น้ำผึ้งหยดเดียว
อ่าน: 2430เมื่อเยาว์วัยเคยได้ยินเรื่องราวของน้ำผึ้งหยดเดียวแล้วฉันไม่ใคร่เข้าใจหรอกว่ามันมีความหมายอะไร แต่เมื่อเติบใหญ่ขึ้นมาจนมีเพื่อนพ้องอยู่มากหลาย เรื่องนี้ก็มีค่าสำหรับใช้เตือนใจได้ดีนักเชียวแหละ นั่นเป็นเหตุให้ฉันลงมือทำอะไรบางอย่างที่ไม่ใคร่ได้ทำนัก กับการที่นำพาตัวเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องราวระหว่างบุคคล
บางครั้งของการนำพาตัวเข้าไปเกี่ยวข้อง ประสบการณ์ที่ได้รับตอบกลับทำให้เจ็บปวดเหมือนกัน จนทำให้ฉันเกิดความแหยงผู้คน และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ฉันกลัวผู้คน จริงๆนะฉันกลัวผู้คน กลัวซะจนวางตัวเองไว้อย่างโดดเดี่ยวในสังคม และทำให้ตัวตนความเป็นคนของฉันหายไป
ความกลัวผู้คนทำให้ฉันหลีกเลี่ยงการรับหน้าที่บริหารมาตลอดทั้งๆที่มีโอกาสมาเสมอนับแต่เริ่มทำงานเป็นหมอ และแล้ววันหนึ่งฉันก็หลีกเลี่ยงอีกไม่ได้
งานที่รับทำนั้นเป็นงานที่ไม่ได้ชอบมันสักนิด แต่รับมันด้วยเหตุผลว่าไ่ม่มีใครทำ ไม่รับก็โดนตื้อจนต้องรับในที่สุดนะแหละ
เมื่อก้าวเข้ามารับงานแล้ว ประสบการณ์ที่พบมันทำให้ฉันยิ่งแย่ ทำงานไปใจก็แย่ไปบ่อยครั้งหนา ไม่ได้แย่เพราะมีใครมากล่าวหา แต่มันแย่เพราะใจมันยิ่งกลัวยิ่งขึ้น
และแล้วประสบการณ์ทำงานที่มากขึ้นในขณะที่พกพาความกลัวติดตัวไว้ พกความกล้าด้วยการทำงานอย่างขยันขันแข็ง ก็ให้รางวัลในมุมการเรียนรู้ผู้คนและงานซึ่งแถมตัวตนยักษ์หลายตัวมาให้ นั่นก็คือ การเอาแต่ใจ ต้องการได้มาซึ่งความสำเร็จโดยไม่นำพาผู้คน ภายใต้เปลือกหุ้มของความรับผิดชอบ
ความเอาแต่ได้กับความสำเร็จที่ต้องได้ ทำให้ฉันได้เรียนรู้ผู้คนมากขึ้น ผู้คนที่ไปเกี่ยวข้องในฐานะลูกน้องเขาก็มีความกลัวเหมือนฉันกันนะ ความกลัวของเขาปรากฏให้รับรู้ภายใต้เปลือกของความว่าง่าย สั่งอะไรก็ทำ รึไม่ก็ดื้อเงียบรับรู้แต่ไม่ทำ อีกทั้งมีเดินหนีไม่พูดจาด้วยต่างๆนาๆ มีอยู่บ้างบางคนที่ใช้เปลือก กล้าบอกกล้าบ่นให้ได้รับรู้
เมื่อรำลึกถึงเหตุการณ์เหล่านี้ แล้วมันก็เอ๊ะ! เหตุการณ์นี้เหมือนน้ำผึ้งหยดเดียวนี่นา แล้วก็อ้อ! ว่า ที่แท้เรื่องนี้โบราณเขาไว้สอนใจ สอนใจจริงๆนะ ก็เรื่องนี้ไงที่เป็นตัวอย่างบอกว่ามันเกิดภายในใจของคนเองแหละนะ มิน่ามันจึงเกิดผลสั่นสะเทือนรุนแรงนัก มันสั่นสะเทือนจนฉันรู้สึกโดดเดี่ยวยิ่งขึ้นแฮะ
โอ! ความกลัวของคนนี่น่ากลัวจริงๆ ทำร้ายตัวเอง ทำร้ายผู้อื่นได้ถึงขนาดนี้เชียว นี่คือบทเรียนรู้ที่ผ่านมา
บันทึกนี้บันทึกไว้เตือนใจเรื่องความกลัวที่เคยมีประสบการณ์มาก่อนหน้า เพื่อใช้เตือนสติ ยามหลงทาง ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ในกาลข้างหน้า
Next : สมรภูมิใจ » »
8 ความคิดเห็น
แค่หยดเดียวเป็นอย่างนี้ ถ้าหลายๆหยดมิยิ่งไปใหญ่หรือครับ
ถ้าหลายหยด มดยิ่งเปรม แต่ผึ้งยิ่งโกรธครับ
พี่ตาขา
ที่คุยกันเมื่อกี้เรื่องทำ book online นี้ ล้มเลิกแล้วนะคะ
ไม่จำเป็นต้องทำแล้วค่ะ
ขอตัวไปทำงานอื่นแล้วค่ะ
ขอบคุณที่พยายามดูแลและเข้าใจ
พี่เหลียงค่ะ หากว่าผู้คนไม่นำพาตัวเองให้ตกลงไปอยู่ในร่องอารมณ์ละก็ น้ำผึ้งหยดเดียวจะไม่สามารถสร้างปัญหาใดๆเลยค่ะพี่ ฉะนั้นใครก็ตามที่กำลังทำให้เกิดผลเหมือนเรื่องน้ำผึ้งหยดเดียวนี้ พึงรำลึกและใตร่ตรองค้นหาร่องอารมณ์นี้เพื่อทำความรู้จักตัวตนและดูแลตนให้มากขึ้นๆแหละค่ะพี่
มันก็อยู่ที่ว่าผึ้งนะ จะต่อยคนด้วยเหตุผลอะไรกันแน่ค่ะ
หากว่าความรักทำให้เกิดการเบียดเบียนตนเองและคนอื่น เป็นเรื่องควรทำความรู้จักและเรียนรู้ใหม่นะค่ะว่า เป็นสิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นจริงรึไม่
ความรักนั้นมันบริสุทธิ์นะค่ะ ความรักที่บริสุทธิ์จึงไม่มีการเบียดเบียนเกิดขึ้น ถ้าเกิดมีก็พึงควรทบทวนความบริสุทธิ์กันละค่ะ
นี่แหละบทเรียนธรรมะอีกบทหนึ่งของผู้คนละ
น้องสร้อยค่ะ ทั้งหมดที่ผู้คนเข้าไปเกี่ยวข้องนั้น ก็เป็นผลมาจากรับรู้ในความรักที่ทุกคนมีต่อกันและมีต่อผู้อาวุโสกว่า แต่เหตุไฉนความรักนี้ จึงเกิดผลในทางทำลายและทำร้ายกัน เบียดเบียนกัน ไม่ว่าจะเบียดเบียนตน เบียดเบียนผู้อื่น รึว่าทั้งสองอย่าง นี่แหละค่ะที่พี่ฉงนใจว่าผู้กระทำรู้ตัวรึไม่
รัก โลภ โกรธ หลง อยู่ในบทเรียนบทนี้นะน้องนะ
นี่แหละธรรมะที่ควรถอดบทเรียน สติมีจริงแน่หรือ หรือหลงว่ามีสติกันแน่ นี่คือความร้ายกาจของการเผลอตกลงไปในร่องอารมณ์ ที่ควรถอนตัวออกมาศึกษาให้รู้เท่าทัน
บทเรียนบทนี้มีค่านัก สำหรับทำให้ทุกคนในกลุ่มเฮฮาศาสตร์เติบโตขึ้น
อยากชวนไปอ่านดวงชะตาของการถือกำเนิดลานปัญญาดู ว่าเรื่องราวนี้คำทำนายมันบอกอะไรไว้ค่ะ
เป็นกำลังใจให้กับทุกๆคน ทุกคนทำดีที่สุดแล้ว เพื่อผู้อาวุโสคนหนึ่งที่เป็นที่รักค่ะ
น้ำผึ้งหยดเดียว เป็นอาการ ที่สติรู้ไม่เท่าทันวาจาที่เปล่งออกไป
สติไม่มา ปัญหา จึงเกิด
ขอบคุณค่ะ อาจารย์มงกุฎที่เข้ามาช่วยสรุป เห็นด้วยค่ะอาจารย์ขา ว่า สติมักช้ากว่าวาจาเสมอ ปัญหาจากวาจาจึงมักเกิดขึ้นให้แก้ แล้วเวลาคนพูดไปแก้เอง กาลกลับว่ามันยุ่งเป็นลิงแก้แหเข้าไปอีกก็มีค่ะ เดี๋ยวนี้สาวตา๊ใช้วิธีว่า สงบตัวเองให้สติอยู่กับตัวไว้ค่ะ พูดไปแล้วจะเกิดอะไรตามมา จะได้มีสติพอที่จะฟังให้เข้าใจก่อนลงมือเรื่องการตัดสินคำพูดของเราจากคนอื่นที่จะตามมา ฟังแล้วรู้แล้วว่าเขาอยากตัดสินอย่างนั้น ในเมื่อเขาเป็นคนตัดสิน เราจะเป็นคนไปแก้คำตัดสินนั้นคงทำไม่ได้หรอกนะค่ะ ตราบใดที่คนตัดสินไม่ถอนคำตัดสินออกไป ก็ไม่ตามแก้คำพูดให้มากความ เพราะจะกลายเป็นคำแก้ตัว ไม่ใช่แก้ต่างค่ะ
ประสบการณ์ของสาวตาพบมาแล้วว่า ฤทธิ์ของน้ำผึ้งหยดเดียวในใจคนนี่ร้ายนักเชียวค่ะ อาจารย์ขา ไม่เข้าใจมันจะกลายเป็นเรื่องเบียดเบียนตนได้เลยค่ะ