น้ำผึ้งหยดเดียว

โดย สาวตา เมื่อ 30 เมษายน 2009 เวลา 7:37 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต, เล่าสู่กันฟัง #
อ่าน: 2363

เมื่อเยาว์วัยเคยได้ยินเรื่องราวของน้ำผึ้งหยดเดียวแล้วฉันไม่ใคร่เข้าใจหรอกว่ามันมีความหมายอะไร แต่เมื่อเติบใหญ่ขึ้นมาจนมีเพื่อนพ้องอยู่มากหลาย เรื่องนี้ก็มีค่าสำหรับใช้เตือนใจได้ดีนักเชียวแหละ นั่นเป็นเหตุให้ฉันลงมือทำอะไรบางอย่างที่ไม่ใคร่ได้ทำนัก กับการที่นำพาตัวเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องราวระหว่างบุคคล

บางครั้งของการนำพาตัวเข้าไปเกี่ยวข้อง ประสบการณ์ที่ได้รับตอบกลับทำให้เจ็บปวดเหมือนกัน จนทำให้ฉันเกิดความแหยงผู้คน และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ฉันกลัวผู้คน  จริงๆนะฉันกลัวผู้คน กลัวซะจนวางตัวเองไว้อย่างโดดเดี่ยวในสังคม และทำให้ตัวตนความเป็นคนของฉันหายไป

ความกลัวผู้คนทำให้ฉันหลีกเลี่ยงการรับหน้าที่บริหารมาตลอดทั้งๆที่มีโอกาสมาเสมอนับแต่เริ่มทำงานเป็นหมอ และแล้ววันหนึ่งฉันก็หลีกเลี่ยงอีกไม่ได้

งานที่รับทำนั้นเป็นงานที่ไม่ได้ชอบมันสักนิด แต่รับมันด้วยเหตุผลว่าไ่ม่มีใครทำ ไม่รับก็โดนตื้อจนต้องรับในที่สุดนะแหละ

เมื่อก้าวเข้ามารับงานแล้ว ประสบการณ์ที่พบมันทำให้ฉันยิ่งแย่ ทำงานไปใจก็แย่ไปบ่อยครั้งหนา ไม่ได้แย่เพราะมีใครมากล่าวหา แต่มันแย่เพราะใจมันยิ่งกลัวยิ่งขึ้น

และแล้วประสบการณ์ทำงานที่มากขึ้นในขณะที่พกพาความกลัวติดตัวไว้ พกความกล้าด้วยการทำงานอย่างขยันขันแข็ง ก็ให้รางวัลในมุมการเรียนรู้ผู้คนและงานซึ่งแถมตัวตนยักษ์หลายตัวมาให้ นั่นก็คือ การเอาแต่ใจ ต้องการได้มาซึ่งความสำเร็จโดยไม่นำพาผู้คน ภายใต้เปลือกหุ้มของความรับผิดชอบ

ความเอาแต่ได้กับความสำเร็จที่ต้องได้ ทำให้ฉันได้เรียนรู้ผู้คนมากขึ้น ผู้คนที่ไปเกี่ยวข้องในฐานะลูกน้องเขาก็มีความกลัวเหมือนฉันกันนะ ความกลัวของเขาปรากฏให้รับรู้ภายใต้เปลือกของความว่าง่าย สั่งอะไรก็ทำ  รึไม่ก็ดื้อเงียบรับรู้แต่ไม่ทำ อีกทั้งมีเดินหนีไม่พูดจาด้วยต่างๆนาๆ มีอยู่บ้างบางคนที่ใช้เปลือก กล้าบอกกล้าบ่นให้ได้รับรู้

เมื่อรำลึกถึงเหตุการณ์เหล่านี้  แล้วมันก็เอ๊ะ! เหตุการณ์นี้เหมือนน้ำผึ้งหยดเดียวนี่นา แล้วก็อ้อ! ว่า ที่แท้เรื่องนี้โบราณเขาไว้สอนใจ สอนใจจริงๆนะ ก็เรื่องนี้ไงที่เป็นตัวอย่างบอกว่ามันเกิดภายในใจของคนเองแหละนะ มิน่ามันจึงเกิดผลสั่นสะเทือนรุนแรงนัก มันสั่นสะเทือนจนฉันรู้สึกโดดเดี่ยวยิ่งขึ้นแฮะ

โอ! ความกลัวของคนนี่น่ากลัวจริงๆ ทำร้ายตัวเอง ทำร้ายผู้อื่นได้ถึงขนาดนี้เชียว นี่คือบทเรียนรู้ที่ผ่านมา

บันทึกนี้บันทึกไว้เตือนใจเรื่องความกลัวที่เคยมีประสบการณ์มาก่อนหน้า เพื่อใช้เตือนสติ ยามหลงทาง ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ในกาลข้างหน้า

« « Prev : พักงานดีกว่ามั๊ย

Next : สมรภูมิใจ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

8 ความคิดเห็น

  • #1 สิทธิรักษ์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 30 เมษายน 2009 เวลา 10:06

    แค่หยดเดียวเป็นอย่างนี้ ถ้าหลายๆหยดมิยิ่งไปใหญ่หรือครับ

  • #2 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 30 เมษายน 2009 เวลา 10:20

    ถ้าหลายหยด มดยิ่งเปรม แต่ผึ้งยิ่งโกรธครับ

  • #3 จันทรรัตน์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 30 เมษายน 2009 เวลา 16:03

    พี่ตาขา
    ที่คุยกันเมื่อกี้เรื่องทำ book online นี้ ล้มเลิกแล้วนะคะ
    ไม่จำเป็นต้องทำแล้วค่ะ

    ขอตัวไปทำงานอื่นแล้วค่ะ
    ขอบคุณที่พยายามดูแลและเข้าใจ

  • #4 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 30 เมษายน 2009 เวลา 17:18

    พี่เหลียงค่ะ หากว่าผู้คนไม่นำพาตัวเองให้ตกลงไปอยู่ในร่องอารมณ์ละก็ น้ำผึ้งหยดเดียวจะไม่สามารถสร้างปัญหาใดๆเลยค่ะพี่  ฉะนั้นใครก็ตามที่กำลังทำให้เกิดผลเหมือนเรื่องน้ำผึ้งหยดเดียวนี้ พึงรำลึกและใตร่ตรองค้นหาร่องอารมณ์นี้เพื่อทำความรู้จักตัวตนและดูแลตนให้มากขึ้นๆแหละค่ะพี่

  • #5 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 30 เมษายน 2009 เวลา 17:19

    มันก็อยู่ที่ว่าผึ้งนะ จะต่อยคนด้วยเหตุผลอะไรกันแน่ค่ะ

    หากว่าความรักทำให้เกิดการเบียดเบียนตนเองและคนอื่น เป็นเรื่องควรทำความรู้จักและเรียนรู้ใหม่นะค่ะว่า เป็นสิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นจริงรึไม่

    ความรักนั้นมันบริสุทธิ์นะค่ะ ความรักที่บริสุทธิ์จึงไม่มีการเบียดเบียนเกิดขึ้น ถ้าเกิดมีก็พึงควรทบทวนความบริสุทธิ์กันละค่ะ

    นี่แหละบทเรียนธรรมะอีกบทหนึ่งของผู้คนละ

  • #6 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 30 เมษายน 2009 เวลา 17:24

    น้องสร้อยค่ะ ทั้งหมดที่ผู้คนเข้าไปเกี่ยวข้องนั้น ก็เป็นผลมาจากรับรู้ในความรักที่ทุกคนมีต่อกันและมีต่อผู้อาวุโสกว่า แต่เหตุไฉนความรักนี้ จึงเกิดผลในทางทำลายและทำร้ายกัน เบียดเบียนกัน ไม่ว่าจะเบียดเบียนตน เบียดเบียนผู้อื่น รึว่าทั้งสองอย่าง นี่แหละค่ะที่พี่ฉงนใจว่าผู้กระทำรู้ตัวรึไม่

    รัก โลภ โกรธ หลง อยู่ในบทเรียนบทนี้นะน้องนะ

    นี่แหละธรรมะที่ควรถอดบทเรียน สติมีจริงแน่หรือ หรือหลงว่ามีสติกันแน่ นี่คือความร้ายกาจของการเผลอตกลงไปในร่องอารมณ์ ที่ควรถอนตัวออกมาศึกษาให้รู้เท่าทัน

    บทเรียนบทนี้มีค่านัก สำหรับทำให้ทุกคนในกลุ่มเฮฮาศาสตร์เติบโตขึ้น

    อยากชวนไปอ่านดวงชะตาของการถือกำเนิดลานปัญญาดู ว่าเรื่องราวนี้คำทำนายมันบอกอะไรไว้ค่ะ

    เป็นกำลังใจให้กับทุกๆคน ทุกคนทำดีที่สุดแล้ว เพื่อผู้อาวุโสคนหนึ่งที่เป็นที่รักค่ะ 

  • #7 mongkut ให้ความคิดเห็นเมื่อ 13 พฤษภาคม 2009 เวลา 22:27

    น้ำผึ้งหยดเดียว เป็นอาการ ที่สติรู้ไม่เท่าทันวาจาที่เปล่งออกไป
    สติไม่มา ปัญหา จึงเกิด

  • #8 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 30 พฤษภาคม 2009 เวลา 16:22

    ขอบคุณค่ะ อาจารย์มงกุฎที่เข้ามาช่วยสรุป เห็นด้วยค่ะอาจารย์ขา ว่า สติมักช้ากว่าวาจาเสมอ ปัญหาจากวาจาจึงมักเกิดขึ้นให้แก้ แล้วเวลาคนพูดไปแก้เอง กาลกลับว่ามันยุ่งเป็นลิงแก้แหเข้าไปอีกก็มีค่ะ  เดี๋ยวนี้สาวตา๊ใช้วิธีว่า สงบตัวเองให้สติอยู่กับตัวไว้ค่ะ พูดไปแล้วจะเกิดอะไรตามมา จะได้มีสติพอที่จะฟังให้เข้าใจก่อนลงมือเรื่องการตัดสินคำพูดของเราจากคนอื่นที่จะตามมา ฟังแล้วรู้แล้วว่าเขาอยากตัดสินอย่างนั้น ในเมื่อเขาเป็นคนตัดสิน เราจะเป็นคนไปแก้คำตัดสินนั้นคงทำไม่ได้หรอกนะค่ะ ตราบใดที่คนตัดสินไม่ถอนคำตัดสินออกไป ก็ไม่ตามแก้คำพูดให้มากความ เพราะจะกลายเป็นคำแก้ตัว ไม่ใช่แก้ต่างค่ะ

    ประสบการณ์ของสาวตาพบมาแล้วว่า ฤทธิ์ของน้ำผึ้งหยดเดียวในใจคนนี่ร้ายนักเชียวค่ะ อาจารย์ขา ไม่เข้าใจมันจะกลายเป็นเรื่องเบียดเบียนตนได้เลยค่ะ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.54945302009583 sec
Sidebar: 0.31370902061462 sec