ผู้เรียนรู้คือคนสำคัญ
อ่าน: 1267ภายใต้ความตั้งใจในการนำพาคนให้เกิดการเรียนรู้นั้น มีบทเรียนรู้ของกระบวนกรแฝงอยู่ในทุกก้าวย่าง ยิ่งการทำงานในแต่ละบริบทนั้นเป็นการทำงานผ่านทีมกระบวนกรยิ่งมีบทเรียนรู้ที่พึงเก็บเกี่ยว รับรู้ และเข้าใจ
บทเรียนรู้ที่ฉันกำลังกล่าวถึงมันอยู่นี้ เป็นเรื่องของการเรียนรู้พลังแห่งใจคน พลังแห่งความรู้สึกของคน และมีใครบางคนมาแลกเปลี่ยนไว้ว่า “ความรู้สึกของคนเป็นสิ่งที่น่ารัก” ซึ่งเป็นเรื่องจริง จริงๆนะ การได้ร่วมทำงานกันในพื้นที่เรียนรู้ที่โรงพยาบาลของฉันได้ยืนยันฉันอย่างนั้นเช่นกัน
การที่สามสาวมาปรากฏกายขึ้นที่โรงพยาบาลกระบี่นั้น ทำให้ความชัดเจนในเรื่องความรู้สึกของผู้คนในโรงพยาบาลมีต่อฉันชัดเจนขึ้นว่ามันเป็นภาพร่างที่เกิดขึ้นจากความรู้สึกที่เขามีขึ้นจากได้รับข่าวสารที่คลาดเคลื่อน นั่นคือการบอกต่อกันมา ถ้าถามว่าฉันเรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้ ณ วันนี้ การรับรู้นี้ไม่ได้ก่อให้เกิดความรู้สึกใดๆมากไปกว่า อ้อ มันเกิดจากข่าวสารคลาดเคลื่อน เมื่อย้อนไปถึงกาลามสูตรข้อที่บอกไว้ว่า อย่าเชื่อตามๆกัน ฉันว่าฉันได้เรียนรู้ความจริงข้อนี้จากเรื่องนี้แล้วละ
ในระหว่างการทำงานร่วมกัน บทตอนที่อยู่ในระหว่างเราทั้งสี่คนนั้น มีบทเรียนเรื่องของใจและการให้ใจอยู่ตลอดเวลา ฉันรับรู้ถึงความมีน้ำใจกับคนที่มิใช่ความหลงต่อเปลือก หากมองไปถึง ความเป็น “คน” ความเข้าใจว่าคนมีความรู้สึก ตลอดกระบวนการทุกวินาทีสิ่งเหล่านี้ได้ปรากฏออกมาให้เห็นผ่านการพูดจา การเฝ้ามอง การบอกเล่า มันเป็นประจักษ์พยานว่า เนื้อความต่างๆและบริบทที่แสดงออกแต่ละช็อตแต่ละตอนนั้น เราทั้งสี่ทำงานด้วยใจ เป็นใจที่มีน้ำใจต่อคน และแต่ละวินาทีการให้น้ำใจกับคนของแต่ละคนมันก็หมุนเวียนเปลี่ยนผ่าน มันเปลี่ยนผ่านไปตามร่องอารมณ์บ้าง การรู้สติบ้าง อย่างนั้นแหละ
บริบทที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ได้ถูกนำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในยามค่ำคืนของแต่ละวัน มันให้ความรู้ที่ไม่เคยคิดว่าจะมีในเรื่องของความสำคัญของ “ใจ” “น้ำใจ” “สายสัมพันธ์” “สติ” และ “ร่องอารมณ์” ว่า เมื่อมันเกิดปฏิสัมพันธ์ต่อกันอย่างไม่เหมาะควรเมื่อไร มันมีผลต่อการทำงานร่วมกันของการทำงานเป็นทีม นี่เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับกระบวนกรที่ทำงานร่วมกันเป็นทีมทีเดียวแหละ ขอบอก
มีสิ่งสำคัญที่การทำงานร่วมกันสี่คนในรอบ 3 วันที่ผ่านมาสอนว่า การทำงานเป็นทีมจะประสบกับความลื่นไหล และไปสู่ผลลัพธ์ที่พอใจได้ของแต่ละคน เมื่อสมาชิกในทีมไม่ติดอยู่ในร่องอารมณ์ ยอมรับในสไตล์ของกันและกัน ยอมรับในหลักคิดของแต่ละคน และไม่หวั่นไหวกับความต่าง ไม่หวั่นไหวกับวิธีการที่แตกต่าง ไม่หวั่นไหวกับข้อต้านในใจของตน หากแต่ดำเนินมันไปตามสไตล์ หัวใจของการวางบทบาทก็มีแค่ “ยึดผู้เรียนรู้เป็นคนสำคัญ” ฉันว่าเพียงแค่นี้ ไม่ว่าจะกระบวนกรจะมีความแตกต่างกันแค่ไหนในเรื่องสไตล์และหลักคิด ผลสำเร็จในเรื่องการเรียนรู้ที่ทุกกระบวนกรคาดหวังก็จะเกิดขึ้น
มีสิ่งที่พึงระวังอย่างหนึ่งที่ฉันเก็บเกี่ยวได้ในครั้งนี้ ในเรื่องของการบริหารความต่างให้ดำเนินไปสู่จุดหมายที่คาดหวังในมุมของความสำเร็จตรงที่ การมีสติกับการรับรู้ตัวกระบวนกรเองว่า ตลอดเวลาที่มีบทบาทอยู่นั้น คาดหวังความสำเร็จในความเป็นกระบวนกรของตนเองหรือการเรียนรู้ของผู้เข้าร่วมกันแน่
สำหรับตัวฉัน ฉันขอบอกว่า เพียงแค่ชัดเจนว่า สิ่งที่กระบวนกรกำลังมีบทบาทอยู่นั้นเป็นไปเพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้อย่างแท้จริง ความต่างในเรื่องของวิธีการในเมื่อทุกเส้นทางที่ดำเนินมันก็จะมีจุดไปพบกัน ณ ที่เดียวกัน คือ การเรียนรู้ของผู้เรียนได้
« « Prev : ก่อนถึงวันตีแตกอีสาน
9 ความคิดเห็น
เรื่องการสื่อสาร ความเข้าใจต่อสารที่สื่อ และการคลาดเคลื่อน มักพบปัญหาบ่อยๆ ตั้งแต่เรื่องเล้กๆ จนถึงเรื่องใหญ่ๆ คอขาดบาดตายก็มีมาก ในการทำงานที่ต่างวัฒนธรรมกันมีเรื่องนี้มากทีเดียว ตั้งแต่เรื่องตลก ฮา ฮิ้ว ไปจนเรื่องที่เกิดความเสียหายต่อการผลิตทางการเกษตรและอื่นๆ
สามี ภรรยาก็ผิดใจกันเพราะการสื่อสาร และการ คลาดเคลื่อนทั้งผู้ส่งสารและรับสาร
ฯลฯ….
พี่ทำงานพัฒนาชนบทเรื่องเหล่านี้เกิดบ่อยๆ ทั้งที่เตือนน้องๆและแม้ตัวเราเองก็ยังเกิดขึ้นเพราะเผลอ หรือความเคยชิน
มันไปเข้าหลักกาลามาสูตรที่หมอตากล่าว และ/หรือเข้าหลักประมาท ที่เราคาดการณ์ คาดหวังว่าคนเหล่านั้นจะเข้าใจที่เราสื่อ หรือ เราตีความหมายว่าผู้สื่อมีความหมายเช่นนี้ เช่นนั้น
ส่วนหนึ่งจึงย้ำกันและใช้กันมากคือ ต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษร หรือแม้ทำแล้วก็ตาม แต่ตัวลายลักษณ์อักษรเองไม่ชัดเจน อิอิ..
แต่ต่างวัฒนธรรมนี่เกิดบ่อยมาก ตั้งแต่ภาษา ไปจนคำศัพท์เฉพาะ ภาษาถิ่น ความหมายของท้องถิ่น ที่แตกต่างกัน
สิ่งที่เกิดขึ้นแม้ระมัดระวังบางทีเงื่อนไขบังคับให้ทำได้เพียงแค่นั้น แล้วค่อนตามไปอธิบายเพิ่มเติม
สิ่งที่ทำได้คือ ไม่ประมาท และทำทุกอย่างให้ชัดเจนมากที่สุด เท่าที่เงื่อนไขจะทำได้
ยิ่งสังคมที่โลกทุนครอบงำมากๆ ทุนเดิมทางสังคมหดหายไปมากๆนั้น อะไรที่ต่างไปนิดก็จะมองในแง่ร้ายไว้ก่อน แล้วก็ขยายความเป็นตุเป็นตะ..
โอกาศของสุนทรียสนทนาเป็นโอกาสที่ดีมากๆเลยนะครับที่ช่วยสะท้อนหลายเรื่องให้กระจ่างรวมทั้งเรื่องการสื่อสารด้วยครับ
ตามไม่ทันแล้วๆๆๆๆๆๆ รอด้วยๆๆๆๆๆ อิอิ
พี่บู๊ทค่ะ เรื่องราวของการสื่อสารที่มีจุดอ่อน ทำร้ายคนและทำร้ายองค์กรมากนะค่ะพี่ น้องกลับเห็นแย้งว่า “ความชัดเจน” มิใช่การใช้ลายลักษณ์อักษรออกมาเป็นหนังสือเวียนนะค่ะพี่ หากแต่เป็น “ความตรงของการใช้คำ” ซะมากกว่า
พี่ตึ๋งค่ะ พี่น่าจะมาด้วยจริงๆนะ ขอบอก ขอบคุณนะค่ะที่ให้น้องอิ่มมาช่วย
งานเขียนเป็นทักษะของการสื่อสารความคิด หมายความว่าฝึกได้ครับ
ส่วนจะยากหรือง่ายอยู่ที่ (1) ตัวเรา (2) เรื่องที่เราจะสื่อสาร (3) ผู้รับข่าวสาร; ในสามองค์ประกอบนี้ ควบคุมได้เฉพาะสองอย่างแรก
การเขียนเป็นการสื่อสารทางเดียวที่กำหนดผู้รับข่าวสารไม่ได้ จึงยากกว่าการพูดคุยซึ่งยังมีโอกาสอธิบายเพิ่มครับ (ถ้าผู้ฟังไม่ใช่ตอไม้)
พี่เห็นจริงอย่างที่รอกอดบอกมาน่ะค่ะน้อง การเขียนฝึกได้
เพียงแต่ว่า ในการสื่อสารผ่านการเขียนส่วนใหญ่นั้น มีเรื่องของความตรงของการใช้คำ ที่มักไม่ให้ความสำคัญที่จะฝึกฝนในการเขียน เมื่อ”คำ”ถูกนำมาเรียงร้อยประโยค และถูกส่งไปถึงมือผู้รับข่าวสาร บางครั้งมันกลายเป็นคนละเรื่องบ่อยทีเดียวเชียว
ในเรื่องความตรงของการใช้คำนี้ มีโอกาสที่จะอธิบายและตรวจสอบได้หากว่าใช้ในการพูดคุยด้วยกัน
สิ่งหนึ่งที่เป็นประสบการณ์ที่งดงามสำหรับพี่ในการทำงานร่วมกันที่กระบี่ก็คือ ทุกคำที่ใช้สื่อสารภายใต้หลักคิดที่ต่างของกระบวนกรแต่ละคนนั้น ได้มีการเช็คความเข้าใจกันเมื่อมีโอกาส ทุกคำที่แต่ละคนคาดว่าคนอื่นอาจจะไม่เข้าใจเลยค่ะ เรียกว่า แต่ละคนที่ไม่แน่ใจในความหมายและทั้งคนที่ใช้คำของตัวเองต่างไม่รีรอที่จะเริ่มทำความเข้าใจขึ้นก่อนเมื่อสะดุดใจ
เป็นการเติมเต็มให้เกิดความเข้าใจเส้นทางที่จะช่วยกันเดินต่อไปอย่างไร้ซึ่งความเคลือบแคลงความหมายของมัน เพื่อให้ความสำเร็จเป็นเรื่องของการดูแลตนของผู้เข้าร่วมอย่างแท้จริงค่ะ
ดีใจที่ได้ร่วมงานกับสามสาวค่ะ รู้ว่าทุกคนเหน็ดเหนื่อยกับการทำงานภายใต้ความต่าง แต่นี่คือสิ่งที่มีค่าที่ได้มอบให้กันที่พี่รับรู้
พี่ว่ามันเป็นของขวัญที่ต่างคนต่างได้ให้กัน เป็นของขวัญที่สูงค่ายิ่งนะค่ะ เพราะว่ามันจะช่วยทำให้แต่ละคนได้ทำหน้าที่ดูแลคนต่อตามบริบทของตนได้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นๆ
และที่สำคัญก็คือ พี่ว่าเราต่างได้เรียนรู้และได้พบอัตตาที่ซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบๆด้วยค่ะ ซึ่งนี่ก็เป็นของขวัญอีกชิ้นที่สวยงามเช่นกันค่ะน้อง
ช่วงเวลาที่คุยแลกเปลี่ยนความคิด ประสบการณ์ และพูดคุยกันเป็นช่วงเวลาที่มีค่ามากค่ะ พี่สาวตา …
ขอบคุณสำหรับการสอนโดยไม่สอนในหลายๆเรื่องจากพี่สาวตานะคะ
[...] ไปร่วมเป็นกรรมการ…เอ๊ย..กระบวนกรที่กระบี่ [...]
เราต่างคนต่างสอนกันนะอุ๊ยจ๋า