หน้าที่กับความสุข
อ่าน: 1768วันนี้มีกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ลูกในชุมชน โดยชุมชนรวมตัวกันเชิญตัวครูณาจากโรงเรียนพ่อแม่ลูกนครสวรรค์และทีมไปเป็นกระบวนกรให้ ก็เลยปลีกตัวไปสังเกตการณ์ร่วมดูซะหน่อย
ไปแล้วก็ได้เรียนรู้และเห็นมุมมองอะไรบางอย่างที่แตกต่างไปจากมุมเดิมๆที่เคยมองเห็นและรับรู้
ดูเผินๆชีวิตของผู้คนในชุมชนที่ได้ไปสัมผัสในวันนี้ ล้วนเป็นวิถีที่มีความสำเร็จให้เห็นอยู่ในตัวทุกผู้คน ทุกคำพูดที่กล่าวออกมาในเชิงบอกเล่าในวงสนทนา ล้วนแต่กล่าวถึงการลงมือเพื่อให้แก่ผู้อื่น ความปรารถนาที่จะช่วยผู้อื่น
คำถามในใจที่เกิดก็คือ จริงหรือที่ในใจของผู้คนเหล่านี้เขาอิ่มเต็มแล้ว จริงหรือที่คำกล่าวด้วยความยินดีเหล่านั้นที่ได้ยินเป็นคำกล่าวจากใจที่เป็นสุขและอิ่มเต็ม หรือว่ามันเป็นแค่กำแพงอะไรบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นเป็นเกราะกำบังความอ่อนแอ ความรู้สึกอะไรบางอย่างที่ใจมันโหยหาเอาไว้
นั่งฟังไปเรื่อยๆก็พบว่าคุณภาพของการสนทนานั้นทำให้วงผ่อนคลาย มีเสียงเฮฮาดังสลับเสียงคุยเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆตลอดวัน บ่งบอกถึงความสนิทสนมของกลุ่มที่มีต่อกัน
เวทีที่กำเนิดขึ้นนี้มาจากทุกคนที่มาร่วมมองเห็นประโยชน์ที่จะค้นหาทางแก้ปัญหาในครอบครัว พวกเขาจึงยินดีที่จะสละทุนทรัพย์ส่วนตัวเพื่อให้สามารถเอื้อโอกาสให้กระบวนกรกลุ่มนี้แวะมาหา แต่ภาพที่ได้มองเห็นและสัมผัสในวันนี้กลับขัดตาจนต้องถามตัวเองว่าแน่ใจรึเปล่าว่าไม่พบสัญญาณอะไรที่บ่งบอกถึงสิ่งที่เขากำลังค้นหาเพื่อครอบครัวของเขาเอง
เมื่อสังเกตคนหลายคนที่อยู่ในกลุ่ม ความจำก็ผุดพรายขึ้นมาบอกว่าหลายคนที่ได้เห็นหน้าในวันนี้ คือผู้ที่เคยเข้าร่วมกิจกรรมโครงการสร้างสุขที่ฉันเคยจัดขึ้นเมื่อสองปีก่อน อีกทั้งสีหน้าในบางขณะของผู้คนบางคนที่เข้ามาร่วมมันบ่งบอกถึงสัญญาณอะไรบางอย่างเกี่ยวกับคำตอบที่กำลังค้นหา
วันนี้เิกิดคำถามขึ้นในใจอีกครั้งว่่า หากจะให้ผู้คนได้สัมผัสไปถึงเบื้องลึกของความทุกข์ในใจที่เขาสร้างเกราะปกป้องอยู่เพื่อนำสู่การดูแลตัวเองให้เหมาะควรและเติมน้ำให้ใจอิ่มเต็มสดใสขึ้นนั้น บรรยากาศของการฮาเฮปนการหัวเราะอย่างที่เห็นตรงหน้านั้นจะช่วยได้รึเปล่า
คำตอบที่ผุดพรายตรงหน้าไม่ชัดเจนนัก สัมผัสได้บางส่วนแค่ว่าช่วยได้ในบางคน เป็นบางคนที่รู้ใจรู้ตัวตนอยู่แล้วว่า ที่ฮาเฮนั้นเป็นการสร้างเกราะของตัวขึ้นมา และเมื่อเขาเริ่มต้นใคร่ครวญไตร่ตรองเรื่องของตัวเอง พวกเขาเหล่านี้ล้วนนำพาตัวเองช้าลงๆและสงบลง ไม่มีใครเลยสักคนที่ยังฮาเฮแล้วสามารถใคร่ครวญ ไตร่ตรองได้
คำตอบนี้ทำให้มั่นใจมากขึ้นมากว่า ที่เคยยึดหลักเตือนคนเอาไว้ว่า “ให้ช้าไว้ ช้าไว้ หน่วงไว้” ให้ผลช่วยคนได้
เทคนิคที่ครูณานำมาใช้ในโรงเรียนพ่อแม่ลูกที่เห็นวันนี้ เธอใช้วิธีเล่นแบบเด็กๆแล้วให้ถอดบทเรียนในกลุ่ม โดยให้แต่ละคนที่รับบทไม่เหมือนกัน เล่าความรู้สึกของตนในขณะรับบทนั้นๆว่าเป็นอย่างไร
ตัวอย่างของความรู้สึกจากคน 5-6 คนที่รับบทเหมือนกันเล่าออกมานั้น ไม่เบาทีเดียวในการสะท้อนให้คนได้เรียนรู้ตน เมื่อโยนคำถามว่า “เห็นอะไร เรียนรู้อะไร” เมื่อเชื่อมโยงไปสู่สถานภาพและความสัมพันธ์กับบุคคลในครอบครัว
ครูณาไม่ได้มีเฉลยอะไรให้กลุ่มรับรู้หรอก จะมีอะไรไปเฉลยละในเมื่อคำตอบมัน “ไม่มีผิด ไม่มีถูก” นี่นะ
จะตอบอย่างไรมันแล้วแต่ความรู้สึกของแต่ละคนตัดสิน มันแล้วแต่การเปรียบเทียบและวิเคราะห์ก่อนตอบของแต่ละคน
เออนะ เคยสังเกตมั๊ยว่า การวิเคราะห์และเปรียบเทียบก่อนได้คำตอบที่ตัดสินนั้นเป็นอัตโนมัติโดยปกติของทุกผู้คน
ต่อไปนี้เป็นเพียงคำแปล สำหรับฉันในวันนี้เท่านั้น
“เห็นอะไร” หมายถึง สิ่งที่ตาเห็นสมองแปลสิ่งภายนอกตัว แล้วนำเข้ามาสู่การแปลตามสัญญาเดิมของผู้คน ตามแต่ตัวกวนที่เข้ามาเกี่ยวข้องจะชี้้ชวนอย่างไร
“เรียนรู้อะไร” หมายถึง สิ่งที่บอกตัวเองว่า รับรู้ความรู้สึก เรียนรู้ความรู้สึก เรียนรู้ความเป็นไปเกี่ยวกับตัวเองอย่างไรบ้าง หลังจากที่ได้เห็นอะไร ความรู้สึกนี้เป็นได้ทั้งความรู้สึกที่ความเป็นอัติโนมัติในการวิเคราะห์เปรียบเทียบได้ให้คำตอบสุดท้ายไว้ให้ตัวเองแล้ว หรือเป็นความรู้สึกอย่างซื่อตรงต่อความรู้สึก ณ ปัจจุบันขณะ เป็นได้ทั้งนั้น
ยิ่งแยกแยะได้ใกล้เคียงว่าเป็นความรู้สึกอย่างหลัง มันแปลว่่า ประสาทสัมผัสทำงานเร็วและละเอียดอ่อนโยนต่อตัวเองมากขึ้นเท่านั้น
คำเตือน คือ โปรดอย่าเชื่อ จนกว่าจะรู้แจ้งจางปางด้วยตัวเองนะ
แล้วจะมาเล่าต่อว่าโรงเรียนแห่งนี้ให้ผลอะไร อย่างไร ในเรื่องของ “หน้าที่กับความสุข”
28 กค.2552
« « Prev : บ่มเรียนสอนใจ…เรื่องเร็วแล้วยังไง
Next : เห็นอะไร » »
1 ความคิดเห็น
[...] อ่านบันทึกหน้าที่กับความสุขของหมอเจ๊ เลยทำให้อยากเขียนบันทึกนี้ ตอนที่ไปเป็นวิทยากรที่เกาะสมุย ก็ไปได้คำว่า ทำให้อยากแล้วจากไป มาจากชาวบ้านที่เป็นผู้เข้ารับการอบรม [...]