คงพลังในวงไว้….สำคัญ
อ่าน: 937ในช่วงตอนบ่ายหลังจากกินข้าวกลางวันกันแล้ว การนั่งคุยแลกเปลี่ยนกับครูณาทำให้ได้รู้ว่า ครูณาก็สังเกตอยู่ว่ามีใครบ้างที่ควรจะช่วยให้ได้ทำงานกับตัวเองเป็นพิเศษเหลืออยู่บ้าง มีหลายคนเหมือนกันที่เห็นตรงกันว่ากำลังต้านความต้องการในใจของตนอยู่ การได้ช่วยให้เธอได้ทำงานกับตัวเองเพิ่มอีกหน่อย จะช่วยดึงตัวเธอให้หลุดจากร่องอารมณ์บางอย่างที่ติดแน่นในใจเธอ ให้เธอคว้าความสุขมาให้ตัวได้อีกไม่น้อย
ก็เลยทำให้มีการคุยเลยไปถึงเครื่องมือหรือกิจกรรมว่าจะเลือกใช้อะไรดีที่ลดแรงต้านได้ง่ายกว่า คุยกันแล้วก็สรุปกันได้ว่าใช้แผนที่ความรักเป็นเครื่องมือน่าจะเหมาะที่สุด พร้อมทำใจเอาไว้ด้วยว่าหากว่าใช้ไปแล้วยังมีใครที่ไม่ลงมือทำงานให้ตัวเอง ก็ปล่อยให้ไปทำงานต่อด้วยตัวเองก็แล้วกัน
ก่อนจะเริ่มกิจกรรมอะไรในช่วงบ่าย น้องนุชเสนอว่า ขอใช้กิจกรรมผ่อนพักตระหนักรู้อีกสักรอบ(ที่ต้องขอก็เพราะว่าในวันนี้ครูณาไม่ได้คิดว่าจะให้ได้ทำกันอีกครั้ง)
เมื่อผ่านช่วงผ่อนพักกันไปแล้ว ครูณาก็ชวนให้น้องนุชเล่าเรื่องการทำงานของสมองให้ฟัง เรื่องที่เล่าก็เป็นเรื่องของ 2 โหมด โหมดธรรมดาและโหมดปกป้องของผู้คนนั่นแหละที่ได้บอกเล่าออกมาในเชิงอ้างถึงทฤษฎีอยู่เล็กน้อย
เมื่อครูณาอธิบายเพิ่มว่าโหมดปกป้องเป็นโหมดที่มักจะส่งผลกับชีวิตของผู้คนอย่างไรบ้าง ดูเหมือนคนจะเริ่มเข้าใจวิถีของตัวเองมากขึ้นอีกหน่อย เมื่อเธอชวนผู้คนทั้งหมดเข้าสู่กิจกรรมเขียนแผนที่ความรักในโหมดธรรมดา จึงมีคนหลายคนช้าลงๆ แล้วใช้ความใคร่ครวญ ไตร่ตรอง ทวนความสัมพันธ์กับผู้คนที่ตัวเองมีต่อ
แผนที่ความรักที่ครูณาให้เขียน มีรูปลักษณ์ที่โยงบอกความสัมพันธ์เกี่ยวกับความรักที่โยงใยผู้คนเข้าด้วยกัน เนื้อความที่เธอให้บรรยายนั้นเป็นคำเล่าโยงใยความสัมพันธ์และการเอ่ยบอกความในใจที่มีต่อผู้คนที่ระบุในแผนที่ การเขียนเล่าหมายรวมไปถึงสิ่งที่อยากจะบอกขอบคุณและขอโทษกับผู้คนเหล่านั้นไว้ด้วย
ในช่วงนี้ ผู้เข้าร่วมต่างคนต่างเขียน ต่างคนต่างใคร่ครวญ อยู่เป็นครู่ เมื่อเวลาของกิจกรรมจบลงแล้ว มีคนหลายคนทีเดียวที่เรียนรู้ใจตัวเองจากการเขียน
หลังจากนั้นครูณาชวนให้ล้อมวงเข่าชนเข่า แล้วชวนต่อให้ผู้คนบอกเล่าสิ่งที่ได้เขียน บรรยากาศตอนที่เริ่มมีพลังทีเดียว แต่แล้วพลังก็เริ่มถูกลดทอน เมื่อมีคนชี้ให้คนหนึ่งเริ่มพูดก่อน คนที่เพื่อนในวงโบ้ยมาให้พูดเป็นคนแรก กลับพาย้อนไปสู่บรรยากาศเช็คอินแทนซะนี่ แทนที่เธอจะอ่านสิ่งที่เขียน เธอเล่นเล่าเรื่องราวครอบครัวของเธอที่ควรจะเล่าตั้งแต่เมื่อวานออกมาในตอนนี้
แต่อย่างไรสิ่งที่เกิดขึ้นก็น่าพอใจนะ เรื่องราวที่หลุดเล่าออกมาบอกให้รู้ว่า ใจของเธอเริ่มเปิดจนมองเห็นปัญหาและทางแก้ แล้วการเขียนแผนที่ความรักคงได้ช่วยเมื่อเธอตัดสินใจลงมือทำงานให้ตัวเองต่อไปในการแก้ปัญหาของเธอ
คนต่อมาที่อาสาก็ไม่ยอมอ่านจดหมาย อ้างว่าไม่ได้เขียนจึงขอพูดให้ฟังก็แล้วกัน เรื่องราวที่พูดก็คล้ายๆกับที่คนแรกพูด คือ เล่าเรื่องตัวเองออกมาให้รายละเอียดชีวิตให้ได้ร่วมเรียนรู้กันมากขึ้น
จากการสังเกตดูเหมือนว่าในช่วงนี้บรรยากาศคลายสงบลงไปมาก พลังในวงก็ลดทอนลงไปมาก แต่เรื่องราวในเรื่องเล่าที่พูดออกมาสดๆ ก็มีสัญญาณอะไรบางอย่างบอกให้รู้ว่าหลายคนที่ปิดใจ ใจเปิดขึ้นแล้ว คำเล่าบางคำบอกให้รู้ว่าพวกเธอมองเห็นจุดเปราะบางในใจเธอชัดขึ้นและเมล็ดต้นกล้าเริ่มหว่านลงกลางใจเธอแล้ว เหลือเพียงแต่ความกล้าตัดสินใจลงมือทำงานกับตัวเธอ รดน้ำต้นกล้านั้นให้เติบโตต่อไปเท่านั้นเอง
เมื่อถึงคิวที่สาวน้อยในเรื่องนี้เธอเริ่มพูด คำพูดที่พรั่งพรูก็ออกมาด้วยความรู้สึกสดๆพร้อมกับมีน้ำไหลออกตา แต่ความเร็วของการพูดเป็นอะไรที่ชวนให้ฉันและครูณาเอ๊ะกับการทำงานกับตัวเองของเธอ
ถึงแม้จะรู้สึกเอ๊ะกับระดับความลึกของการทำงานใคร่ครวญ ไตร่ตรองของเธอ แต่คำเล่าที่พรั่งพรูออกมา คำที่กล่าวขอบคุณและขอโทษของเธอต่อใครๆที่เธอโยงใยไว้ในแผนที่ของเธอ ก็บอกให้ฉันรู้ว่าเธอมองเห็นและเรียนรู้อะไรบางอย่างในแง่มุมความสัมพันธ์ของตัวเธอกับผู้คนกว้างขึ้นและเพิ่มขึ้นกว่าเดิมแล้ว
เมื่อบรรยากาศของวงเริ่มลดพลังลงไปอีกจากการที่มีคนเอ่ยพูดนอกกรอบของกิจกรรม ครูณาจึงเอ่ยย้ำใหม่ว่า “ณาชวนให้คนต่อไปที่จะกล่าวอะไรออกมาอ่านเฉพาะสิ่งที่เขียนจะได้กระชับขึ้น” ซึ่งก็มีคนยอมทำตาม เสนอตัวลงมืออ่านแผนที่ของตัวให้ฟัง เมื่อคนที่อ่านต่อมาสองคนกลับมาอ่านแผนที่ของตัวให้ฟัง มันได้ช่วยดึงพลังให้กลับมาอยู่ในบรรยากาศของวงได้ชะงัดทีเดียว
แต่พอหลังจากนั้นสักครู่ ขณะที่มีคนกำลังอ่านเรื่องราวให้ฟังต่อมาอีก ก็มีเสียงคนสองคนคุยแทรกขึ้นมาเบาๆ ตอนนี้พลังเริ่มแตกอีกครั้งเมื่อเสียงคุยแทรกยังดำเนินไป คนในวงที่พยายามฟังเสียงที่อ่านให้ฟัง นิ่งกันอยู่เป็นครู่ก็เริ่มมีภาษากายให้เห็น ครูณาคงจะเห็นว่าฝืนพลังของวงต่อไปน่าจะไม่ไหวจึงหันมาบอกฉันเบาๆด้วยความเกรงใจว่า “หมอค่ะช่วยหน่อย” คำขอทำให้ฉันตัดสินใจเดินเข้าไปกระซิบชวนคนสองคนที่กำลังคุยกันว่า “ขณะที่มีคนกำลังเล่าเรื่องอยู่ ฟังเขากันหน่อยนะ ช่วยกันฟังและให้กำลังใจเขากันเนอะ” บอกเขาแล้วก็เดินกลับมานั่งฟังต่อ
คนที่ชวนคุยขึ้นก่อนคงรู้ตัวและเกรงใจฉัน เธอเอ่ยคำขอโทษฉันเบาๆ แล้วหลังจากนั้นเสียงคุยก็เงียบลง แต่เสียงที่เงียบลงช่วยเหนี่ยวนำให้พลังคืนกลับมาสู่วงได้ไม่มากเท่าไร
เหตุการณ์ช่วงนี้นำมาเล่าสู่กันฟังเพื่อเรียนรู้ร่วมกันในฐานะี่กระบวนกร ในฐานะที่เวทีแห่งนี้มีลักษณะเฉพาะอีตรงที่มันเกิดขึ้นจากความต้องการของผู้เข้าร่วมทุกคน เรื่องนี้น่าสนใจนะค่ะ
29 กค.2552
Next : สมใจกับการเพิ่มคุณค่าของคน » »
ความคิดเห็นสำหรับ "คงพลังในวงไว้….สำคัญ"