สมแล้วที่กรี๊ดสลบ

โดย สาวตา เมื่อ 20 ตุลาคม 2009 เวลา 19:43 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต, สังคม, เล่าสู่กันฟัง #
อ่าน: 1220

ช่วงนี้มีแต่คนเอ่ยถึงดารายอดนิยมเพชรา เชาวราษฎร์ ผู้ยังคงมีความงดงามอยู่แม้ว่าวัยจะล่วงเลยแล้ว ความเป็นดาวค้างฟ้าของเธออยู่ที่ว่า เธอได้วางตัวอย่างดีมาตลอด โดยไม่สร้างศ้ตรู ไม่ทำให้ใครจี๊ด  ใครที่เธอรู้ว่าำตำหนิเธอ เธอจะมีความกล้าเดินเข้าไปหาเพื่อขอบคุณที่บอกถึงจุดอ่อนในตัวเธอให้ได้รู้

คุณเพชรา เชาวราษฎร์กำลังดังเมื่อฉันย่างเข้าวัยรุ่น ตอนนั้นฉันไม่รู้สึกอยากกรี๊ดสลบหรือหลงใหลอยากเห็นหน้าเธอตัวเป็นๆสัก เท่าไร และไม่ใคร่สนใจซะด้วยซิ  คนที่สนใจในตอนที่เธอกำลังดัง กลับเป็นคุณดอกดิน กัญญามาลย์ผู้ปั้นเธอซะมากกว่า  ส่วนความรู้สึกต่อดาราชายที่โด่งดังในสมัยเดียวกับเธอนั้นหรือ แตกต่างไปนะ จำชื่อ จำหน้าได้ทุกคนไม่ว่าพระเอกผู้ร้าย กี่ชื่อๆจำได้สบายๆ ทั้งๆที่เป็นเด็กที่จำชื่อคนไม่ใคร่ได้

ที่นำเรื่องดารามาเขียนบันทึกในวันนี้ ก็ด้วยว่ามีเรื่องราวของดาราคนโปรดคนหนึ่งถูกส่งมาให้ได้อ่าน เป็นดาราที่กร๊ดสลบ ชอบๆๆๆ มากกว่าใคร ที่ชอบในตอนแรกก็ด้วยรูปกายและเสียงดุแล้วสบายตา สบายใจ ฝีมือการแสดงยกนิ้วให้ ดูเรื่องที่เขาแสดงทีไรสบายใจทุกที

อืม เพิ่งรู้ว่า ชอบดูผู้ชายที่เท่ห์ สุขุมและเก่งแฮะ ไม่หล่อก็นั่งดูได้นานๆ ไม่ได้หลงใหลแบบวัยรุ่นคลั่งรักหรอกนะ รู้สึกว่ามันอิ่มใจ สบายใจเท่านั้นเอง

ชีวิตเรื่องราวของเขาน่าสนใจและน่านับถือ ทั้งการครองตน ครองเรือนที่เคยทราบ ความรักที่มั่นคงที่เขามีให้กับคู่ชีวิต และการมีคติชีวิตที่ชวนเรียนรู้  และครั้งหนึ่งสื่อเคยเรียกเขาว่า “ฤษี” จนกระทั่งเขากลับเข้ามาสู่วงการอีกครั้งหนึ่ง สมญานามนี้จึงได้หายไป ฉันขอเรียกนามเขาว่า “ป๋าหล่อ” ก็แล้วกัน  ใครที่โดนเรียกว่า ป๋า อยู่ในลานปัญญา ขออย่าได้ส่งค้อน ส่งเลื่อย ส่งเครื่องตัดหญ้ามาให้เลยนะ

อันฉายานามนี้ มาจากความเห็นร่วมของสองคนแม่ลูกค่ะ จากการที่ฉันเคยเล่าให้ลูกสาวฟังว่า สมัยหนุ่มๆ เขาคนนี้หล่อมากๆๆๆๆ ลูกสาวเขาจำชื่อไม่ได้หรอก และที่ได้คุยกันในเรื่องของเขา ก็เพราะลูกสาวถามถึงเขาขึ้นมา ว่าผู้ชายเท่ห์รายการนั้นเป็นใคร ชื่ออะไร เมื่อเล่าให้เธอฟัง เธอก็ออกความเห็นว่า ตอนนี้แก่แล้วก็ยังหล่ออยู่เลย แสดงว่าตอนหนุ่มหล่อจริงๆ  ลูกสาวไม่เคยชมผู้ชายคนไหนให้ได้ยินว่าหล่อเลยนะ  บันทึกนี้ขอยกเรื่องของเขาที่ได้อ่านมาบันทึกไว้ซะหน่อย ในฐานะแควนคลับที่แอบชื่นชม ชื่นใจทุกครั้งที่ได้เห็นหน้า

เล่าสู่กันฟังเลยนะคะ

ผมใช้ชีวิตอย่างนี้มาสามสิบปีไม่เคยรู้จักความเหงา

พอคนงานกลับไปหมด บ้านจะเงียบ ไม่มีคนอยู่ในสายตา

ผมปิดไฟ มองเห็นดาวเต็มท้องฟ้า นอนฟังเสียงจี๊กจั่น แค่นี้สำหรับผมพอแล้ว

ณ วันนี้ ผมมาถึึงจุดที่ตัวเองเพียงพอแล้ว ได้ทำงานที่ชอบและได้มีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ตัวเองรัก

เสร็จงานกลับบ้านสวนที่จันทบุรี อยู่กับความเรียบง่ายของธรรมชาติ อยู่กับการปลดปล่อย ไม่บังคับตัวเองว่าจะต้องกินอาหารเมื่อไร นอนหรือตื่นเมื่อไร

ผมกินอาหารวันละมื้อมา 8 ปี จะกินก็ต่อเมื่อหิว และกินแค่พออิ่ม ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ การพักผ่อนที่ดีที่สุด คือ นอนหลับ

และจะตื่นเมื่อร่างกายต้องการ ไม่ได้บังคับว่าต้องตื่นเพื่ออะไร เพราะอะไรไม่หนีเราไปไหน ต้นไม้ยังรอ บ้านก็ยังรอเราอยู่

ขณะที่รถป้ายแดงยังหมั่นเช็ดถูจนสีถลอก  ทำไมจึงห่วงรถมากกว่าตัวเอง

เหมือนกับชีวิตได้มาฟรีก็เลยไม่ดูแล  ขอให้คิดสักนิดว่าชีวิตคนยืนยาวกว่าของใช้เยอะ

คนที่ทำงานหนักต้องพักผ่อนบ้าง  ไม่ใช่ทำงานจนสลบคาโต๊ะ คาเก้าอี้

หรือรอให้ป่วยก่อนแล้วค่อยไปหาหมอ

ในเมื่อพ่อแม่ให้ร่างกายมาครบ 32 ประการ ก็เป็นหน้าที่เราที่ต้องมีวินัยในตัวเอง

ไม่จำเป็นต้องสวย หล่อ หรือใส่เสื้อแบรนด์เนม เพียงแค่ดูแลร่างกายให้สะอาดอยู่เสมอ ต่อให้ใส่อะไรก็ดูดีทั้งนั้น

รวมถึงการจัดระเบียบวินัยให้กับชีวิต ไม่ใช่รับผิดชอบในการทำงานดี แต่ไม่ดูแลตัวเอง

กับเพื่อนร่วมงานไม่แบ่งชั้นวรรณะ ทุกคนมีความสำคัญในการทำงานเหมือนๆกัน

เพียงแต่ัรับผิดชอบหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดเท่านั้นเอง

แต่ด้วยการรักษาและเคารพมารยาทในการอยู่ร่วมสังคมการทำงาน

ซึ่งไม่ว่าจะทำงานอะไรก็ตาม เราต้องทำตัวให้อยู่ได้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้

ไม่ใช่อยู่ได้ด้วยการเอาตัวรอด เพราะการเอาตัวรอดไม่ใช่วิถีทางที่ถูกต้องกับทุกอย่าง

จนเมื่อผมเข้าสู่วงการภาพยนตร์ ได้ไปถ่ายหนังตามสถานที่ต่างๆ

จึงค้นพบว่าจริงๆแล้วตัวเองชอบทำงานอิสระและไม่จำเจ ไม่มีเวลาทำงานตายตัว และไม่เครียด

ทุกคนในกองถ่ายเป็นเพื่อนกันหมด ตั้งแต่นั้นผมติดอยู่กับงานแสดงมาตลอด

ขณะเดียวกัน ไม่มีงานไหนราบรื่น ไม่มีหรอกที่ตัวเราจะไม่เครียด หรือ ไม่มีความทุกข์ ไม่หงุดหงิด  อยู่ที่ว่าแก้ไขให้ดีขึ้นได้ไหม

ถึงจะไม่ได้ทั้งหมด แต่อย่าเลวลงเท่านั้นเอง นั่นคือการดำรงชีวิตอยู่

ผมคิดว่าอยู่ที่การค้นหาตัวเองให้พบไม่ใช่เรื่องง่าย

บางคนใกล้ตายก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร เพราะติอยู่กับความหลง หรือติดอยู่กับกระแสอะไรก็ตาม

ผมก็เช่นกันเคยถูกชักจูงจากสังคม จากเพื่อนๆให้ไปทำงานหลายๆอย่าง แต่ไม่ว่าทำงานอะไรก็ตาม ต้องทำด้วยความชอบ จึงจะประสบความสำเร็จและต้องรับผิดชอบต่องานให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

กับคำว่า “พอ” จุดเริ่มต้นของความสุข

20 ตค.2552

« « Prev : เหล้าเก่าในขวดเก่า?

Next : รู้แล้วนอน ผ่อนด้วยความไม่เป็นไร » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

3 ความคิดเห็น

  • #1 นักการหนิง ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 ตุลาคม 2009 เวลา 20:40

    ขึ้นต้นเป็นเพชรา  ลงท้ายเป็นป๋าหล่อ จะกรี๊ดสลบใครดีนะ อิอิ

  • #2 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 ตุลาคม 2009 เวลา 21:24

    เรียกป๋าก็ไม่ค้อนหรอกครับ ใครเรียกเราว่าอะไร ก็เป็นเรื่องของเขา เราเป็นเราอยู่ดี แล้วอีกอย่างหนึ่ง ผมไม่ได้ชื่อนิรุตติ์ครับ

  • #3 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 21 ตุลาคม 2009 เวลา 19:34

    #1   เหอ เหอ เหอ พี่กรี๊ดป๋าหล่อค่ะ
    #2   พี่ว่าป๋าหล่อเขาก็ไม่ค้อนหรอก ขอบคุณที่ลิงค์ประวัติมาให้นะคะ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.10002899169922 sec
Sidebar: 0.24978089332581 sec