอดี

    4. รู้จักใช้ความรู้ความสามารถของครอบครัว: ลูกๆที่ไปทำงานโรงงานเย็บผ้าที่กรุงเทพฯ และว่าวของลุงใช้ผ้าร่ม ไม่ใช่กระดาษ ผ้าร่มต้องเย็บด้วยเครื่องจักร จึงปรึกษากับลูกๆให้ลาออกมาทำงานกับพ่อ เอาความรู้เย็บจักรโรงงานมาใช้ในอาชีพใหม่

    5. ลุงทำว่าวหลายขนาด แต่ละขนาดมีหลายสีหลายลาย: เหมือนนักธุรกิจที่รู้หลักจิตวิทยาลูกค้าที่ชอบเลือก แต่ละคนชอบสีต่างกัน แบบต่างกัน ขนาดต่างกัน ลุงบอกว่า เด็กผู้หญิงซื้อมากกว่าเด็กผู้ชาย ????? และชอบสีสวยงาม มีดอกไม้ติดนิดหน่อย มีรูปค้างคาวติดนิดหน่อย หรือแต่งให้เป็นนกฮูก นกแซงแซว ลุงดัดแปลงตามลูกค้า อิอิ เก่ง ฉลาดจริงๆครับ

    6. การทำแผงใหญ่ๆ ติดจำนวนว่าวมากๆ หลากหลาย ดูละลานตา และตั้งทำเลเป็นคนที่สองที่สามของแถวถนนที่คนผ่านมาจะพบ: นี่คือประสบการณ์การทำธุรกิจค้าว่าวของลุงภี การทำเช่นนั้นมันดูเด่น เตะตา โดยเฉพาะเด็กๆ ไม่รู้ว่าว่าวกับเด็กมันถูกกันอย่างไร พี่สังเกตุดู รถที่มีเด็กผ่านมา 8 ใน 10 คันต้องแวะ แม้จะไม่ซื้อก็ตาม เช่นบ่นว่าแพงไป… หรือ เดี๋ยวพ่อไปทำให้หนูเองที่บ้าน… แต่ส่วนใหญ่ แหกปากร้องให้ลั่นเลยหละ ถ้าพ่อแม่ไม่ซื้อให้ั… อิอิ… การมาเลือกทำเลเป็นคนที่สองที่สามนั้นก็เพราะว่า รถที่ผ่านพ่อค้าว่าวคนที่หนึ่งนั้น ลูกค้ายังไม่ทันตัดสินใจรถก็ผ่านมาแล้ว เมื่อตัดสินใจว่า เอา ซื้อ รถผ่านมาแล้วก็มีพ่อค้าคนที่สอง ที่สามก็จอดซื้อได้ ไม่ต้องย้อนไปพ่อค้าคนที่หนึ่งใหม่….ฉลาดจริงๆ..

    7. ลุงแกใจถึง พูดง่าย ลูกต้าต่อรองนิดหน่อยปล่อยไปเลย: ไม่ใจแข็ง การลดหย่อนลงมาบ้างช่วยให้ลูกค้าพอใจ และคิดว่าได้ราคาถูกลงมา ก็ซื้อเลย ลุงจึงขายได้มากกว่าคนอื่นๆเมื่อเป็นจำนวนตัวว่าวและตัวเงิน

    8. ทีมทำงาน: ครอบครัวลุงสรุปแล้วว่าการทำว่าวเป็นรายได้หลักของครอบครัว ลูกสาวทุกคนที่กลับมาจากกรุงเทพฯ ต่างก็มีลูกมีผัวแล้ว ก็ชวนกันมาตั้งทีม แบคอัพลุง เพราะเมื่อสินค้าลุงน้อยลง ก็โทรศัพท์สั่งทางบ้านทำเพิ่มได้ทันที ระดมลูกสาวลูกเขยมาช่วยกัน เพราะวัตถุดิบเตรียมไว้หมดแล้วเหลือการประกอบเป็นตัวว่าวแค่นั้น การมีทีมเช่นนี้นี่เองที่ครอบครัวอื่นๆไม่มีพร้อมเท่าลุงจึงขายได้มาก และกำไรปีหนึ่งเป็นแสน

    ………

    น้องแก้มยุ้ย…สมัยเด็กๆพี่ก็ชอบเล่นว่าวช่วงพ่อแม่ไปเกี่ยวข้าว แต่ีทำเอง กีฬาว่าวเรามีมานานแล้วและหายไปเมื่อไหร่ไม่รู้นะเนี่ย…ว่าวดุ๊ยดุ่ย เสียงเพราะดี พี่ทำไม่เป็น แต่เห็นผู้ใหญ่แถวบ้านทำอยู่ครับ จุฬา ปักเป้าเคยเล่นมาแล้วครับ ยกเว้นว่าวงู ดูเหมือนว่ามาทีหลังนะ

    ว่าวลุงภูสีสวยๆ ทำจาก “ผ้าร่ม” ครับ พี่พยายามถามว่า ผ้ามีชื่อเฉพาะไหม ลุงบอกว่าเขาเรียกผ้าร่ม เวลาไปสั่งซื้อที่เมืองพลก็สั่งเขาที่ร้านว่าเอาผ้าร่มสีนั้นสีนี้ พี่ถามว่าม้วนละเท่าไหร่…ทำไมไม่สั่งเองจากกรุงเทพฯ ลุงบอกว่า ทั้งๆที่รู้ว่าร้านเอากำไรเมตรละ 10-15 บาท เมตรละนะครับ เวลาซื้อทีเป็นม้วนมันตั้งหลายสิบเมตร ลุงบอกว่า เวลาเราสั่งจำนวนไม่มากพอที่ทางกรุงเทพฯจะส่งมาให้เรา แต่อนาคตหากรวมกันทั้งหมู่บ้านก็น่าที่จะทำได้ เพื่อลดต้นทุนอีก

    พี่สำรวจดูแล้ว ยังมีจุดที่พัฒนาขึ้นไปได้อีกหลายอย่างครับ เช่น จำนวนสีมากขึ้น โดยเฉพาะความปราณีตสามารถทำให้ปราณีตได้มากขึ้น เนื่องจากทำแบบชาวบ้าน ไม่มีระบบ QC และเอาจำนวนมากเข้าว่า การเย็บยังไม่ละเอียด และสามารถดัดแปลงรูปร่าง ตกแต่งได้อีกมากทีเดียว ประเด็นนี้ แม้ว่า OTOP ของอำเภอจะล้มไปแล้ว แต่พัฒนาชุมชน หรือ กศน.ในเมืองพลน่าที่จะเข้าไปพัฒนาฝีมือขึ้นได้อีกครับ

    ..เอาซะยาวเลยน้องแก้มยุ้ย..

  • #4 ดำรงค์ศักดิ์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 10 มกราคม 2009 เวลา 12:02

    สวัสดีครับ ผมอยากได้เบอร์ของลุงภี จังครับ ผมอยากไปรับว่าวลุงเค้ามาขายครับผม

  • #5 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 10 มกราคม 2009 เวลา 17:19

    คุณดำรงศักดิ์ครับ ผมไม่มีเบอร์โทรของลุงภีครับนอกจากที่อยู่ข้างต้นครับ กรุณาติดต่อลุงภีทางจดหมายก่อนก็แล้วกันนะครับ ขอให้โชคดีครับ

  • #6 บังอร ให้ความคิดเห็นเมื่อ 2 มิถุนายน 2009 เวลา 21:27

    ว่าวลุงภีสวยจัง

  • #7 บังอร ให้ความคิดเห็นเมื่อ 2 มิถุนายน 2009 เวลา 21:28

    ว่าวลุงภีสวยจัง

  • #8 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 2 มิถุนายน 2009 เวลา 22:03

    ขอบคุณครับ  ไม่ทราบว่าแล้งปีนี้ลุงภีจะมาอีกหรือเปล่าครับ

  • #9 บังอร ให้ความคิดเห็นเมื่อ 17 มิถุนายน 2009 เวลา 10:28

    ลุงภีต้องมาขายทุกปีค่ะ

  • #10 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 17 มิถุนายน 2009 เวลา 21:48

    ขอบคุณครับคุณบังอร

  • #11 บังอร ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 มิถุนายน 2009 เวลา 13:15

    ดิฉันรู้จักกับลุงภีค่ะ

  • #12 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 มิถุนายน 2009 เวลา 14:32

    แล้งนี้ลุงภีมามุกดาหารอีกก็คงได้คุยกันอีกครับคุณบังอรครับ

    เล่าเรื่องลุงภีในมุมมองของคุณบังอรให้ฟังบ้างก็จะดีมากนะครับ

  • #13 บังอร ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 มิถุนายน 2009 เวลา 13:02

    ดิฉันอาชีพเดียวกับลุงภีค่ะ อยู่หมู่บ้านเดียวกัน

  • #14 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 มิถุนายน 2009 เวลา 15:08

    ยินดีรู้จักกับคุณบังอรครับ
    และดีใจที่ช่างทำว่างสามารถใช้ internet ได้ แสดงว่าคุณบังอรเป็นผู้มีความรู้นะครับ
    แล้งนี้คงพบกันที่มุกดาหารนะครับ

    สวัสดีครับ

  • #15 บังอร ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 มิถุนายน 2009 เวลา 20:54

    ดิฉันไม่ได้ขายที่ภาคอิสานค่ะ ทำส่งที่สนามหลวง และเขตภาคกลางค่ะ

  • #16 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 มิถุนายน 2009 เวลา 21:02

    สักวันหนึ่งอาจพบกันก็ได้
    แต่ เอ..จะรู้จักกันอย่างไรล่ะ อิอิ

    ขอบคุณครับ

    อ้อ ผมพบลุงภีก็จะถามจากลุงภีก็ได้ครับ

  • #17 บังอร ให้ความคิดเห็นเมื่อ 26 มิถุนายน 2009 เวลา 16:12

    สวัสดีค่ะ คงมีสักวันจริงๆค่ะ ยินดีรู้จักคุณนะคะ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.93245387077332 sec
Sidebar: 0.27051019668579 sec