ท้องกิ่วจนได้เรื่องดีๆ
เมื่อพวกเราเดินทางกันไปยังจุดหมาย ปรากฏว่าถนนสายที่ร้านอาหารนี้ตั้งอยู่รถบัสไม่สามารถเข้าไปจอดได้ รถจึงต้องจอดให้ลงกันที่อีกถนนหนึ่งแล้วลงเดินกันไป
เมื่อพวกเราเดินทางกันไปยังจุดหมาย ปรากฏว่าถนนสายที่ร้านอาหารนี้ตั้งอยู่รถบัสไม่สามารถเข้าไปจอดได้ รถจึงต้องจอดให้ลงกันที่อีกถนนหนึ่งแล้วลงเดินกันไป
เมื่อไฟฟ้าดับลงก็เป็นนาทีที่เริ่มเรียนรู้ความเป็นอินเดียกันอีกบท อากาศในห้องแม้จะโล่ง เวลาที่มาเยือนแม้จะเป็นยามเย็น แต่ขอโทษเหอะอุณหภูมิของอากาศไม่เย็นไปด้วยเลย ไม่รู้หรอกว่าอุณหภูมิเท่าไร รู้สึกแต่ว่ามันทั้งอ้าวทั้งร้อน ก็เลยจำต้องยอมรับกระดาษแผ่นเล็กเท่าฝ่ามือเป็นพัด ดีกว่าไม่มีเลย…โอ๊ย..โอ๊ย…ร้อน..ฝุ่น…ฝุ่น…ฝุ่น….เสียงบ่นดังอยู่รอบตัว
ตั้งแต่สัมผัสโกลกาตามาตั้งแต่เช้า ก็เห็นความแตกต่างในอินเดียว่ามีหลายมุมทีเดียว เชื้อชาติ ชนชั้น วัฒนธรรม เผ่าพันธุ์ ภูมิประเทศไม่มีเหมือนแบบพิมพ์เดียวกันให้เห็นเลย ส่วนภาษาพูดนั้นแน่ๆ ตลอดเช้าถึงบ่ายของวันนี้ได้ยิน ๒ ภาษาหลักแล้ว (ฮินดี อังกฤษ) ซึ่งก็เป็นเพียง ๒ ในกว่า ๒๐๐ ภาษาที่คนอินเดียใช้กันอยู่
กินข้าวอิ่มกันแล้ว พวกเราก็เดินทางไปดูงานต่อ สถานที่ถัดไปตามโปรแกรมไกด์เรียกว่า “วังหินอ่อน Marble Palace” ฟังแล้วเหมือนกับเป็นสมบัติของราชวงศ์เลยนะคะ ตามมาค่ะ ตามไปดูงานด้วยกัน
อินเดียมีชาวมุสลิมอาศัยอยู่เป็นอันดับสองรองลงมาจากฮินดู คำนวณจำนวนแล้วความหนาแน่นของคนก็น่าจะเยอะพอดู เมื่อรถแล่นไปยังภัตตาคารอาหารจีน เส้นทางที่วิ่งผ่านมีการจราจรหนาแน่น ระหว่างเหลียวมองหาสถาปัตยกรรมที่บ่งบอกความเป็นมุสลิมบนสองข้างทาง พี่โต (วีระ จงไพศาล) ผู้มาจากภาคประชาสังคมจากจังหวัดตราดก็ส่งเสียงอุทานและชี้มือไปที่ของสิ่งหนึ่ง อ่านต่อ »