อีกมุมของ “จี๊ด”

โดย สาวตา เมื่อ 6 สิงหาคม 2009 เวลา 18:57 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต, สังคม, เล่าสู่กันฟัง #
อ่าน: 1090

หลังเช็คอินครูณาเริ่มกิจกรรมด้วยการอ่านจดหมายที่เธอเขียนถึงสามีและลูกให้ผู้คนที่เข้าร่วมฟัง  จดหมายฉบับนี้เธอเขียนถึงสามีและลูกเพื่อสะท้อนบอกความรู้สึกที่เธอมีต่อผู้คนใกล้ตัวของเธอ  มีทั้งการเล่าความรู้สึก มีทั้งการกล่าวคำขอบคุณและขอโทษในมุมมองต่างที่เคยมองสามีในแง่ลบมาก่อน เธอเล่าว่าเธอใช้วิีธีนี้สื่อสารกับคนในครอบครัวเสมอมาถึงแม้ว่าจะพบปะหน้าตากันทุกๆวัน ยามจากมาไกลเยี่ยงนี้ เธอก็ส่งมันผ่านอีเมล์ไปให้

แล้วเธอก็เล่าเื่รื่องชีวิตวัยเด็กที่เธอแปลพฤติกรรมของผู้ใหญ่ที่แสดงต่อเธอในเชิงลบหรือปฏิเสธหรือไม่ยอมรับความเป็นเธอ ซึ่งทำให้เธอเปลี่ยนตัวเองจนกลายเป็นคนๆหนึ่งที่เธอเลือกที่จะเป็นเพื่อให้ผู้ใหญ่ยอมรับ เธอเปรียบเทียบการเปลี่ยนว่าเธอปลดมันออกจากตัวเหมือนกับการทิ้งไพ่ออกไปจากมือ

เล่าไปเรื่อยๆพร้อมทั้งทิ้งไพ่ไปเรื่อยๆว่าเธอปลดอะไรทิ้งไปบ้างตามความเห็นที่เธอแปลมาจากการรับรู้พฤติกรรมของผู้ใหญ่จนกระทั่งไพ่ในมือเหลืออยู่เพียง 4 ใบ  เธอครองตนอยู่ด้วยไพ่ 4 ใบนี้ตลอดมา จนเมื่อเธอได้พบกับสามี เธอจึงเริ่มมองเห็นสิ่งที่พร่องไปของตัวเธอและเริ่มมีใจที่อยากจะเติมเต็มให้กับตัวเอง การตัดสินใจเลือกสามีเป็นคู่ครองก็มีเหตุมาจากการมองเห็นคุณสมบัติดีๆที่เธอไม่มีอยู่ในตัวสามี เธอเปรียบเทียบให้มองเห็นการเก็บมาเติมเต็มจากการเลือกคู่ครองให้ตัวเธอเองว่าเหมือนเธอตัดสินใจเก็บไพ่ที่เธอทิ้งไปแล้วกลับมาใส่มือ

เธอเล่าสิ่งที่เธอได้เรียนรู้จากชีวิตของเด็กๆที่ผ่านเข้ามาในโรงเรียนพ่อแม่ลูกว่าเขารู้สึกอย่างไรต่อการกระทำของพ่อแม่ เปรียบเทียบสิ่งที่เรียนรู้ให้เห็นการทิ้งไพ่ของเด็กอีกรอบเพื่อให้ผู้เข้าร่วมสะท้อนมองตัวเอง

กิจกรรมผ่านมาเกือบครึ่งวันแล้วเมื่อเธอชวนเรียนรู้มาถึงบทเรียนตอนนี้ ก็ยังมีผู้คนเอาแต่คุยกันเองแทรก คุยโทรศัพท์บ้าง ล้มตัวนอนบ้าง  ในฐานะกระบวนกรฉันว่าครูณาคงรับรู้ว่ามีแรงต้านหรือแรงค้านอยู่ภายในใจของผู้คนที่พึงกรุยให้ผ่าน แต่เธอยังไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปจึงลดแรงต้านเหล่านี้และเข้าถึงผู้คนเืพื่อให้เปิดใจ เปิดโลกภายใน สมใจที่อยากช่วยเหลือได้ ภายใต้เวลาที่เหลืออยู่ของวันนี้

เมื่อร่วมสังเกตมาถึงผลในช่่วงนี้ ฉันรู้สึกว่าอยากจะช่วยขึ้นมา จึงกระซิบครูณาว่าชีวิตของคนรุ่นที่เห็นนับแต่วัยเด็กมาแล้ว พวกเขาน่าจะถูกหล่อหลอมด้วยการกำหนดกรอบให้เดินตามของผู้ใหญ่ที่ดูแล  การตั้งเป้าให้ทำดีและ่พึงดีขึ้นๆให้ผู้ใหญ่ยอมรับส่วนใหญ่ถูกกระตุ้นผ่านวิธีดุด่าว่ากล่าวหรือตำหนิเพื่อเร่งเร้า การชวนชี้ให้จับประเด็นแต่มุมลบของผู้ใหญ่นี้ได้ฝังรากความรู้สึกของพวกเขาให้เป็นอัตโนมัติจนคุ้นชินกับการค้นหาจุดลบ จุดด้อย เพื่อก้าวย่างต่อจนเป็นเขาที่พบกับความสำเร็จและภูมิใจในวันนี้

ความคุ้นชินกับสิ่งที่เป็นด้านลบจนเป็นนิสัยเหล่านี้ทำให้พวกเขายากที่จะกรุยผ่านให้กลับมาเห็นข้อดีของการนำเอามุมลบของชีวิตที่เจออยู่มาค้นหาทางออกก็ได้นะ  อันนี้ฉันสังเกตจากบางคนที่เล่าถึงวิธีที่เขาเรียนรู้มาจากพ่อแม่สั่งสอนเขาแล้วเขาก็นำมันมาใช้ต่อกับลูกของเขานะ  ชวนครูณาให้ลองใช้วิธีชวนให้เขาได้ลองใคร่ครวญและไตร่ตรองการมองมุมบวกดูซะหน่อยเป็นไร  อาจจะช่วยชวนให้เขาเปิดใจง่ายขึ้น  ใจที่กำลังต้านจะได้ทำงานกับตัวเองต่อแล้วช่วยให้เกิดผลอย่างที่หวังจะช่วยเขาได้้

กิจกรรมต่อมา ครูณาใช้บทเรียนชวนให้้ผู้คนได้ไตร่ตรองใคร่ครวญมุมจี๊ดที่มีต่อคนใกล้ตัวและใส่มุมชมตัวเองไว้ในช่อง 2 ช่องของกระดาษเอสี่ตามขวางแบบช่องเว้นช่อง หลังจากนั้นก็ให้ทุกคนเติมเต็มมุมมองตรงข้ามของประเด็นใน 2 ช่องดังกล่าว ช่องไหนที่นึกคำตอบไม่ออกด้วยตัวเองก็ให้ปรึกษาเพื่อนในกลุ่ม  ช่วงนี้เป็นการทำงานกลุ่ม ที่มีสมาชิกในแต่ละกลุ่มคละทิศกันไปราว 7-8 คน ใครเขียนหนังสือไม่เป็นก็มีผู้ช่วยกระบวนกรพาตัวเข้าไปช่วยเขียนให้

มีแม่ 2 คนได้เรียนรู้ด้วยตัวเองจากการวิเคราะห์ 4 ช่องนี้ในลักษณะที่เหมือนการส่องกระจก ให้มองเห็นพฤติกรรมของคนใกล้ตัวโดยครูณาไม่ได้บอกอะไรในการแปลผล  เธอรับรู้ได้เองว่าที่แท้คนข้างตัวเขาคิดอย่างไรในขณะที่มีปฏิกิริยาตอบสนองเธอเมื่ออยู่ร่วมกันในครอบครัว  เรื่องนี้เป็นบทเรียนที่ได้เข้าไปรู้โดยบังเอิญซึ่งถือว่าเป็นการสอนโดยไม่้สอนจากแม่ 2 คนที่มอบให้ฉันขณะเข้าไปนั่งดูเธอสองคนใคร่ครวญและ รำพึงระหว่างนั่งทำบทเรียน 4 ช่องนี้อยู่

ไม่น่าเชื่อก็เชื่อแล้วว่าคำตอบจากการทำ 4 ช่องก็มีมุมบวกของมันอยู่ถ้าใช้มันให้เป็น การใช้แบบธรรมชาติที่นำไปเชื่อมโยงชีวิตจริงและความสัมพันธ์ระหว่างกันของผู้คนที่กำลังคิดถึงอยู่ ทำให้ผู้คนปิ๊งถึงปัญหาที่เกิดในครอบครัวว่าอะไรคือเหตุด้วยตัวเอง

แม่สองคนนี้สามารถมองเห็นตัวเธอและปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างที่อยู่ในวิถีจาก 4 ช่องนี้ โดยเพียงแค่ย้อนนึกถึงคำพูดที่พร่ำบ่นบอกจากลูกที่บอกออกมาผ่านภาษากายแล้ว ใส่ลงไปเป็นคำตรงข้ามกับความรู้สึกบวกในใจที่เธอมองตัวเอง

แค่นี้เธอก็รับรู้และเข้าใจในบัดเดี๋ยวนั้นว่าที่ลูกและสามีพร่ำบอกเธอนั้น เขากำลังรู้สึกอย่างไร มีมุมมองและการแปลท่าทีของเธอที่เห็นเอาไว้อย่างไรในขณะที่เธอรู้สึกบวกกับตัวเองอย่างยิ่งและจี๊ดกับพวกเขาอย่างยิ่ง

เมื่อแม่ 2 คนได้ผ่านกระบวนการใคร่ครวญ ไตร่ตรองเพื่อเติมเต็ม 4 ช่องนี้จนครบความเห็น  เธอก็มองเห็นทางออกที่ง่ายมากๆ้ในการแก้ปัญหาของตัวเธอกับคนข้างตัวออกมาได้

หลังจากทุกคนทำเสร็จกิจกรรมแล้ว  ครูณาก็ให้พักกันไปสักครู่ แล้วจึงมาต่อคำเฉลยว่า 4 ช่องที่ให้เขียนแท้ที่จริงมีความหมายอย่างไรมันเป็นสิ่งที่อยู่ในตัวผู้คน ผู้คนเป็นเจ้าของทั้ง 4 ช่องอยู่แล้ว  และสิ่งที่อยู่คือมุมบวกทั้ง 2 ช่องที่เจ้าตัวไม่รู้หรอกว่ามีอยู่ ไม่รู้ตัวว่ามันมีอยู่จนเจ้าอาการจี๊ดนั่นแหละที่มาเตือนมาบอกให้รู้ว่ามีอยู่ เมื่อรับรู้จี๊ดแล้วก็จะรู้ว่ามุมบวกหรือไพ่ที่ทิ้งไปนั้นมันคืออะไร จะหยิบมันกลับเข้ามาใส่ตัวหรือไม่ก็อยู่ที่เจ้าของเป็นคนตัดสินใจเลือกไพ่เพื่อเก็บคืน

มุมต่างของข้อมูลเกิดมาจากมุมมองของคน 2 คนที่ช่วยกันมองหามุมบวกเหล่านี้ให้  คนหนึ่งคือตัวเองที่มองตัวเองและชื่นชมตัวเอง ส่วนอีกคนหนึ่งก็คือคนใกล้ตัวที่จี๊ดต่อเขาบอกให้รู้ว่า ตัวเองมีสิ่งที่ตรงข้ามกับจี๊ดอยู่แต่ได้ทิ้งมันไป

จี๊ดจึงเป็นกระจกส่องให้รำลึกตนได้ แต่จะคลายมนตร์ขลังที่บังตาให้ทิ้งไพ่หรือมุมบวกนั้น เพื่อจะได้หันมาเก็บมุมบวกที่ทิ้งไปกลับมาเติมเต็มชีวิตของตนเองให้สมดุลขึ้นรึเปล่า เป็นเรื่องของเจ้าของจี๊ดพึงตัดสินใจ

เมื่อครูณานำมาสู่บทเรียนนี้ ดูเหมือนหลายคนจะอึ้งไปอย่างมากมาย ด้วยเพิ่งรับรู้ตัวเองว่าแท้จริงแล้วตัวเองได้ทิ้งไพ่ไปหลายใบมากๆแล้วมั๊ง

29 กค.2552

« « Prev : เรื่องเล่าเช้านี้…จากโรงเรียนพ่อแม่ลูก

Next : คงพลังในวงไว้….สำคัญ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2 ความคิดเห็น


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.079814195632935 sec
Sidebar: 0.30513501167297 sec