เรื่องเล่าเช้านี้…จากโรงเรียนพ่อแม่ลูก
อ่าน: 1398เช้าวันนี้ ผู้เข้าร่วมทุกคนมากันครบไม่มีใครขาดหายแต่ก็ต้องคอยกันอยู่จนสายหน่อยกว่าจะครบคน เริ่มต้นด้วยครูณาชวนเช็คอินด้วยการชวนให้พวกเขาสนทนาบอกเล่าสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปเมื่อวานนี้
แม่ 2 คนบอกเล่าว่า เมื่อกลับถึงบ้าน ตัวเองก็ตัดสินใจเปลี่ยนพฤติกรรมที่เคยมีต่อลูก เปลี่ยนการกระทำของตัวเองไปจากเดิม การทักทายเป็นเชิงประชดหรือตำหนิลูกที่เคยทำอยู่ เธอยุติมันไปแล้ว เปลี่ยนให้เป็นการใช้ภาษากายกอดลูกแทนคำพูด เมื่อลูกทักทายและไถ่ถามด้วยความรู้สึกของเด็ก เธอสามารถรับรู้ได้ว่าลูกรักเธอ เธอใช้คำพูดทักทายสิ่งที่เห็นลูกกำลังทำเป็นเชิงบวกแทน เธอบอกว่าบรรยากาศที่เกิดขึ้นเป็นอะไรที่วิเศษมาก เธอและลูกได้พูดกันดีๆเป็นครั้งแรก
ยามค่ำคืนที่ผ่านมาก่อนนอนเธอก็ได้ใคร่ครวญ ไตร่ตรองเรื่องราวของตัว สามารถผ่อนคลายและหลับตานอนหลับไปได้อย่างสบายกว่าที่เคยผ่านมาโดยไม่มีอะไรติดข้องให้ขุ่นใจ
คนหนึ่งในสองคนบอกเล่าให้รู้ว่าเธอเพิ่งเข้าใจและรับรู้ความรักและ ความไว้ใจที่แม่มีต่อเธอเมื่อคืนนี้เอง รับรู้แล้วเธอก็เสียใจที่เธอเพิ่งมาเข้าใจความรักของแม่เมื่ออายุปูนนี้แล้ว (แม่ที่เล่าเรื่องนี้ให้ฟังอายุ 58 ปีแล้ว)
คุณแม่ยังสาวอีกคนหนึ่งก็เล่าว่า เมื่อจบกิจกรรมเมื่อวานนี้แล้ว เธอได้โทรไปบอกสามีและกล่าวคำขอโทษ พร้อมทั้งบอกให้สามีรู้ว่า เธอตัดสินใจไม่ผิดที่มาร่วมกิจกรรมด้วย คุณแม่คนนี้เธอเดินทางมาจากจังหวัดตรัง เธอเล่าว่าเธอเคยคิดจะหย่าจากสามี แต่วันนี้เธอเปลี่ยนใจแล้ว เปลี่ยนใจตั้งแต่ออกจากห้องเรียนไปเมื่อคืนนี้แล้ว เธอบอกว่าเธอเข้าใจตัวเธอขึ้นมาแล้วว่า เหตุใดเธอจึงรู้สึกต่อสามีอย่างที่เคยเป็นมา
ฉันร่วมเช็คอินกับเขาไปด้วยว่า เมื่อคืนนี้ฉันกลับมานั่งทบทวนว่า ฉันได้เรียนรู้อะไรจากพวกเขา ฉันบอกพวกเขาว่า เรื่องราวที่ัฉันได้ยินได้ฟังจากพวกเขาทั้งวัน เป็นเรื่องราวที่บ่งบอกถึงความตั้งใจในการทำหน้าที่ของตัว ทุกคนล้วนมีใจอยู่ที่ “การให้” เป็นเรื่องที่รู้สึกดีที่ได้ฟัง สิ่งที่สัมผัสจากเรื่องราวของเขา็ทำให้ฉันนำกลับไปถามตัวเองเหมือนกันว่า
ทุกๆวันที่ดำรงตนอยู่ของผู้คน มักจะบอกตัวเองว่า “ไม่เป็นไร” ด้วยการใช้้ความคิดสั่ง แล้วหากว่าจะทำให้ไม่ต้องสั่งด้วยความคิดว่า “ไม่เป็นไร” หละ จะดีกว่ามั๊ย
เมื่อคืนฉันนั่งใคร่่ครวญประสบการณ์ของตัวเองที่ผ่านมาก็พบว่า เมื่อคำว่า “ไม่เป็นไร” มันมาจากใจบอก ความสงบและเป็นสุขมันเกิดขึ้นมาเองนะ
แล้วคำว่า “ไม่เป็นไร” นี้กระตุกให้ฉันคิดในเรื่องของตัวเองเหมือนกันในเรื่องของการทำหน้าที่ ในเมื่อเช้าวันนี้่สามีของฉันยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลหลังผ่าตัดแต่ฉันมาอยู่ที่นี่
เมื่อนึกถึงคำว่า “ไม่เป็นไร” แล้วมันก็เกิดคำถามหนึ่งขึ้นในใจว่า การทำหน้าที่ในทุกๆด้านให้สมดุลไปพร้อมกับกับใจที่ “ให้” เมื่อทำหน้าที่ดูแลผู้คนนั้นอย่างไรหรือจึงทำให้หน้าที่นั้นสร้างความสุขที่แท้จริงให้เกิดขึ้น สมดุลที่ทำให้คำว่า “ไม่เป็นไร” เกิดขึ้นเองจากใจโดยไม่ต้องใช้ความคิดสั่งนั้นชวนให้ค้นหาอยู่นะ
เมื่อถึงคิวของแม่คนอื่นๆที่เหลือ ส่วนใหญ่ต่างก็ยังเก็บงำความรู้สึกของตนเอาไว้ เฉไฉชวนพูดพาสนุกไปเรื่อยเปื่อยด้วยการพูดจาทักทายกันไปเรื่อย แต่มีแซวกันน้อยลงกว่าเมื่อวานนี้อยู่มาก
ครูณาเช็คอินด้วยการทวนบอกความตั้งใจที่มาตามคำชวนให้เกิดกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ลูกอีกครั้ง ว่าเธอตั้งใจที่จะมาช่วยเหลือให้ผู้คนที่ขอให้เธอมา ได้มีโอกาสทำงานกับตัวเอง สิ่งที่เธอทำมิใช่พิธีกรรมแต่อย่างใดทั้งสิ้น สิ่งที่บอกก่อนจากเมื่อคืนนี้็เป็นสิ่งที่เธออยากบอกให้รับรู้ว่าการตัดสินใจมากระบี่ของเธอ เธอมีอะไรที่มีค่าที่เธอต้องแลกเปลี่ยนกับมัน
สังเกตดูแล้วดูเหมือนผู้คนมีความช้าลง คุณภาพการฟังของเขาดีขึ้นมากกว่าเมื่อวานนี้แล้ว หลายคนเริ่มใคร่ครวญ ไตร่ตรองกับสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง
ช่วงเช็คอินมีแม่บางคนที่อินกับเรื่องราวที่ตัวเองได้พบเจอแล้วดีใจ ความดีใจทำให้เธอบอกเล่าออกมาไม่หยุดจนกินพื้นที่คนอื่นเหมือนกัน ทำให้เวลาเนิ่นนานออกไป แม่บางคนยังพูดเรื่องนอกตัวอยู่ พูดเรื่องของเพื่อนคนอื่นในกลุ่มอยู่ แต่ครูณาก็มีวิธีหยุดได้ ชวนให้กลับมาอยู่กับเรื่องราวของตัวเอง ชื่นชมกับตัวเองได้สมกับเป็นครูของเด็ก
ยอมรับว่าเป็นมืออาชีพคนหนึ่งเชียวแหละ ไม่น่าเชื่อเลยว่า ครูที่รักเด็กคนนี้จะมีพื้นฐานเดิมมาจากวิศวกร
29 กค.2552
« « Prev : ที่ยืน
ความคิดเห็นสำหรับ "เรื่องเล่าเช้านี้…จากโรงเรียนพ่อแม่ลูก"