ยิ้มก่อนนอนกับ To Do Tag
อ่าน: 1713หลังจากที่วงโรตี วงแรกเกิดขึ้น ทางกศน.ก็ขยับเดินหน้าสานต่องานดูแลสังคมเข้าสู่งานประจำของครู ตกลงกันว่าเมื่อไรครูลงมือ ขอเพียงกริ๊งมาบอกแค่นี้ก็จะได้ร่วมกันทำงาน ในครั้งสุดท้ายที่ได้พบกับครูระดับผู้บริหารของกศน. เรื่องราวที่ตกลงกันในวงโรตีได้ถูกส่งต่อให้รู้กัน
ในระหว่างรอกศน.ซึ่งยังช้า่เพราะระบบราชการ วงโรตียังแข็งขันและเดินไปด้วยกันข้างหน้า สัปดาห์ที่แล้วได้มีการเจอกันเป็นครั้งที่ 2 ขึ้น สมาชิกในวงที่ยังเหนียวแน่นติดหนึบก็คือสาวน้อยคนชวนให้ตั้งวง ครานี้มีสมาชิกใหม่เพิ่มมา 5 คน คนไทย 2 คน ต่างชาติ 3 คน
3 คนหลังเป็นอาสาสมัครจากอเมริกา ออสเตรเลีย สวีเดน 2 คนหลังเป็นคนวัยทำงาน หนึ่งนั้นเป็นชายทำงานมูลนิธิแห่งหนึ่งในกระบี่ ซึ่งมีเด็กที่พบกับภัยสึนามิอยู่ในอุปการะเป็นร้อยคน อีกหนึ่งเป็นหญิงทำงานในสังกัดองค์กรท้องถิ่นดูแลศูนย์เด็กเล็กแห่งหนึ่งอยู่ในอำเภอเมืองกระบี่
ชักเข้าเค้าว่าเป็นไปได้กับการมีเครือข่ายที่มีผู้คนเชื่อมโยงเข้ามาแบบหลากหลายอย่างนี้ ในการพบปะกันครั้งนี้จึงเป็นการชิมลางของการสานต่อเพื่อนำสู่การสานสัมพันธ์ต่อเนื่องกับผู้ย่างก้าวเข้ามาใหม่ในวง บรรยากาศของวงจึงได้เพียงแค่บรรยากาศแบบสภากาแฟแค่นั้นเอง แต่อย่างน้อยก็ได้รับรู้ว่าบรรดาคนที่มามีไฟของจิตอาสากันอยู่
เมื่อสมาชิกใหม่ทั้ง 5 แยกตัวกลับ สุนทรียสนทนาระหว่างคน 2 คน ได้เริ่มขึ้น สาวน้อยมีประเด็นของการเรียนรู้เพื่อการปรับตัว ปรับชีวิตมากมาย ได้เรียนรู้ความสับสนและหวั่นไหวกับชีวิตที่เกิดตามมาหลังจากการตัดสินใจปรับเปลี่ยนชีวิตกลับมาอยู่เคียงข้างผู้คนในครอบครัว
ค่ำคืนนั้นฉันได้เรียนรู้ว่าการชั่งใจระหว่างความกตัญญูและผลกระทบจากสังคมรอบข้างที่เปลี่ยนไปก่อความทุกข์ของผู้คนที่มีพลังของจิตอาสาขึ้นได้อย่างไร โชคดีที่สาวน้อยได้สัมผัสกับสุนทรียสนทนาจนเข้าใจตัวเอง ดังนั้นในวันนี้เธอจึงมีความสุขกับสิ่งที่ได้ตัดสินใจไปมากโขอยู่
เมื่อต่างคนต่างแยกจากกัน ความสุขได้เกิดขึ้นกับคน 2 คน เป็นความสุขของการได้แลกของขวัญ “การฟัง” ให้แก่กัน “ให้กำลังใจ”กับการได้ลงมือทำงานของชีวิตต่อของสาวน้อยกับคนที่บ้าน
อย่างที่เล่าไว้แล้วในคราตั้งวงว่า แค่ “ส่งเสียงมา วงก็เกิด” สบายๆแบบเบิร์ดๆเชียว ในยามบ่ายของวันนี้ ก็มีเอสเอ็มเอส ส่งสาส์นมาบอกว่า คืนนี้เจอกัน
การเจอกันเป็นครั้งที่ 3 มีเรื่องให้เซอไพร๊ท์อีก เมื่อไปถึงสถานที่นัดพบ..อ้าว..ไหงมีเด็กวัยรุ่น 2 คนมาร่วมด้วย สาวคนหนึ่งที่นั่งรออยู่ก่อนแล้วนั้นเป็นคนเดียวกัับที่เจอกันในครั้งที่ 2 เมื่อเห็นเด็กมาด้วยกับตัวเธอ…เอ๊ะว่า….เธอเข้าใจอย่างไรกับการนัดหมายในคืนนี้ หรือในใจเธอกำลังสนใจอะไร จึงนำพาหนีบเด็กวัยรุ่นทั้ง 2 ติดมาด้วย ส่วนตัวสาวน้อยคนชวนตั้งวงนั้น เธอส่งข่าวว่ากำลังเดินทางมาร่วม
มีเด็กวัยรุ่นมาด้วยอย่างนี้ ก็ไม่ว่ากันอยู่แล้วคุยกันได้ รู้สึกแปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกัน แต่ก่อนจะคุยกับใครต้องเล็งๆ ไม่รู้จักเท่าไรไม่คุยด้วยหรอก เดินหนีเลย แต่ว่าค่ำคืนนี้เข้าไปนั่งร่วมโต๊ะเฉยเลยกับสาวคนนี้
สาวที่มารออยู่ก่อนแนะนำเด็กให้รู้จัก คนหนึ่งยังเรียนอยู่มัธยมมีงานยามว่างเป็นผู้กระจายข่าวของวิทยุชุมชน อีกคนจบปริญญาตรีแล้วโยกย้ายมาจากนราธิวาสเพื่อทำหน้าที่ดูแลพ่อแม่ในครอบครัวประสบภัยสึนามิแทนลูกสาวตัวจริงของครอบครัว ที่ได้ฟังแล้วแปลกก็คือเธอมาทำหน้าที่แบบจิตอาสาโดยไม่มีความสัมพันธ์เดิมแต่อย่างไรกับครอบครัวที่เธอมาดูแล
เมื่อนั่งลงแล้วก็มีคำถามถูกป้อนมาจากสาวผู้สูงวัยกว่า ให้คุยเรื่องสุนทรียสนทนาให้เด็กทั้งคู่ฟัง
ฉันชวนเด็กๆคุยเล่าอะไรบางอย่างเรื่องของตัวเอง โยนคำถามชวนคุยให้สะท้อนความรู้สึกของเขาทั้งสองในฐานะผู้รับผลจากสังคม ไม่คาดว่าเรื่องเล่าที่หลุดออกจากปากของเด็กมัธยมจะเป็นเรื่องที่ได้ยิน เรื่องของเธอเป็นประเด็นความรู้สึกที่มีต่อครูในโรงเรียนของเธอ ความรู้สึกนั้นถูกส่งออกมาผ่านคำพูดเชิงคำถามที่แสดงความคับข้องใจอยู่อย่างมากมาย
เ็ด็กอีกคนไม่ได้สะท้อนอะไรให้ได้ยินในตอนแรก ดูเหมือนเธอกำลังทำความเข้าใจแล้วแปลเป็นคำถาม เมื่อเข้าใจว่าเป็นการสนทนาไม่ใช่การตอบคำถาม เธอสะท้อนความรู้สึกต่อมุมมองของคนพุทธที่ไม่เข้าใจคนอิสลามออกมาให้ได้ยินแฮะ
คุยกับเด็กไปได้สักครู่ ก็มีผู้คนมาสมทบ เป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่เคยพบปะเมื่อคราตั้งวงครั้งที่ 2 สาวน้อยผู้นัดหมายมาถึงก่อนหน้าเขาเพียงเล็กน้อย หลังการอุ่นเครื่องสนทนาทำความรู้จักกันระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ สักครู่ก็มีชายหนุ่มอีกคนมาสมทบ คนหลังนี้เป็นครูในระบบคนหนึ่ง เพิ่งพบหน้ากันในค่ำคืนนี้เป็นครั้งแรกค่ะ
คุยกันไปแลกเปลี่ยนกันไปจนกลายเป็นการวางแผนร่วมกันไปเลยแฮะ ผลของการสนทนาลงเอยด้วยวัน เวลาและสถานที่จัดกิจกรรมเรียนรู้ร่วมกันเพื่อทำความรู้จักกับบรรยากาศของสุนทรียสนทนาไปได้ เป็นประสบการณ์ที่แปลกดีกับการวางแผน จึงถอดบทเรียนมาเพื่อเล่าสู่กันฟัง แค่มีความสนใจอยู่ที่เรื่องเดียวกัน “จิตอาสา” และ มี “ความวางใจกันและกัน ” แค่นี้ก็ทำให้เกิดอะไรๆที่ดีๆตามมาได้
ที่นำเรื่องนี้มาเล่าก็เืพื่อจะตอบว่า ได้รับ To Do Tag ที่ส่งต่อมาจากน้องหนิงแล้ว
รับเรื่องมาแล้วก็คิดอยู่นานจะบอกเรื่องอะไรดีด้วยว่ามีสิ่งที่คิดจะทำอยู่หลายเรื่อง เอาเป็นว่าขอบอกแค่เรื่องของการทำประโยชน์ต่อสังคมเพื่อถวายแด่พ่อของแผ่นดินก็แล้วกันนะคะ
ใจมันอยากลองดูสักตั้งกับการเชื่อมเครือข่ายครูต่างระบบเข้ามาทำงานเชิงสังคมแบบร่วมด้วยช่วยกัน ครูต่างระบบที่ว่านี้ คือ ครูในสังกัดต่างกรม ต่างกระทรวงของภาคการศึกษาค่ะ (กศน.+กรมอาชีวศึกษา+อปท.) อีกความหวังของความตั้งใจครั้งนี้คือเครือข่ายนี้จะมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างครูไทยพุทธและครูอิสลามเกิดขึ้น แล้วส่งผลให้ของขวัญเหล่านี้ได้ถูกส่งมอบให้กันและครูส่งมอบให้เด็กๆค่ะ
เริ่มคิดเรื่องนี้ตั้งกะปีที่แล้ว ปีนี้จะเริ่มลงมือแล้ว ถือว่าวันนี้รายงานความก้าวหน้าก็แล้วกันนะคะ….
ส่วนเรื่องการทำอะไรส่วนตั้วส่วนตัวที่ไม่ง่ายนั้น….ขอกำไว้ก่อนยังไม่แบให้ดูค่าาาาาาาาา…มันไม่รวมอยู่ในหลายเรื่องที่ว่าข้างบนค่ะ….ยังถามใจตัวเองอยู่…อยากทำอะไรส่วนตั๊วส่วนตัวบ้าง….อิอิ
ด้วยกติกาป๋าดันบอกให้ Tag ต่อไปอีก 2 คน….มองๆไปรอบลาน….
อืม…..พี่ตึ๋งนั้นเบิร์ด tag ไปแล้วแต่ไม่ยอมรับลูก….
Tag น้องอึ่งอ๊อบดีหรือไม่…อืม…อาจารย์ไม่ยอมรับลูก…ลูกศิษย์ก็คงคือกัน….ไม่ Tag ดีกว่า….(เดาใจถูกหรือเปล่า…อิอิ)
เอ…แล้ว tag ใครดีหว่า…เอาเป็นว่า…Tag ต่อไปที่น้องครูอาราม กับ คุณ nothing ก็แล้วกันค่าาาาาาาาาาาา
9 ธันวาคม 2552
« « Prev : ไม่รอแล้วนะ..ทำได้ทุกวัน…วันละหลายหน..เลือกได้..เลือกได้
Next : โอ๊ยๆๆๆ » »
6 ความคิดเห็น
บางทรายเรียนโลกไปตามหมอเจ๊
เมื่อย้อนมองประสบการณ์ของค่ำคืนนี้ น้องได้มุมมองบางอย่างที่ควรสังเกตในเชิงสังคมของวัยรุ่นต่อไปด้วยค่ะพี่
พี่หมอเจ๊ทำเรื่องที่น่ารักมากๆ ค่ะ …. รอติดตามนะคะ
มารับไม้ต่อนะครับ
น้องหนิงจ๋า เรื่องที่คิดจะทำนี้ไม่ง่ายๆแต่ก็เป็นเรื่องที่อยากทำลองดูสักตั้ง แค่เพียงได้ผลว่าเหล่าครูเขาได้มาพบปะรู้จักกัน และมีกิจกรรมร่วมกันต่อเนื่องที่เกิดขึ้นตามมา พี่ก็พอใจแล้วเพราะรู้ว่าผลที่ได้มีแต่ความก้าวไปข้างหน้า ไม่มุมใดก็มุมหนึ่งค่ะ
น้องอาราม รอดูพระที่แกะเน้อ