ปล่อยอารมณ์
อ่าน: 1441ก่อนไปกรุงเทพฯมีเสียงหวานๆโทรมาหา ชวนว่าให้ไปร่วมกิจกรรมของศูนย์เด็กเล็กกันหน่อย เป็นศูนย์เด็กเล็กที่มีหญิงสาวคนหนึ่งดูแลอยู่ และเธอก็มีพลังอยู่มากมายในตัว จนทำให้ไม่ชอบที่จะอยู่นิ่งๆทำตามคำบอกหรือคำสั่งเพียงอย่างเดียว หญิงสาวคนนี้ฉันได้พบเจอกัน ในคราหนึ่งที่ตั้งวงโรตี ที่บ้านน้องสาวลูกศิษย์คนหนึ่งของพี่ตึ๋ง แล้วได้นั่งสนทนากัน เสียดายที่วันจัดกิจกรรมฉันมีภาระกิจต้องเข้ากรุงพอดี งานนี้ก็เลยชวดไม่ได้ไปเรียนรู้ด้วย เฮ้อ ไร้วาสนาซะจริงๆ ทั้งๆที่อุตส่า่ห์ตั้งใจเอาไว้มั่นว่าจะไปให้ได้จนออกปากขอว่าจัดเมื่อไรบอกกันหน่อย ขอไปด้วยคน เสียดายจริงๆ
และแล้วตอนพักเที่ยงของวันนี้ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เอ๊ะ เบอร์ที่โชว์ขึ้น เป็นเบอร์ที่แปลกตา ใครกันนะ ใจนึกถึง รับสายก็ได้ยินเสียง “หมออยู่ที่ไหนนะวันนี้” เสียงสาวคนหนึ่งดังมา “อยู่ที่กระบี่จ๊า ทำงานอยู่” เมื่อตอบเธอไปแล้ว เสียงคุยกลับมาว่า “วันนี้จะชวนไปกินโรตีที่ร้านพี่ชาย”
“วันนี้เย็นหมอว่าง จะเริ่มเวลาไหน ที่ไหนบอกมาซิ” ฉันตอบเธอไป
“สองทุ่มนะ ร้านอยู่ตรงใกล้โรงแรมไทยโฮเต็ล หมอไปได้ไหม” เสียงเธอนัดหมายกลับมา
เธอจะคุยต่อแต่บังเอิญฉันมีลูกติดพันมีงานที่ต้องเคลียร์ ใจสัมผัสว่า วันนี้มีอะไรที่น้องสาวคนนี้อยากเปิดวงสนทนาด้วยกัน ใจนั้นตอบรับไปแล้ว เพียงแต่ฉันไม่แน่ใจว่าเย็นของวันนี้สามารถเสร็จจากงานเวลาเท่าไร จึงบอกไปว่า “เอางี้ เดี๋ยวเย็นๆ หมอโทรนัดอีกทีก็แล้วกัน เดี๋ยวหมอทำงานก่อน” เสียงตามสายของเธอจึงเงียบลงไป
เลิกงานฉันก็ตามให้คุณสามีมารับกลับบ้าน ทั้งๆที่แอบนึกไว้ว่าจะเดินกลับเอง เปลี่ยนใจก็เพราะวันนี้มีเอกสารจำนวนหนึ่งที่ต้องขนกลับไปทำต่อที่บ้าน ก่อนนำมันมาทำงานต่อไปในวันต่อมา
เมื่อถึงเวลาสองทุ่ม ฉันก็พาตัวไปร้านโรตีที่นัดกันไว้ เลิกงานไม่ได้โทรยืนยันนัดกับน้องเขาก่อนตามที่รับปาก เมื่อไปถึงร้านจึงทำให้มีเวลาที่รอกันอยู่ จึงใช้เวลาที่รอนั่งดูหนังแฮรี่พอตเตอร์ภาคภาษาอังกฤษกับเด็กหนุ่มสองคน ดูแล้วสนุกดี
สักครู่น้องสาวคนสวยก็มาถึงร้านโรตี นั่งคุยกันอยู่ได้สักแป๊บหนึ่ง ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน ตอนนั้นฉันเข้าใจว่า เป็นลูกค้าที่จะมาอุดหนุนโรตีที่ร้านเช่นเดียวกับลูกค้าธรรมดาๆทั่วไป ได้ิยินน้องสาวเธอทักทาย ชวนให้มานั่งคุยกันที่โต๊ะของเรา อ้อ เป็นคนที่รู้จักกันกับน้องเขาเองแหละ
ทำความรู้จักกันแล้ว นั่งคุยๆไปกลับได้วงสนทนาที่เป็นสุนทรีย ดูเหมือนจะแปลกที่สามคนสามารถนั่งคุยกันได้มากมายหลายเรื่อง นั่งคุยไปได้ครู่ใหญ่ น้องชายคนใหม่ก็ขอตัวออกไปจัดการเรื่องราวส่วนตัว สองคนนั่งคุยกันต่ออีกเป็นครู่ใหญ่ น้องชายคนใหม่ก็พาตัวกลับมา ไม่คาดว่าเขาจะกลับมาคุยด้วยหรอกนะคะ ด้วยเขาหายตัวไปซะนานเชียว
การคุยกันในคืนนี้ ทำให้ได้รู้ว่า คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ซึ่งมีพลังซ่อนอยู่มากมาย กำลังว้าวุ่นกับสถานภาพของตัวเอง ว้าวุ่นอยู่กับการค้นหาเป้าหมายชีวิตของตัวเอง คนหนุ่มหลุดปากมาว่า มีการงานทำแต่ดูเหมือนว่าไม่ใคร่มีพลังชีวิต ประมาณว่าหาตัวเองไม่เจอว่าทุกวันนี้อยู่ไปเพื่ออะไร คนสาวนั้นเธอกล่าวว่า ไปทำงานอยู่ที่ไหนๆ ก็รู้สึกเหมือนตัวเองคือผู้ที่มีปัญหาอยู่ร่ำไป จนทำให้เปลี่ยนงานบ่อยๆ
ได้คุยแลกเปลี่ยนไปมากมาย สุดท้ายกลับกลายเป็นเรื่องได้ทำหน้าที่เป็นศิราณีให้หนุ่มสาวสองคนไปซะนี่
เปล่าๆ อย่าเข้าใจว่า ทั้งสองมีปัญหาเรื่องคู่กันนะคะ ไม่ใช่หรอกค่ะ เป็นเรื่องราวของเรื่องชีวิตการทำงานค่ะ โปรดอย่าเข้าใจผิด
ระหว่างการคุยกันอยู่สองต่อสองระหว่างฉันกับตัวสาวน้อยในขณะที่หนุ่มน้อยขอเวลาไปจัดการเรื่องส่วนตัวของตน สาวน้อยเธอออกปากว่า การได้นั่งคุยในคืนนี้ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมากๆ ผ่อนคลายภายในใจแล้ว
ส่วนตัวของชายหนุ่มนั้นเล่า เมื่อวกกลับมานั่งคุย สีหน้าและดวงตาแวววาวทีเดียวเชียว ผิดกันกับสายตาซึมๆในตอนแรกที่เข้ามานั่งคุยกัน ภาษากายนี้ฉันแปลว่าความมีชีวาเริ่มเกิดขึ้นกับเขานะคะ แปลว่ามีอะไรน่าสนุกและท้าทายชีวิตเขาเกิดขึ้นแล้ว ดีจริง
เรื่องราวของการพูดคุยกันมาลงเอยที่มีการตกปากรับคำของคนหนุ่มสาวที่จะเข้ามาร่วมทำงานด้วยกันกับฉัน พร้อมด้วยเกิดไอเดียบางอย่างที่เขาจะเริ่มลองค้นหาอะไรบางอย่างเพื่อการตอบโจทย์เรื่องงานที่ชอบของพวกเขาทั้งคู่ซึ่งได้มาจากการแลกเปลี่ยนกัน
การคุยได้ตกผลึกจนทำให้ทั้งคนหนุ่มและคนสาวเห็นโจทย์ของตัวเองว่า ส่วนหนึ่งที่รู้สึกว่าชีวิตขาดไปไม่เต็มอิ่มเกิดจากความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับคนรอบข้าง
เรื่องงานที่ตกลงว่าจะเข้ามาทำร่วมกันนั้นคือ ร่วมเดินไปกับกศน.ในกิจกรรมสร้างครอบครัวอบอุ่นที่ทางกศน.เขามาชวนฉันไว้ค่ะ โดยที่พวกเขาทั้งสองจะให้เวลาของวันหยุดงานพาตัวเข้าไปร่วม
แล้วเราก็ตกลงร่วมกันว่า ต่อๆไปเราจะมานั่งคุยกันสัปดาห์ละครั้ง โดยน้องสาวคนสวยจะไปปชส.ชวนๆคนที่อยากจะมีสุนทรียสนทนากับผู้คนมาร่วมคุยกัน
บันทึกนี้นำมาเขียนเล่าเพื่อแจ้งพี่ตึ๋งว่า เชียงรายมีวงน้ำชาของครูใหญ่อย่างอ.วิศิษฐ์์แล้ว พี่ใหญ่อย่างพี่ตึ๋งมีวงส้มตำที่พิดโลกแล้ว กระบี่ก็ไม่น้อยหน้าแล้วนะคะ มีวงโรตีค่ะ แล้วการก้าวเดินของวงนี้ก็เริ่มเดินไปได้ด้วยดี
ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้วค่ะที่วงโรตีเกิดขึ้นมา รู้สึกว่า่ไม่เหมือนกับที่อื่นก็ตรงที่การเกิดเป็นวงโรตีแต่ละครั้งเกิดขึ้นเองตามวาระที่มีคนเรียกร้อง
แต่ละครั้งเกิดขึ้นง่ายจริงๆและไม่ได้คาดหวังมาก่อนค่ะ แค่ยกหูแล้วชวนกันมา แล้วแค่ฉันทำตัวง่ายๆ ตอบไปว่า “ได้เลย ว่างคุย” วงก็เกิดขึ้นแล้ว คนที่เข้ามาร่วมคุยก็เปลี่ยนไปมีหน้าใหม่หมุนเข้ามาเรื่อยๆไม่ซ้ำกัน ได้สัมผัสกับบรรยากาศของสุนทรียสนทนาที่มีจุดเริ่ม ที่แปลกดี
เวลามีคนมาร่วมสร้างฝันด้วยอย่างนี้ รู้สึกดีจนอยากบอกกัน จึงมาเขียนเล่าเอาไว้ก่อนลาไปนอน….อย่าอิจฉากันละ
23 พ.ย.2552
Next : รัก…ไม่รัก…รัก…ไม่รัก…ก็บอกมาซิ » »
4 ความคิดเห็น
อือ…ความอิ่ม เกิดจากการได้ช่วยเหลือ
ความสุขจากการได้เห็นผู้คนคลายทุกข์เนอะพี่เนอะ
คิดถึงค่า…
การเป็นที่ปรึกษาที่ดีจะช่วยผ่อนคลายความเครียดให้กับผู้คนในสังคมเราให้คำปรึกษาก็มีความสุข เหมือนกับความสุขที่จับได้จากบันทึกนี้
แต่คนที่เป็นผู้ให้คำปรึกษาต้องอย่าเครียดเสียเอง ต้องรู้จักคลายความเครียดของตัวด้วย ไม่เช่่นนั้นก็จะกลายมาเป็นคนทุกข์เสียเอง ปกติชาวบ้านเวลาเขามาปรึกษาเขาก็นึกว่าเราจำเรื่องราวเขาได้ มาถึงก็จะบอกว่าเรื่องที่มาปรึกษาวันก่อน…ตอนนี้มันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ผมก็จะบอกว่าผมให้คำปรึกษาเสร็จผมจบผมไม่จำเรื่องของคุณหรอกนะเพราะผมจำไม่ไหว เพราะฉะนั้นกรุณาเล่าใหม่แล้วกันไม่งั้นผมจะมีความเครียดสะสม อิอิ
#1 ค่ะพี่บู๊ด เป็นความอิ่มใจ ที่เกิดจากการได้เห็นความสุขต่อหน้า จากการที่เขาได้เริ่มค้นพบอะไรบางอย่างที่เป็นทางออกของเขาจากคำพูดของเราค่ะพี่
#2 คนหนุ่มสาวคู่นี้ เหมือนเด็กผสมผู้ใหญ่เลยนะน้องอึ่ง อุปนิสัยประมาณว่า คนหนึ่งเป็นหนูมีปีก มีเขา แล้วการแสดงออกก็ออกมาหนักกับการใช้ปีกซะมากมาย ส่วนคนหนึ่งเป็นหนูมีปีกที่หล่อเลี้ยงชีวิตตัวเองด้วยการใช้ปีกบินไปเรื่อยเปื่อย ทั้งสองคนผันเปลี่ยนชีวิตมาทำงานที่บ้านเกิดอีกครั้งด้วยเหตุผลเดียวคือความกตัญญู การเปลี่ยนผันตัวเองมาทำเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องตามกรอบของสังคมซึ่งเป็นเรื่องดีๆ แต่เรื่องดีๆนี้ก็มีมุมที่ำให้เขาเกิดความเครียดกับสังคมแวดล้อมที่ต่างออกไป แล้วทำให้ปรับตัวเองให้มีความสุขได้ไม่ลงตัวค่ะ ผลมันเลยออกมาว่า พลังใจที่รับรู้ตัวเองว่ามีค่าหดหายไป ทั้งๆที่กลับมาบ้านเพื่อทำเรื่องดีๆแท้ๆ
#3 ใช่เลยน้องเอ๋ย ความเครียดทำให้เกิดอะไรมากมายถ้าผู้ให้คำปรึกษามีความคาดหวังว่าผู้รับคำปรึกษาควรทำตามคำปรึกษาที่ให้ กิจกรรมในช่วงของค่ำคืนนี้ พี่แค่วางบทเป็นเพื่อนคุยค่ะ เปลี่ยนเรื่องราวตามไปเรื่อยๆ ตามแต่ผู้ร่วมคุยจะคุยเรื่องอะไร เสนอความเห็นส่วนตัวไปบ้างเพื่อร่วมแชร์ สะท้อนให้เขาได้รับรู้ตัวเองตามที่พี่เห็นบ้าง สุดท้ายเรื่องราวมาลงเอยได้ที่การแก้ปมคิดบางอย่างของเขาได้ มองย้อนเหตุการณ์ไปเมื่อกลับมาถึงบ้าน ก็มาเออออกับตัวเอง ที่ทำไปนั่นนะมันกลายเป็นการให้คำปรึกษาแบบไม่รู้ตัวไปซ้านี่….
ได้เรียนรู้จากคนหนุ่มสาวพวกนี้ค่ะ ว่าเมื่อคนคิดได้ ก็ได้คิด ปัญญาเกิดมาโดยอัตโนมัติเลยเนอะค่ะ
มาตอบเม้นท์แล้วนึกย้อนมอง อือ ที่กระบวนการกลายให้ผลเหมือนการให้คำปรึกษาไปนั้น น่าจะมาจากพวกเขามีโอกาสได้สะท้อนอารมณ์ตัวเอง ได้ใคร่ครวญ ได้ทวนสอบสิ่งที่ติดข้องอยู่ในใจนะคะ เมื่อเรื่องราวหลายเรื่องที่คุยกันดูเหมือนให้แสงสว่างกับอะไรบางอย่างในเรื่องความเป็นไปได้ พวกเขาก็โอเคและตัดสินใจ มังค่ะ