ทำให้อยากแล้วจากไป
อ่าน: 2047อ่านบันทึกหน้าที่กับความสุขของหมอเจ๊ เลยทำให้อยากเขียนบันทึกนี้ ตอนที่ไปเป็นวิทยากรที่เกาะสมุย ก็ไปได้คำว่า ทำให้อยากแล้วจากไป มาจากชาวบ้านที่เป็นผู้เข้ารับการอบรม
ทำให้อยากแล้วจากไป ในความหมายก็คงเดาๆกันได้นะครับ หรือต้องให้แปลด้วย ใครสงสัยก็ไปถามแก่นจังที่ลานจอมแก่น อิอิ
……….
เริ่มจากการสังเกตการพัฒนาบุคคลากร เราเอาคนมาบรรยาย มาพูดให้ฟัง เอาไปทำกิจกรรมกลุ่ม ไปปฏิบัติธรรม ทีมงานก็ได้ความรู้สึกดีๆ ผ่านไปสักพักก็ค่อยๆกลับมาเหมือนเดิม …ยังกับมีคนมาทำให้อยากแล้วจากไป ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทำงานกับชุมชน กับชาวบ้านก็ตีโจทย์ รู้แล้วทำไมยังไม่ทำ พัฒนาวิธีการจนสามารถทำให้ชาวบ้านรู้แล้ว ทำแล้ว ก็มาเจอปัญหาว่าทำแล้วแต่ไม่ยั่งยืน พอทีมงานถอนตัวออกมา ก็เป็นแบบเดิม…… ทำให้อยากแล้วจากไป
ถึงตอนนี้ก่อนไปต่อคงต้องพูดประเด็น รู้แต่ไม่ทำ บางคนทำงานกับมวลชน ใช้การประชาสัมพันธ์หรือจัดการอบรม ทำมาเป็นสิบๆปีก็ยังรู้แต่ไม่ทำ ก็ยังไม่เอะใจ ยังทำแบบเดิม วิธีเดิมอยู่เลย
ต่อครับต่อ……
ทำยังไงไม่ให้เป็นแบบทำให้อยากแล้วจากไป นั่นก็คือคิดจะทำอะไรก็น่าจะทำจนจบ จนเกิดผลการปฏิบัติและยั่งยืนด้วย
ยกตัวอย่างที่เทศบาลนครพิษณุโลก ยกทีมไปปฏิบัติธรรมที่ผาซ่อนแก้วแล้ว นายกฯต้องคอยนัดพบปะพูดคุยทุกวันพุธบ่าย แถมกระตุ้นให้จัดตั้งชมรมแสงธรรมจะได้มีกิจกรรมต่อเนื่อง คงต้องติดตามผลต่อไปนะครับ ไม่ให้เป็นแบบทำให้อยากแล้วจากไป
การอบรมการจัดการขยะโดยชุมชนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ บางท้องถิ่นทำต่อได้มีผลงานที่ชัดเจน บางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็เป็นแบบทำให้อยากแล้วจากไป วิเคราะห์ดูก็ปรากฏว่าบางแห่งไม่ทราบว่าจะดำเนินการต่อไปได้อย่างไร ? ที่เทศบาลนครสุราษฎร์ธานีมีโอกาสฝึกทีมงานให้ทำงานต่อได้ก็ปรากฏว่าได้ผลดีมาก
เลยพัฒนาหลักสูตรใช้อบรมทีมงานที่จะลงไปทำงานกับประชาชนแบบมีส่วนร่วมขึ้นมา จะใช้อบรมทีมงานให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกาะช้างและเกาะกูด รวมทั้งจะอบรมขยายทีมงานของเทศบาลนครพิษณุโลก(ทีมเทศบาลเมืองเกาะสมุยขอเอี่ยวด้วยเลยให้โควตาไปห้าคน) เดือนสิงหาคมนี้ แต่ก็มีลูกค้ารอรับการอบรมอยู่เพียบ เลยตกลงกับทางศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมว่าจะจัดขึ้นต้นปีงบประมาณหน้า
ด้านการพัฒนาบุคลากรด้าน Soft side โดยใช้กระบวนกร เวลาจะรับงานก็จะคุยกับหน่วยงานก่อนว่าต้องมีทีมงานที่จะดำเนินกิจกรรมต่อ ไม่ใช่อบรมแล้วไม่มีกิจกรรมต่อ ก็จะกลายเป็นทำให้อยากแล้วจากไป เหมือนที่คณะเภสัชฯ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่มีน้าอึ่งอ๊อบกับทีงาน ทางคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก็มีอุ๊ยจั๋นตา ครูอึ่งและทีมงาน ของโรงพยาบาลกระบี่ก็มีหมอเจ๊กับทีมงาน ถ้าแบบนี้ก็จะไม่เป็นทำให้อยากแล้วจากไป
ฝากไว้ด้วยครับ ใครจะคิดทำโครงการอะไร หรือจะจัดการอบรมอะไร ก็อย่าให้เป็นแบบ ทำให้อยากแล้วจากไปนะครับ ทำคนอื่นอารมณ์ค้าง…… ไม่ดีนะครับ ทำอะไรก็ให้สุดๆไปเลย
« « Prev : สิ่งที่เรียนรู้จากร่มธรรม
Next : ที่ว่าปฏิบัตินั้นทำอย่างไร ? » »
6 ความคิดเห็น
อิอิอิ ทางชร.เปิ้นฮ้องว่า..จิแล้วล่น..^ ^
ทำแบบเดิม คิดแบบเดิม ซ้ำๆมานาน…แล้วก็ไม่เอะใจว่าทำไมมันไม่เดินไปข้างหน้าหว่า มีแต่วนเป็นวงจรเดิมๆ ซ้ำทุกปีจนเกษียณ แค่นั้น?!?
แฮ่ม, งั้นขอรายงานด้วยคนครับว่า ศูนย์เครื่องมือฯ ชื่อเล่นว่าSEC (scientific equipment center) จัด dialogue เองครั้งแรกเมื่อวานนี้ ก็จะเรียนรู้ไปพร้อมกับทุกคนในองค์กรครับ
เป็น dialogue แบบ sec, sec (อย่าออกเสียงเป็น sex, sex ก็แล้วกัน)
อิอิ
ประกาศๆๆๆๆ SEC เป็นประเภท หลอกให้อยากแล้วฟาดเสีย …..บ่ใจ้ จุ๊น้องเมา ไว้เก๋าฮูคี้….(แปลไม่ออก ถาม #1 อิอิ)
หมอน่าเขียนตำรา ว่าด้วยการอบรมสไตล์จอมป่วน
พิมพ์เป็นเล่มเลย
แยกแยะอบรมแบบไหนๆๆๆ
จุ๊น้องเมา ไว้เก๋าฮูคี้ ก็เขียนๆๆ ลงรูปด้วย จะได้เข้าใจ๋
อิอิ
โดนอีกแล้วครับท่าน กำลังกลั่นกรองคำพูดเพราะๆซึ้้งๆ เพื่อจะลงบล็อกนะเจ้าค่ะ รอสักครู่
รออ่านอยู่น๊ะจ๊ะ อิอิ