เสือ เสือ แพะ แพะ….แบะๆๆๆกับอะไรดี

โดย สาวตา เมื่อ 4 พฤศจิกายน 2009 เวลา 22:12 ในหมวดหมู่ เล่าสู่กันฟัง #
อ่าน: 1224

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีแม่เสือท้องแก่ตัวหนึ่งใกล้จะคลอดลูกของเธอ วันหนึ่งขณะที่เธอกำลังออกล่าเหยื่อ เธอก็ได้พบกับแพะฝูงหนึ่ง แม้นเธอจะท้องแก่เธอก็ไล่ล่าและฆ่าแพะไปตัวหนึ่ง แต่อาการอิดโรยจากการล่านี้เร่งให้เธอต้องคลอดลูกเสือตัวผู้ออกมาตัวหนึ่ง ก่อนที่เธอจะสิ้นลม

ฝูงแพะแม้จะเตลิดหนีไปแล้วก็หวนกลับมาเมื่อรู้ ได้ว่าภยันตรายนั้นได้หมดไป เหล่าแพะเมื่อเข้าใกล้ร่างแม่เสือที่สิ้นลม ก็ได้พบเจ้าลูกเสือแรกเกิด และรับเข้าไปเลี้ยงดูในฝูงแพะต่อไป

เจ้า ลูกเสือเติบโตท่ามกลางหมู่แพะ และเชื่อว่าตัวเองก็เป็นแพะกับเขาด้วย เจ้าลูกเสือทั้งส่งเสียงและส่งกลิ่นตัวเหมือนแพะ และไม่กินเนื้อสัตว์เหมือนเหล่าแพะทั้งหลาย ทั้ง ๆ ที่ ภายในเนื้อในตัวของเขา เราย่อมตระหนักดีว่า หัวใจเสือของเขายังเต้นกระหึ่มอยู่

ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี จนวันหนึ่งเสือแก่ตัวหนึ่งผ่านมา เข้าไล่ล่าฝูงแพะฝูงนี้และฆ่าแพะตัวหนึ่ง ฝูงที่เหลือต่างหนีเอาตัวรอด เหลือแต่เจ้าเสือแพะของเรา ที่ไม่รู้จะหนีไปด้วยเหตุใด เพราะไม่รู้สึกถึงอันตรายนี้เลย

แม้นว่า เจ้าเสือเฒ่าจะกรำชำนาญการล่า แต่มันก็ไม่เคยประหลาดใจเท่านี้เมื่อมันพบเจ้าลูกเสือ ที่กำลังเติบโตเต็มที่ส่งกลิ่นตัวเหมือนแพะ ส่งเสียงเหมือนแพะ และยิ่งไปกว่านั้นออกท่าออกทางเหมือนแพะ เจ้าเสือเฒ่าด้วยความเก๋า มากกว่าที่จะเห็นอกเห็นใจ เข้างาบต้นคอเจ้าลูกเสือแล้วลากไปที่ธารน้ำใกล้ ๆ และจับเจ้าลูกเสือให้เห็นเงาสะท้อนของตนในน้ำ แต่เจ้าลูกเสือก็ยังไม่ชอบใจนักกับภาพที่เห็น สำหรับลูกเสือมันมองไม่เห็นค่าไม่เห็นว่าหน้าตาของมันจะคล้ายคลึงเจ้าเสือ เฒ่าอย่างไร

เจ้าเสือเฒ่าหงุดหงิดนักที่เจ้าลูกเสือไม่ยอมเข้าใจ มันลากเจ้าลูกเสือกลับไปที่ซากของเหยื่อที่มันเพิ่งฆ่า มันฉีกเนื้อแพะจากซากแล้วยัดเข้าไปในปากของเจ้าลูกเสือ เจ้าลูกเสือสะดุ้งและตกใจจนพยายามคายเนื้อดิบออกมา เจ้าเสือเฒ่ามุ่งมั่นยืนยันที่จะแสดงให้เจ้าลูกเสือ รู้ว่าจริง ๆ แล้วตัวลูกเสือนั้นเป็นใคร เจ้าเสือเฒ่าจึงยัดเนื้อเข้าไปจนแน่ใจว่าเจ้าลูกเสือกลืนเข้าไปจนหมด คราวนี้เจ้าเสือเฒ่าฉีกเนื้ออีกชิ้นแล้วโยนให้ลูกเสือ และแล้วการเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้น

เจ้าลูกเสือของเรา ยอมชิมเนื้อดิบและเลือดอุ่น ๆ แล้วกลืนกินอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อมันกินเคี้ยวจนอิ่ม เจ้าลูกเสือบิดขี้เกียจ และส่งเสียงคำรามเป็นครั้งแรกในชีวิต และเป็นเสียงคำรามที่ทรงพลังของเจ้าป่าจากนั้นเจ้าเสือทั้งสองก็กระโจนหายไปในป่าลึก

เมื่อมองกลับมาที่เรื่องเสือเสือแพะแพะ เจ้าลูกเสือก่อนที่จะพบเสือเฒ่า เขาเชื่อว่าเขาเป็นแพะและเขารู้จักโลกตามประสาแพะแพะ ความเป็นจริงของลูกเสือในขณะนั้นเป็นความเป็นจริงจากมุมมองของแพะ แต่เราสามารถเห็นได้ว่าการรับรู้ตามประสาแพะของเขานั้น เป็นเพียงเศษเสี้ยวของตัวตนที่ครบถ้วนของเขา เรารู้ว่าเขาสามารถที่จะรับรู้ มีอารมณ์ มีกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย เราอาจจะตีความเรื่องนี้และพูดได้ว่า เขามีจุดยืนเป็น แพะ จนเจ้าเสือเฒ่าปลุกเขาให้ตื่นมาเห็นตัวตนที่แท้จริง ให้เขาได้ประจักษ์ถึงความเป็น เสือ ตัวจริงที่เขาพึงเป็น

นิทานเรื่องนี้มีคนนำมาฝาก อ่านแล้วนึกถึงการฝึกคน การฝึกตน

« « Prev : ทำเพื่ออะไร

Next : เมื่อครูลงมือ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

4 ความคิดเห็น

  • #1 จันทรรัตน์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 5 พฤศจิกายน 2009 เวลา 18:16

    เรื่องนี้เคยอ่านจากต้นหนังสือ Embracing Our Selves: The Voice dialogue manual ของ Stone, H. & Stone S.L. (1989). ที่อ้างว่านำมาจาก The philosophy of India ของ Zimmer, H.
    เขาเปรียบเทียบเสียงคำรามแรกนั้นว่าเป็น The “roar of awakening” ที่หมายถึง “the discovery that we are more than we think we are”

    เราอาจจะเข้าใจและยอมรับกับการที่เราเป็นอยู่ในสังคม(จากการเลี้ยงดูและการกล่อมเกลาทางสังคม)ที่ไม่ได้ทำให้เราตระหนักรู้ถึงความเป็นตัวเราอย่างถูกต้อง จนวันที่เราได้รับรู้และเกิดการตระหนักรู้ว่าเรามีหรือเราเป็นอะไรเพราะอะไร ก็เหมือนเราเคยอยู่ในความฝันมาแล้วเราก็ตื่นขึ้น..มาค้นหาศักยภาพของตัวเองที่เราไม่เคยค้นหามาก่อน

    พี่สาวตาเขียนก็เลยนึกถึงหนังสือเล่ามนี้ขึ้นมาอีกรอบค่ะ..ขอบคุณที่สะกิดให้นึกถึง the roar of awakening อีกครั้งค่ะ

  • #2 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 5 พฤศจิกายน 2009 เวลา 18:56

    ละม้ายไผค่ะ อารมณ์คล้าย ๆ กันคือตัวที่เราเห็น เป็น อยู่เกิดจากอะไร และเจ้าเป็นไผ ?

  • #3 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 6 พฤศจิกายน 2009 เวลา 21:32

    #1 พี่ว่าการได้ฝึกฝนทำ Voice dialogue บ่อยๆทำให้ผู้คนเข้าใจปมของตัวเอง และสามารถทำให้ดำดิ่งลงไปแก้ปมและซักล้างความปนเปื้อนที่ทำให้จิตประภัสสรหมองมัวลงนะน้องสร้อย  เรื่องราวของ Stone นี่มีอะไรที่น่าสนใจที่มาที่ไปของเขาจริงๆ

    บางทีช่วงปลายเดือนนี้ อาจจะมีโอกาสได้มาเชียงใหม่ ถ้าหากว่าโกเหลียงไม่บ่นซะก่อนว่าทิ้งบ้านยาวนานค่ะ (วันที่ 11-16 พย.นี้พี่จะไปเวียดนาม 19-20 พย. อยู่ที่กรุงเทพฯ วันนี้มีเรื่องแจ้งให้ไปประชุมที่เชียงใหม่ เริ่ม 23 พย. กำลังรีรออยู่ว่าจะไปเองหรือให้ใครไปแทน ถามลูกน้องไปคนหนึ่งแล้ว เธอตอบว่าเธอไม่อยากไปค่ะ จำไม่ได้ว่าประชุมกี่วัน…อิอิ)

  • #4 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 6 พฤศจิกายน 2009 เวลา 21:34

    #2  น้องสาวคนสวยเอย ที่จริงตั้งใจว่าเมื่อคราวที่ขึ้นไปเมืองเหนือในเดือนกันยายน จะเลยไปคารวะครูซะหน่อย แต่แล้วก็ไม่ได้ไป แล้วก็อยากจะแวะไปเยี่ยมคุณพ่อและคุณแม่ของน้องด้วย วันนี้ยังไม่ได้ไปก็ฝากความคารวะมาทางนี้ก่อนก็แล้วกัน


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.024474143981934 sec
Sidebar: 0.11984586715698 sec