ทำเพื่ออะไร

โดย สาวตา เมื่อ 21 ตุลาคม 2009 เวลา 20:59 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต, สังคม, เล่าสู่กันฟัง #
อ่าน: 1263

วันหนึ่งได้มีโอกาสเข้าไปนั่งฟังการนำเสนอผลงานพัฒนาคุณภาพและกระบวนการคิดของคนทำงาน ทั้งคนระดับหัวหน้างานและระดับหัวคิดหลักขององค์กร แล้วได้เห็นภาพของวัฒนธรรมบางอย่างต่อหน้า แล้วมาฉุกคิดว่า นี่เป็นวัฒนธรรมการเรียนรู้ของคนในองค์กรที่น่าพอใจเพียงใด

พูดถึงความน่าพอใจแล้ว ตอนที่ได้เห็น ได้ยิน ก็ได้ตรวจสอบตัวเองแล้วนะว่า ไม่ได้จับผิด ไม่มีความพยายามของคุณวิจารณ์ที่จะหาข้อกล่าวหาใดๆ มีแต่คุณวิเคราะห์ที่กำลังหาความรู้เกี่ยวกับเบื้องหลังที่อยู่ในใจของคนเกี่ยวกับการพัฒนางาน

ภายใต้เวทีสองเวทีที่ได้สัมผัสในวันนี้ รับรู้อะไรที่แตกต่างอยู่  เวทีแรกเห็นภาพวิธีเรียนของผู้คน เวทีหลังเห็นเป้าที่มุ่งมั่นของระดับหัวหน้างานและระดับหัวคิด

เวทีแรก : ภาพแรกที่เห็นก่อนจ่อมตัวนั่งลงคือ  แกนหลักของร.พ.กำลังพูดอธิบายอะไรบางอย่างอยู่ ทุกๆคนที่นั่งอยู่ในห้องกำลังกระทำกิริยาอะไรบางอย่างอยู่  บ้างจดบันทึกอะไรบางอย่างไปเรื่อยๆ  บ้างพูดคุยกันเอง บ้างจ้องมองคนพูด

ด้วยความอยากรู้คนจดๆอะไรกัน เหลือบมองไปที่คนนั่งใกล้ๆสองคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาจด ก็เห็นมีการบันทึกเรื่องราวอะไรบางเรื่องอยู่หลายแผ่น  อยากรู้ขอยืมมาดู เป็นบันทึกเรื่องราวที่ฟังอยู่นั่นเอง

ตอนที่ยืมมาดู เจ้าของออกตัวว่า บางตอนจดไม่ทัน เพราะว่ามัวแต่เดินเข้าเดินออก อืม ขนาดเดินเข้าเดินออกนะนี่ จดอะไรไปได้ตั้งสี่ห้าแผ่นเชียว ในเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงก่อนฉันเข้ามานี่นะ

ส่วนหนึ่งที่เห็นว่าฟังอย่างตั้งใจ มีอะไรให้เอะใจกับสีหน้าของผู้ฟัง  พอเปลี่ยนคนพูดจากคนแรกที่เป็นคุณหมอเป็นพยาบาลหัวหน้าคน ตาของคนฟังมีทั้งตั้งใจฟัง สนใจ และฟังเรื่อยเปื่อย  คนที่คุยกันเองมีทั้งหันหน้าจับคู่คุย และง่วนอยู่กับการจดและการคุยสลับกันไป

เห็นแล้วเกิดคำถามว่า คนที่หน้าตาที่เบื่อนะเบื่อกับการมานั่งฟัง หรือว่าเบื่อฟังบางเรื่องจากบางคน  หรือว่าเบื่อเพราะใจจรดจ่อกับคิวที่จะต้องมาพูดให้คนอื่นฟัง หรือเบื่อตัวเองที่ฟังเท่าไรก็ไม่รู้เรื่องสักที แปลก!

คนพูดที่มาพูดให้ฟังก็นำเอาตำราที่ไปเรียนรู้มามาเล่าต่อ แล้วบอกว่านี่คือการติว

หลายๆคนเคยพูดว่าภาษาคุณภาพมันหรูเริด เป็นนามธรรมซะจนไม่เข้าใจนะ  สะกิดใจกับภาษาที่นำมาบอกต่อตามตำราแบบเดิมๆว่านี่อาจจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนฟังเขาเบื่ออย่างที่เห็นสีหน้าหรือเปล่า

สิ่งที่เห็นก็พาให้เอะใจว่า ที่คนพากันเข้ามาฟังนั้น เขาให้ความสำคัญกับความรู้ตามตำราที่เพื่อนไปอ่านแล้วเอามาเล่าอย่างนั้นหรือ แล้วความสำเร็จของการเรียนรู้คือการสอบผ่าน หรือ ที่เรียกว่าได้รับการรับรองเพราะตอบได้ตรงตามตำราทุกอย่างอย่างนั้นหรือ  ทำงานคุณภาพไปเยอะแยะเพื่อให้เกิดผลเพียงแค่ผ่านข้อสอบ อย่างนี้มีความสุขกับงานหรือ เป็นความสุขที่คาดหวังไว้จริงหรือ

เวทีหลัง : ระดับผู้นำและระดับหัวคิดมานั่งคุยกันหลังกินข้าว ตัวเป้าของงานคุณภาพถูกนำส่งมาให้ดู ดูๆกันแล้วก็มีการหวนกลับมาดูใหม่ ทำอะไรไปแล้วบ้าง อะไรยังค้าง อะไรไปต่อได้แล้ว อะไรเดินหน้าจนเสร็จแล้ว อะไรเกือบเสร็จ อะไรยังคิดอยู่ อะไรยังไม่ได้ลงมือทำ คำถามนี้มีหัวหน้างานคนหนึ่งโดนรุมถามอยู่ทุกครั้งที่มาเจอกัน จนกระทั่งรู้สึกว่าเขาหลีกเลี่ยงที่จะมานั่งร่วมด้วย บังเอิญตำแหน่งเขาสูงสุดของงานที่สำคัญ ไม่มานั่งก็ไม่มีใครให้คำตอบที่ตรงความจริงได้

มองเห็นแล้วก็ได้เรียนวิชาสอนคนสองแบบนะ แบบหนึ่งใช้การป้อนคำถาม อีกแบบใช้การป้อนข้อมูลความรู้ใส่ปากให้เคี้ยว โดยที่ครูผู้สอนมีความคาดหวังว่า ผลสำเร็จจะเกิดขึ้นภายใต้ฝีมือของคนทำงานได้เองเมื่อผู้เรียนได้รับการป้อนแล้ว

แล้วจากนั้นคนทำงานกันแบบหัวเป็นเกลียวตัวเป็นน๊อตก็เกิดขึ้น หัวหน้างานกลุ่มหนึ่งขลุกอยู่ด้วยกันเพื่อแก้ปัญหา หัวหน้างานอีกส่วนกลับไปงงจะทำอย่างไรให้มีคำตอบกลับมาตอบคำถาม เห็นความเครียดที่เกิดขึ้นเป็นวงจรอยู่เรื่อยๆ

ฉุกใจว่าสมควรเปลี่ยนวิธีการเรียนรู้และวิธีผ่องถ่ายความรู้ได้แล้ว แต่ว่าจะทำยังไงกับกระแสธารของวิธีการเรียนรู้ที่คนคุ้นเคยไปแล้วอย่างนี้ วงจรนี้จะยุติลงไปได้อย่างไร คิดวิธีแทรกแซงไม่ออก บอกได้แต่ว่าไม่อยากให้วงจรเรียนรู้ในคนทำงานอย่างนี้คงอยู่เลยพับผ่าซิ

คิดอย่างนี้ เป็นการหยิบโลกมาแบกหรือเปล่านะ น้องสร้อย น้องครูอึ่งคนสวย บอกกันหน่อย

« « Prev : รู้แล้วนอน ผ่อนด้วยความไม่เป็นไร

Next : เสือ เสือ แพะ แพะ….แบะๆๆๆกับอะไรดี » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2 ความคิดเห็น

  • #1 จันทรรัตน์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 21 ตุลาคม 2009 เวลา 21:31

    พี่สาวตา มอง teaching methods ที่วิทยากรใช้ว่าไม่มีประสิทธิภาพในการจูงใจให้คนอยากทำให้งานประสบความสำเร็จด้วยความรู้สึกที่มีส่วนร่วมมากกว่าที่เห็น…อย่างนั้นหรือเปล่าคะ??

    หงุดหงิดไหมที่เห็นบรรยากาศของการทำงานแบบติดตามงานอย่างนั้น?? ถ้าใช่/ไม่ใช่เพราะอะไรคะ??

  • #2 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 21 ตุลาคม 2009 เวลา 23:00

    พี่สัมผัสว่าคนทำงานเขามีแรงจูงใจของเขาเองที่อยากจะทำงานให้ประสบความสำเร็จและอยากมีส่วนร่วมอยู่มาก สังเกตจากบรรยากาศที่คนมาเข้าร่วมสม่ำเสมอ มีสิ่งที่สัมผัสเห็นหลังจากการมาเข้าตามเรียนอย่างนี้เมื่อพวกเขากลับไปในพื้นที่ทำงานที่ทำให้เอะใจ เพราะงานที่ก้าวไปทั้งๆที่เขาตั้งใจและอยากทำกลับไปไม่ได้อย่างที่เหล่าครูผู้สอนอยากจะเห็นผล

    ไม่ได้หงุดหงิดแต่สะกิดใจว่า คนสอนไม่เอะใจกับผลที่เกิดขึ้นบ้างเลยหรือว่าทำไมเหมือนย่ำอยู่กับที่หรือทำไมคนเรียนไม่สามารถทำได้อย่างที่คาด

    สำหรับพี่ พี่เอะใจกับวิธีสอนและวิธีเรียนที่ได้ข้อตกผลึกอะไรบางอย่างที่พี่สามารถนำไปใช้ได้  ไม่รู้สึกหงุดหงิดค่ะ

    สำหรับการทำงานแบบติดตามงาน ไม่หงุดหงิดที่เห็นวิธีการติดตามงาน ไม่หงุดหงิดที่เห็นผลงานของผู้เรียน

    รู้สึกเห็นใจผู้เรียนเมื่อได้เห็นผลของอะไรบางอย่างที่เหมือนเดิมๆแล้วมีคำตัดสินต่อผู้เรียนว่าเอาแต่เงื้อ แต่ไม่ลงมือ  เอะใจกับผู้สอนมากกว่า  คำตอบของผู้ที่ถูกรุมถามได้ตอบแล้วว่าเขาได้ลงมือทำงานไปแล้ว  เพียงแต่ผลไม่ได้ตามที่ผู้สอนคาดหวังจากเขา  และดูเหมือนว่า เขาก็ไม่รู้จะทำต่ออย่างไรทั้งๆที่อยากทำให้สำเร็จ แต่ครูสอนก็ตั้งแง่ไว้ ปล่อยไปให้เรียนรู้เอง ทั้งๆที่ครูสอนต้องการผลงานให้สำเร็จตามเวลาที่คาดหวังค่ะ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.3252100944519 sec
Sidebar: 0.64537000656128 sec