ขอบคุณชีวิต

โดย สาวตา เมื่อ 22 กุมภาพันธ 2009 เวลา 23:21 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต, สังคม #
อ่าน: 1346

ใครคนหนึ่งเขียนบันทึกไว้ว่า สิ่งเดียวที่เรา “สั่งได้” แม้ไม่ง่ายคือจิตใจของเราเท่านั้น ความจริงที่ฉันพบคือว่า ใจ และ ความคิด มันเปลี่ยนไปตามเวลา มันเหมือนธรรมชาติของเวลา ที่มีมุมสว่างแล้วก็มีมุมมืดหมุนเวียนเข้ามาให้รับรู้ เรียนรู้ รู้จัก และเข้าใจแต่ละวาระที่ผันผ่านมีการเปลี่ยนแปลงทั้งก้าวหน้าและถอยหลัง

 

เป็นอะไรที่วิ่งวนไปมาอยู่ไปมาร่ำไป บางเวลามันยุติการวนและนิ่ง บางเวลามันไหลบ่าลื่นดี บางเวลามันก็กระโชก บางเวลามันเหมือนย้อนทวน  แต่เมื่อได้เอาเวลาเข้าไปสัมพันธ์ สิ่งที่พบกลับกลายเป็นว่า ทุกอย่างที่รู้สึกว่ามันวนเวียนนั้น ที่แท้มันคืบหน้าไปตลอด หากแต่ใจมันจับเวลาไม่ทัน ความคิดมันคิดว่าเวลาอยู่กับที่ สัมพันธ์กันไป ทำให้รู้สึกว่านี่คือเรื่องเดิมที่ย้อนทวนวนเวียน 

เมื่อก่อนนี้ฉันเคยเชื่อว่า ใจสั่งสมองไม่ได้ และสมองสั่งใจไม่ได้  แต่มาถึงวันนี้ความเชื่อของฉันคลอนแคลนค่ะ

 

หากเคยสังเกตความรู้สึกเมื่อมีผ้าพาดไว้บนบ่า  เมื่อพาดมันไว้จนคุ้นชินแล้วอยู่ๆผ้าหล่นหลุดลงแล้วรู้สึกบ่าว่างๆบ้างไหม  แล้วในบางเวลาเมื่อผ้าหลุดจากบ่าก็ไม่รู้สึกบ่าว่างๆด้วยใช่ไหม เวลารู้สึกว่าบ่าว่าง เมื่อคุ้นชินกับการพาดผ้าบนบ่า ความคุ้นชินนั้นทำให้ต้องไปหาผ้าผืนใหม่มาพาดไว้แทนหรือก้มหยิบผ้าผืนเดิมมาพาดต่อ 

วังวนความรู้สึกที่อยู่ในใจก็คล้ายๆอย่างนี้  เคยพบค่ะว่า มีความรู้สึกในใจบางขณะเกิดขึ้นคล้ายๆความรู้สึกที่ผ้าหลุดจากบ่า แล้วทำให้เข้าใจวังวนของเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น แล้วพอรู้สึกอย่างนั้น จะได้ยินเสียงในใจว่า ใช่เลย ดังขึ้น พอได้ยินเสียงนี้ เวลาที่มีโจทย์ในใจ จะรู้สึกว่าความเบา ความสบายเกิดขึ้นภายในใจชั่วขณะ มันเกิดอย่างอัตโนมัติทุกครั้งที่ได้ยินเสียงคำนี้เปล่งขึ้นให้รับรู้ การยอมรับต่อเรื่องราวที่เป็นโจทย์เหล่านั้นง่ายดายขึ้นทันที

ที่เอามาเล่านี้ก็เพียงจะบอกว่า แกะรอยความรู้สึกแล้วพบอะไร ความว่างที่ว่ามันเกิดขึ้นมาหลังจากใจมันสัมผัสคำตอบว่าใช่เลย มันรู้สึกเหมือนมีการหยุดรับรู้อยู่สักครู่ พอรู้สึกแล้วมันเหมือนว่ามีอะไรถูกปลดออกไปหรือถูกวางไปอะไรอย่างนี้ทันทีค่ะ มีความรู้สึกเบาสบายอยู่แวบหนึ่ง เวลาเกิดความรู้สึกอย่างนี้มันไม่ได้ตั้งใจจะรับรู้เรียนรู้ค่ะ ยิ่งถ้าในสมองมีความคิด และสั่งให้สนใจเพ่งหาเพื่อเรียนรู้ว่ามันเป็นความรู้สึกอะไร เกิดได้อย่างไร ความรู้สึกเบาสบายอย่างที่เล่าถึงนี้ก็จะหายไป ตอนที่รู้สึกว่าว่างก่อนรู้สึกว่าใจวางอะไรในแวบหนึ่งนั้น ฉันว่ามันเกิดขึ้นก่อนแล้วการยอมรับจึงตามมาค่ะ การยอมรับตามมาติดๆเมื่อมีคำตอบว่าใจโล่งเกิดขึ้นก่อนด้วยค่ะ

วาง ว่าง รับรู้ รับได้ ปลดทิ้งลำดับความรู้สึกมันเป็นอย่างนี้ค่ะ

ไหนๆก็บันทึกเรื่องใจเบาสบาย ก็เลยลองเอาคำเหล่านี้มาเรียนรู้ว่าอย่างไหนเกิดก่อนหลังกันนะเพื่อทำความเข้าใจตัวเอง สำหรับ ณ วันนี้ ฉันพบว่าใจฉันตอบอย่างนี้ว่าที่ฉันรู้สึกสงบเพราะฉันมีสิ่งเหล่านี้ค่ะ

 ·   Happy Family (ครอบครัวดี)    ·   Happy Money (ปลอดหนี้) 

·  Happy Relax (ผ่อนคลาย)         ·    Happy Brain (หาความรู้)

และสิ่งเหล่านี้ของผู้คนรอบข้างทำให้ฉันมีสิ่งข้างบนค่ะ

·         Happy Society (สังคมดี)

·         Happy Body (สุขภาพดี) 

·         Happy Heart (น้ำใจงาม)

ขอบคุณผู้ที่ทำให้เกิดสิ่งนี้กับชีวิตฉันค่ะ 

·         Happy Soul (ทางสงบ)

« « Prev : ของฝากที่อยากให้รับไว้ดูแลใจ

Next : เตือนสติตัวเอง » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

6 ความคิดเห็น

  • #1 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 22 กุมภาพันธ 2009 เวลา 23:29

    ยินดีด้วยครับพี่ ความสงบ ต้องแสวงหาเอาเอง; ไม่อยากได้หรือไม่แสวงหา ก็จะไม่ได้มา แม้มันจะลอยผ่านมา ถ้าไม่คว้าไว้ มันก็ลอยผ่านไปครับ

  • #2 จันทรรัตน์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 กุมภาพันธ 2009 เวลา 5:53

    เห็นปิติสุข…ยินดีด้วยค่ะ พี่สาวตา…

  • #3 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 กุมภาพันธ 2009 เวลา 22:00

    #1 รอกอดเจ้าขา พี่กลับมองว่าความสงบเป็นผลของการค้นหาคำตอบบางอย่างของชีวิต ที่เป็นจุดพักที่ดีจุดหนึ่ง ก่อนที่ชีวิตจะดำเนินต่อไปในวิถี

    ความสงบนี้ไม่จำเป็นต้องแสวงหา หากแต่จะได้มาฟรีๆเมื่อเราหน่วงตัวเอง ใคร่ครวญและไตร่ตรองกับเหตุการณ์บางอย่างในวิถีที่แตะความรู้สึกเราให้เกิดคำถาม ซึ่งมิใช่คำถามเกี่ยวกับความรู้ซึ่งเป็นเรื่องของความคิด ความจำได้ หมายรู้ แต่เป็นคำถามที่เกี่ยวกับความรู้สึกสดๆที่เกิดขึ้นกับตัวเองค่ะ

    ความเพียรค้นหาคำตอบให้คำถามต่างหากที่ทำให้ค้นพบความสงบที่อยู่ตรงหน้า

    ความสงบเมื่อพบแล้วนั้น จะไปเอื้อมคว้ามาเก็บไว้มิได้หรอกค่ะ เพราะว่ายังไงมันก็เกิดและดับลงพร้อมๆกันในทุกวินาทีค่ะ ด้วยเหตุที่มันเป็นเช่นนั้นเอง

    การได้แตะสัมผัสคำตอบบ่อยๆต่างหากที่ทำให้รู้สึกเสมือนว่าเราคว้ามันไว้ได้

    ความสุขที่เกิดจากความสงบมันหลอกใจเราให้รู้สึกว่าอิ่มเต็มได้นะน้อง จนเราหลงเข้าใจว่าสงบจริง จนเกิดความยึดมั่นถือมั่นเอาไว้ใหม่

    เป็นเรื่องที่ต้องระวังจริงๆเลยค่ะกับเรื่องติดสุข

  • #4 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 กุมภาพันธ 2009 เวลา 22:14

    #2 อุ้ยจั๋นตาเจ้า เป็นการพบที่ทำให้เข้าใจ need ของใจคนขึ้นอีกโข แล้วได้รู้อีกด้วยว่าแม้ว่าคนได้แตะถึงสิ่งสามัญที่ใจเขาเองปรารถนาที่สุดแล้ว ความสงบของใจมันเกิดขึ้นได้ไม่นานเท่าไรหรอกนะ หากว่าเขาและสิ่งแวดล้อมไม่สัมพันธ์กัน ไร้สมดุลที่เกี่ยวสัมพันธ์ไว้ด้วยกัน

    โลกภายในเป็นโลกที่ใช้ตำราเล่มใหญ่จริงๆค่ะ ต้องใช้เวลาทั้งชีวิตจึงทำความเข้าใจได้กระจ่างได้ในทุกๆเรื่องละมั๊งนี่ แล้วตำราเล่มนี้นะเขียนไม่เคยจบไปสักที จึงเป็นตำราที่อ่านไม่จบของทุกๆคนซะด้วย องค์พุทธะท่านสามารถจริงๆค่ะที่อ่านมันจนจบได้

    ความสงบทำให้ได้เวลาที่มีคุณค่า ที่ทำให้ผู้เขียนตำราได้ทวนต้นฉบับ เขียนแล้วอ่านแล้วเรียนเองไปซะด้วย

    การถึงพร้อมของการใคร่ครวญทำให้มีโอกาสหน่วงจนเกิดการผสมผสานความรู้ใหม่ แล้วบทตอนต่อไปของตำราก็ถูกเขียนต่อ วนเวียนไปอย่างนี้ร่ำไปโดยคนเขียนก็ไม่รู้ตนเอง ว่าแอบเขียนมนตร์ผูกซ่อนเอาไว้ซะด้วยนะ บางเวลามันบังตาทั้งคนอ่านและคนเขียนให้มองหาบทเรียนไม่เจอก็บ่อยครั้ง  จนเมื่อใจผ่อนคลายนั่นแหละจึงพบเห็น ความผ่อนคลายแค่ช่วยนำพาเท่านั้น มนตร์จะเสื่อมอาศัยความสงบค่ะ มนตร์เสื่อมแล้วคนอ่านจึงเริ่มรู้ แต่ว่ารู้แล้วใช่จะเรียนได้ดีทุกทีไปนะค่ะอุ้ยเจ้าขา

  • #5 นักการหนิง ให้ความคิดเห็นเมื่อ 7 มีนาคม 2009 เวลา 14:08

    “ความคุ้นชินนั้นทำให้ต้องไปหาผ้าผืนใหม่มาพาดไว้แทนหรือก้มหยิบผ้าผืนเดิมมาพาดต่อ”…………… ชอบจัง….ทำให้ได้คิดว่าเราคุ้นชินกับการพาดผ้าไว้ที่บ่าเสมอๆ ใช่ไหม 

  • #6 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 7 มีนาคม 2009 เวลา 14:53

    ความคุ้นชินหนึ่งที่เป็นผ้าพาดไว้บนบ่าของเราคือเรื่องการไม่ห้อยแขวนค่ะน้องหนิง ผ้าผืนหใม่ผืนไหนที่พึงหยิบมาพาดจึงเป็นคำถามที่พึงถามตัวเองไว้เสมอ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.60886216163635 sec
Sidebar: 0.29912495613098 sec