ตามลม (๓๑) : เกลือแกง ปูนขาว ลดพิษไข่เน่าได้

อ่าน: 1901

ในเมื่อยังจัดการกลิ่นไม่ได้เบ็ดเสร็จ ก็ต้องหาวิธีมาจัดการต่อ ก๊าซไข่เน่าและแอมโมเนียมีผลต่อสุขภาพของคนด้วย ลงมือเรื่องก๊าซไข่เน่าก่อนละกัน

ก๊าซนี้มาจากการหมักหมมและการเน่าสลายของอินทรีย์สารก้นบ่อ เมื่อก้นบ่ออยู่ในภาวะที่ไม่มีออกซิเจน  ในสภาวะที่มีน้ำฝนลงไปปนมาก น้ำไหลไม่ทัน เวลาที่มีน้ำขัง การเปลี่ยนแปลงความเป็นกรดของน้ำจะมากขึ้นได้ มีความเป็นไปได้ว่าตรงก้นบ่อจะมีออกซิเจนต่ำ

จะอาศัยเครื่องวัดก๊าซที่น้องจูนนำมาช่วยก็แป่ว วัดไม่ได้ ไม่มีหัววัดก๊าซตัวนี้อยู่

ผู้รู้เขาว่ามาว่า ความเป็นกรด-ด่างต่ำ และอุณหภูมิสูง เป็นสภาวะที่ทำให้ก๊าซไข่เน่ามีพิษมากขึ้น  ค่าความเป็นกรด-ด่างที่เปลี่ยนไปของน้ำ ที่ลดลงแม้เพียง 0.1 มีผลเพิ่มความเป็นพิษของมันในน้ำได้

การทำงานที่ผ่านมา ให้ความรู้ว่ามีอย่างน้อย 2 วิธี ที่ใช้ปรับค่าเคมีน้ำให้เป็นด่างเพิ่มขึ้นได้  วิธีแรกใช้ลูกบอลน้ำหมัก วิธีหลังใช้ปูนขาวโรยในน้ำ

มีผู้รู้เขาบอกว่า พิษของน้ำจากก๊าซไข่เน่าสามารถลดลงได้ด้วยการถ่ายน้ำและใส่เกลือแกง หรือไม่ก็ใช้ปูนขาว   เกลือแกงนั้นเขาใช้  4 กรัมต่อตารางเมตร หรือ 20 กรัม ต่อ น้ำ 10 ลิตร ปูนขาวใช้  30 กรัม ต่อ น้ำ 1,000 ลิตร

บ่อน้ำทิ้งที่ไปลองไว้ ให้ความรู้ว่า ปูนขาวปรับค่า pH ให้เป็นด่างได้ แต่ให้ค่า DO ต่ำ ปลาอยู่ไม่รอด  ตรงนี้ก็เป็นอะไรที่ทำให้ลังเลใจ  เพราะว่าในคูมีปลาอยู่แล้วมากมาย

น้ำในคูมีน้ำผงซักฟอกลงมาปน ทำความรู้จักผลทางเคมีของน้ำผงซักฟอกก่อนลงมือด้วยดีกว่า ตามไปหาครูกู้เพื่อปรึกษาก็ได้ความมาว่า เดิมทีสารตั้งต้นทำผงซักฟอกมี 2 ตัว

ตัวหนึ่งเรียกว่า BAB  (Branched alkyl benzene) ตัวนี้ทำให้เกิดฟอง ใช้เวลาสลายตัวยาวนาน เป็นตัวที่ส่งผลให้น้ำเสียและทำลายสิ่งมีชีวิตในน้ำ  อีกตัวเรียกว่า LAB ( Linear alkyl benzene)   ยุคหลังผู้ผลิตเปลี่ยนมาใช้มันเป็นสารตั้งต้นผลิตผงซักฟอกกันมากขึ้น

ผงซักฟอกมีฟอสฟอรัสผสมอยู่ด้วยจึงสามารถลดความกระด้างของน้ำได้   เมื่อใช้ผงซักฟอกแล้ว น้ำที่ปล่อยทิ้งจะมีฟอสเฟตสูง

ฟอสเฟตที่ปนในน้ำจำนวนมากจะสร้างปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “ปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ (red ride) ” ขึ้นมา

ปรากฏการณ์นี้เกิดจากสาหร่ายเติบโตมากจนทำให้น้ำเปลี่ยนสี  พอสาหร่ายตาย จุลินทรีย์ที่มาย่อยสลายใช้ออกซิเจนไปจำนวนมาก น้ำมีออกซิเจนลดลง ปริมาณแอมโมเนียเพิ่มขึ้น กลายเป็นน้ำเน่าเสีย ทำให้สัตว์น้ำตายได้มาก

วิธีลดฟอสเฟตในน้ำ ขณะนี้ไม่มีวิธีที่ได้ผลมากนัก  ปูนขาวและน้ำหมักชีวภาพช่วยลดฟอสเฟตในน้ำได้ลงได้ราวๆกึ่งหนึ่ง ใช้ปูนขาวอย่างเดียวได้ผลน้อยกว่า

อย่างนี้ก็ควรใช้ทั้งปูนขาวและลูกบอลน้ำหมักควบกันไป เพราะว่าได้ผลที่ต้องการหลายเด้ง คือ ลดทั้งกลิ่นและฟอสเฟตแล้วได้แถมลดก๊าซไข่เน่าที่อาจมีปนในน้ำด้วย

« « Prev : ตามลม(๓๐) : ไม่ได้มีแต่ 3 ก๊าซต้นตอของกลิ่น แค่นั้นหรอก…..ยังมีตัวอื่นอีก

Next : ตามลม (๓๒) : pH สูง แอมโมเนีย สาหร่ายสีเขียว เมื่อเกี่ยวกัน » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

3 ความคิดเห็น

  • #1 withwit ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 กรกฏาคม 2011 เวลา 23:59

    หมอเจ๊ครับ …ขจัดมันที่ต้นเหตุอาจง่ายกว่ามาตามแก้ที่ปลายเหตุนะครับ ผมว่า ต้นเหตุมันมีเรื่องเดียว ส่วนปลายเหตุมันบานปลายแล้ว มีหลายร้อยเรื่อง น่าเวียนหัว ยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง เหมือนลิงแก้แห

    เรื่องกลิ่น มันเป็น biochem ร้อยตลบ เอา nobel laureatte มาแก้ ผมว่าก็ยังไม่สิ้น

    ผมว่ามันไม่ง่ายเพียงแค่โยน EM Ball หรอกครับ (The Magic solution หรือ การรูดเครดิทการ์ดทางชีวภาพ) เพราะเรื่องนี้มันเอาไว้หลอกรากหญ้า (ทำเป็นตั้งชื่ออังกฤษให้รากหญ้าฟังไม่รู้เรื่อง เหมือนพระสวดบาลี นโม ตัสสะ นั่นแหละครับ)

  • #2 withwit ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 กรกฏาคม 2011 เวลา 0:08

    หมอเคยได้ยินวลีเสียดสี “the magic mushroom” ไหมครับ
    ที่อัมเสตอร์ดัมมีร้านยาสมุนไพรชื่อนี้ด้วย เดินเข้าไป มีแต่บ้องกัญชา เลยซื้อมาฝากพี้น้องเสียสองบ้อง (ส่วนตัวเอง เลิกมานานแล้ว อิอิ)

    วันนี้ผมว่าเมืองไทยเรามี the magic EM มากเกินไปหน่อย หาว่าเคมีเลวไปหมด ชีวะดีไปหมด ทั้งที่ร่างกายเรานั้นวิเคราะห์ให้ดีจะเห็นว่าสารอนินทรีย์ทั้งนั้น

  • #3 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 กรกฏาคม 2011 เวลา 7:21

    ใช่เลยค่ะอาจารย์ แก้ต้นเหตุง่ายที่สุด แต่การแก้ต้นเหตุของเรื่องนี้ ไม่ง่าย มีเรื่องใช้เงินก้อนใหญ่ และการจัดการที่ต้องการความเข้าใจพื้นที่อย่างมาก ในความเป็นราชการ ถ้าต้องแก้วิธีนี้ มันเลยยาวค่ะ

    ก็อย่างที่บอกในบันทึกว่าเรื่องนี้เกิดมานานแล้ว จะให้แก้ได้หมด และเร็วเป็นไปได้ยาก เรื่องทั้งหมดที่กำลังทำอยู่ จึงเป็นแค่หาทางแก้ระยะสั้น เพื่อลดความเดือดร้อนรำคาญใจให้คนที่ได้รับผลกระทบค่ะ อาจารย์

    เห็นด้วยเต็มร้อยกับที่อาจารย์ให้ความเห็น ยิ่งแก้ยิ่งมีอะไรในรายละเอียดที่น่าปวดหัว อีรุงตุงนังไปหมด

    เมื่อลงมาทำงานเกี่ยว ก็ได้ความเข้าใจใหม่มาว่า งานดูแลการบำบัดน้ำเสียของรพ. จะให้คนจบป.4 หรือไม่เรียนหนังสือดูแลอยู่เฉพาะระบบเท่านั้นไม่ได้ การละเลยไม่สนใจคนต้นน้ำที่มีโอกาสมาเกี่ยวข้อง เป็นต้นเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาค่ะ

    ในส่วนตัวคิดว่า มนุษย์หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีไม่ได้หรอก ไม่เห็นด้วยก็อยู่ตรงที่ ใช้กันแบบมองมุมเดียว มองบวกไม่มองลบ มองลบไม่มองบวก สุดโด่งมากไป

    ดิน น้ำ ลม ไฟ ทั้งหมดเกี่ยวกับเคมีทั้งนั้นแหละค่ะ สิ่งมีชีวิตเมื่อตายไป ทั้งหมดก็กลับคืนไปสู่ธาตุ 4 นี้ ทั้งหมดนี้รวมมนุษย์ด้วย


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.14763402938843 sec
Sidebar: 0.80813097953796 sec