AAR เฮหก…4 เชียงแสนกับบ่นปนสำนึก

โดย bangsai เมื่อ ธันวาคม 12, 2008 เวลา 11:03 ในหมวดหมู่ เฮฮาศาสตร์ #
อ่าน: 4066

ผมเคยมาดูเมืองเก่าเชียงแสนครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มาเองโดยไม่มีผู้บรรยาย แต่ก็ชื่นชมว่าเมืองเชียงแสนนั้นน่าสนใจความรุ่งเรืองในอดีต เมื่อได้มาฟังอาจารย์มิติเล่ายิ่งซาบซึ้ง หากฟังเวอร์ชั่นของลุงเอกก็จะยิ่งเห็นคุณค่ามากขึ้นเป็นทวีคูณ

เท่าที่ผมได้ยินเชียงแสนมานั้นก็มาฮือฮาตอนที่ทางราชการ และท้องถิ่นบางส่วนต้องการทำท่าเรือ ธุรกิจแม่น้ำโขงที่นี่ ท่านอาจารย์ศรีศักดิ์ วัลลิโภดม ท่านออกมาคัดค้านอย่างหนักแต่ก็ไม่เป็นผล มาวันนี้เราสัมผัสท่าเรือที่เชียงแสนแล้ว

มุมมองผมนั้นสนับสนุนท่านอาจารย์ศรีศักดิ์ เพราะว่าตัวเมืองเชียงแสนโบราณนั้นมิควรที่จะเอาใดๆไปแตะต้องกล้ำกลายแม่แต่เสาไฟฟ้าสักต้นก็ไม่ควรด้วยซ้ำไป ปักขอบเขตบริเวณให้เป็นเมืองเก่าล้วนๆ ตัวเมืองใหม่อยู่นอกบริเวณนี้ …..แต่เปล่าเลยสิ่งก่อสร้างต่างๆรุกล้ำเข้าไปจนดูไม่ได้เลย หากเราจะตำหนิรัฐ ก็ไม่ผิด แต่ก็มีข้ออ้างมากมาย เช่นไม่มีคน ไม่มีงบประมาณ.. แต่ต้องตำหนิท้องถิ่นที่ไม่ได้ช่วยกันอนุรักษ์วัตถุโบราณแห่งนี้ (และแห่งไหนๆทั่วประเทศไทย) ดูเหมือนว่านอกจากจะไม่มีมุมทางอนุรักษ์พื้นที่คุณค่าทางประวัติศาสตร์แล้ว ยังทำลายอีกด้วย

ผมไม่ได้ตำหนิคนเชียงแสน แต่ผมตำหนิคนไทย พวกเราทั้งหมดนี่แหละที่มักง่ายเกินไป ผมเห็นชาวบ้านหลายแห่งตื่นขึ้นมาช่วยกันสร้างป่าชุมชนด้วยกันเอง โดยไม่มีราชการเข้ามาช่วยจนเป็นที่ประจักษ์ก็หลายแห่ง อาจเป็นเพราะป่าชุมชนนั้นๆมีประโยชน์โดยตรงต่อวิถีชีวิตชุมชน แต่วัตถุโบราณที่เป็นเมืองอย่างเชียงแสนนั้นก็อยู่ในลักษณะทำนองเดียวกัน แต่อยู่ในรูปแบบใหม่ เพราะสถานที่โบราณที่มีความสำคัญเช่นนี้ คือแหล่งเรียนรู้ อดีตของบรรพบุรุษชาติไทย ที่ลูกหลานสมควนเข้ามาสัมผัสและเข้าใจความเป็นมา ฯลฯ… และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ

ผมมองเลยไปถึงการทำลายวัฒนธรรมตัวเองด้วยวัฒนธรรมใหม่ วิ่งไปข้างหน้าโดยทำลายของเก่า หรือไม่แยแสต่อคุณค่าเดิมที่สร้างให้เป็นเราในวันนี้

เพื่อนแซ่เฮทุกคนในวันนี้ เดี๋ยวนี้ ตัวตนเป็นๆที่เห็นได้ จับต้องได้วันนี้ มีที่มาที่ไปมามากว่าตั้งแต่ยี่สิบปีไปจนถึง 50-60 ปี มีวันนี้ได้ไม่ใช่โผล่จากดินจากน้ำมาในเมื่อวานนี้ แต่ แต่ละท่านผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านทุกข์ สุข ต่อสู้ ล้มเหลว ชัยชนะ และสารพัดเรื่องราวที่เป็นเบ้าหลอมสร้างให้เรามาเป็นคนแซ่เฮวันนี้ เรานึกย้อนไปแล้วก็บอกว่า ทุกจังหวะก้าวคือคุณค่ามหาศาลที่จ่ายราคามาด้วยชีวิต …นี่คือภูมิหลัง เบื้องหลัง..และพัฒนาการทางประวัติศาสตร์บุคคล ไม่เชื่อลองอ่านดูใน ไผเป็นไผซิ ทึ่งซะไม่เมี๊ยะ


ก้อนอิฐก้อนดิน ลวดลายที่หลงเหลือบนซากปรักหักพังของเมืองเชียงแสนก็เช่นกัน ที่เห็นนั้นเป็นรูปธรรมที่เก็บงำนามธรรม คือพัฒนาการของเมืองทางประวัติศาสตร์ซึ่งก็คือเบ้าหลอมชีวิตของความเป็นคนไทย ชาติไทย เผ่าไทย ราษฎรไทย…ฯลฯ มาจนทุกวันนี้ เราจะสลัดก้อนอิฐแห่งความหลังลงไปโดยไม่สำนึกเลย แล้วมองไปแต่ข้างหน้าเช่นนั้นหรือ… เพื่อนไทย..ช่วยกันไตร่ตรองและมาอนุรักษ์ให้อดีตเรามีคุณค่ากันเถิด.. (ต๊ายย…บ่นซะยาวเลย)

« « Prev : AAR เฮหก..3 อ.ถวัลย์ ดัชนี ที่ผมรู้จัก

Next : วัฒนธรรมองค์กร…มุมมองของบางทราย 1 » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

10 ความคิดเห็น

  • #1 สิทธิรักษ์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 ธันวาคม 2008 เวลา 14:57

    ครับ พี่ ระบอบทุนทำลายได้ทุกเรื่อง แม้แต่ความจริงในชีวิต
    ความที่เป็นตัวตน และ วิถีชีวิต ขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม จารีตประเพณี

    เศร้ามากครับ ทุนเข้ามาซื้อแม้กระทั่งจิตวิญญาน ความเป็นคน แบ่งแยกความเป็นจริง

    เอาแค่นี้ก่อนครับ พี่ ขอบคุณมากครับ

  • #2 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 ธันวาคม 2008 เวลา 15:05

    ตามมาป่วนเพิ่มเติมค่ะ เราไม่ได้ให้คุณค่ากับอดีต แต่ให้มูลค่ากับมันค่ะ การซื้อขายเปลี่ยนมือ การบุกรุกต่างๆนานาจึงเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ อย่าว่าแต่คนอื่นเลย ตัวเบิร์ดเองยังรู้จักประวัติวัดพระแก้วในกทม.มากกว่าวัดในชร.ด้วยซ้ำ(ในสมัยเรียนนะคะ) มาเฉลียวใจเอาตอนโตว่าทำไมเป็นอย่างนั้น ก็พบว่าสิ่งที่เราเรียนรู้นั้นมาจากส่วนกลางทั้งหมดไม่ได้มีขนบธรรมเนียมท้องถิ่นแม้นแต่น้อย แล้วจะให้รู้จักคุณค่าได้อย่างไร?

  • #3 น้องจิ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 ธันวาคม 2008 เวลา 19:01

    คิดถึงจัง แวะมาเก็บความรู้อีกนิด อิอิ รักษาสุขภาพด้วยนะเจ้าค่ะ…หนูจิ

  • #4 nning ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 ธันวาคม 2008 เวลา 22:52

    ที่บ่นมาทั้งหมด ขออีกรอบหนึ่งค่ะ ต่อมสำนึกจะได้กระตุก

    ค่านิยมคนไทยแปลกๆ หลายอย่าง นิยมสะสมของเก่า เอามาเก็บงำเป็นของตนเองทั้งๆ ที่เป็นสมบัติของคนไทยทุกคน นิยมความทันสมัยจนลืมรากเหง้าของตัวเอง

    ทำไปทำมาก็มาช่วยบ่นอีกคนหนึ่งค่ะ

  • #5 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 ธันวาคม 2008 เวลา 23:22

    อาเหลียงครับ

    นั่นแหละ ดูเหมือนเราไม่ชอบแต่เราก็อยู่กับมัน
    เราวิภาควิจารณ์สารพัด แต่เราก็เดินในสายพานนี้ที่หมุนไป

    จริงๆเราไม่รังเกียจ หากเขามีคุณธรรม
    เถอะ..อยู่อย่างรู้ดีกว่าอยู่แบบไหลตามจนไม่เหลือสำนึก..

    อาเหลียงก็เป็นคนหนึ่งใช่ไหมครับที่เห็นมุมนี้

  • #6 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 ธันวาคม 2008 เวลา 23:40

    น้องเบิร์ดครับ

    สิ่งที่บอกดูเหมือนเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับทุกคนครับ ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง หรือมากกว่าหนึ่งเรื่อง

    การมาเชียงรายครั้งนี้มาแบบเลาะมุมลึกของเชียงรายจึงรู้จักความยิ่งใหญ่ของดินแดนเชียงรายและภูมิภาค ท้องถิ่นแถบนี้ทั้งอดีต และปัจจุบัน หากมีกระบวนการใดๆที่จะสร้างให้คนสัมผัสกับประวัติศาสตร์อย่างต่อเนื่องและเข้าด้านลึก อย่างมีสำนึกความเป็นลูกหลาน เชื่อว่าพี่น้องจะลุกขึ้นมาทำอะไรหลายๆอย่างเพื่อรากเหง้าของสายเลือดของเผ่าพันธ์

    สักวันหนึ่ง..จะมา

  • #7 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 ธันวาคม 2008 เวลา 23:41

    รับทราบจ่ะหลานจิคนเก่ง คิดถึงเช่นกันจ่ะ

  • #8 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 ธันวาคม 2008 เวลา 23:42

    น้องหนิงมาช่วยกันบ่นได้นะ อิอิ

  • #9 หมอเจ๊ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 13 ธันวาคม 2008 เวลา 19:26

    มาร่วมฟังคำบ่นด้วยคน…บ่นแล้วคิด…แล้ววววววววววววววววว..ยังไงดีน้า

  • #10 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 13 ธันวาคม 2008 เวลา 23:34

    โดยศักยภาพแล้ว เรายังไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะยังไม่มีเงื่อนไขที่จะก้าวไปแตะต้องได้

    เพียงแต่แสดงคำบ่นออกมา เบื้องต้นอาจจะมีใครฟัง ใครได้ยินแล้วเอาไปคิดต่อ หากบังเอิญมีใครที่มีบทบาทหน้าที่ ทีอำนาจ และเห็นด้วยก็อาจจะสานต่อ หากไม่มีก็ไม่เป็นไร แต่การเปิดประเด็นไว้ก่อนนั้น เท่ากับเรา พัดลูกกอล์ฟให้เลยหลุมไว้ก่อนจึงมีโอกาศลงหลุมได้ หากพัดไม่ถึงหลุ่มนั้นไม่มีสิทธิลงหลุมอยู่แล้ว

    เอ…..ไปเกี่ยวอะไรกับกอล์ฟเนี๊ยะ อิอิ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.12443804740906 sec
Sidebar: 0.030738830566406 sec