ย่ำหนามไม่ให้เจ็บ(1)
อ่าน: 1091มีประสบการณ์เอ๊ะๆเฮๆที่อยากบันทึกไว้ทบทวนจากเรื่องราวในวันนี้หลายเรื่องเชียวหละ เอาเรื่องที่ใจตรงกับน้องสร้อยก่อนละกันเรื่องสอบสัมภาษณ์ เล่าไปแล้วว่ามาถึงที่ทำงานวันแรกก็เริ่มด้วยเรื่องทำให้หัวฟูกับเรื่องการตกลงเรื่องเกณฑ์การสอบสัมภาษณ์คัดคนบรรจุเป็นพนักงานราชการรุ่นล่าสุด
อย่าเพิ่งวาดภาพว่าการสอบบรรจุครั้งนี้ฉันคือผู้ที่ต้องนั่งเป็นยักษ์หัวโต๊ะเนอะ คราวนี้เจ้านายมอบหมายมาแปลก ทำให้สงสัยความนัยเบื้องหลัง เดาอยู่นะนี่แต่ในเมื่อเจ้าของโจทย์เขาไม่เฉลย ก็ไม่จำเป็นต้องปวดขมองไปค้นหาคำตอบ รับมอบหน้าที่ยังไงมากทำงานในบทนั้นละกัน ทำให้ดีที่สุดละกัน
เริ่มจากเจ้านายบอกว่า คราวนี้ได้เรื่องตำแหน่งบรรจุพนักงานราชการมาใหม่ 5 ตำแหน่ง ให้บอร์ดร.พ.ช่วยกลั่นกรองชี้ทิศหน่อยเอาไงดี บอร์ดสรุปกันว่าตั้งคณะกรรมการสอบบรรจุตามระเบียบราชการละกัน สงสัยคุยกันหลายรอบแล้วว่าจะเอายังไง แต่ด้วยฉันมันซ่า ไม่ใคร่อยู่ร่วมประชุมบอร์ดหรอกนะ ตะรอนๆอยู่รอบนอกซะมากกว่า วันที่เข้าไปประชุมกับเขาได้ พอดีมีข้อสรุปเรื่องนี้แล้ว คือ ได้ตัวองค์คณะของกรรมการแล้ว ทีนี้ถึงตอนมอบหน้าที่ คำสั่งมาอยู่ตรงหน้าให้น้องหมอฟันที่อยู่ในบอร์ดเป็นประธาน และให้ฉันและคนอื่นๆที่อาวุโสมากกว่าเป็นแค่กรรมการร่วมสอบ พอเห็นคำสั่งก็มีคนแย้งให้ทันทีว่า ทำไมไม่ให้ฉันเป็นประธาน คำท้วงนะมาจากเจ้าหน้าที่ธุรการที่เป็นผู้ปฏิบัติตัวเล็กๆ นี่คือเอ๊ะแรกที่เป็นโจทย์ให้ใคร่ครวญ เขาคิดอะไรอยู่จึงท้วง
ตอนที่เอ๊ะนะ มันรู้สึกเหมือนมีสัมผัสที่หก(ตาที่สามมั๊ง..อิอิ) มาเตือนๆว่าเรื่องนี้มีนัยยะ แล้วในใจก็รู้สึกทุกครั้งว่าอยากจะอ๊วกเวลาเห็นคำสั่งให้เป็นยักษ์หัวโต๊ะด้วย มันดีใจนะที่เห็นหน้าที่อย่างนี้นะถูกโยกไปให้คนอื่นทำซะมั่งดีแล้ว ยิ่งฟังตัวเองได้ยินชัดขึ้นนี่ มันยิ่งรู้เลยว่า ตัวเองไม่ชอบเรื่องอะไรที่เป็นเรื่องต้องจัดการกับผลประโยชน์แบบการได้เสียเล๊ย เวลาต้องเกี่ยวมันเหมือนจะเกิดกำแพงบางอย่างที่ตัวเองสร้างขึ้นเป็นโล่อย่างไรอย่างนั้นเลยแหละ…นี่ก็เอ๊ะที่สองกับตัวเองค่ะ…ทำไมจึงรู้สึกอย่างนี้มาตลอด….เชื่อนะว่าสุนทรียสนทนาไปเรื่อยๆกับตัวเอง…..ในที่สุดแล้วจะเข้าใจที่มาของความรู้สึกนี้….ตอนเขียนนี่ก็แวบๆมาว่าน่าจะหาเพ็ชรเม็ดนี้เจอค่ะ…แต่ไม่ชัด
มาถึงตอนจะเริ่มกระบวนการ ทีนี้ยุ่งซี เพราะมีกลุ่มพยาบาล(ขออภัยน้องสร้อย ครูใหญ่เน้อ) เขานะมีคำสั่งแต่งตั้งคนในกลุ่มของเขาเป็นกรรมการคัดเลือกหรืออะไรสักอย่างนี่แหละ เอาละซีทีนี้ทำไง มีคณะกรรมการคัดเลือกสองชุด เด็กๆเขาครหาบอร์ดกันแย่เลย ตอนมอบงานมาเจ้านายก็บอกว่า มีเด็กเส้นจากผู้ใหญ่ในจังหวัด ทั้งอปท./มท. ฝากมาตรึมเลย แต่ขอให้ทำงานกันไปอย่างที่อยากทำ ไม่ต้องกังวล ให้สิทธิคกก.ทำงานอิสระได้ โล่งไปเปลาะนึงอยู่แล้ว มาเจอเรื่องซ้อนนี่อีกเอาไงดี วันที่นัดคุยกันรอบแรก รองฯจากฝ่ายพยาบาลซึ่งเป็นหนึ่งในกรรมการก็ไม่อยู่ด้วยซี….เอ๊ะที่สาม….เกิดขึ้น….เธอหายไปไหน เวลามีเรื่องสำคัญอย่างนี้…เธอหายไปอีกแล้ว…..แต่เวลาไม่รอท่า…เพราะตามระเบียบราชการที่บังคับทำให้ต้องเดินหน้า
คกก.ทั้งหมดที่แต่งตั้งนะมีแค่ 4 คน คือ ฉัน น้องหมอฟัน รองฯบริหาร รองฯฝ่ายการแค่นี้เอง แล้วก็เลขาคกก. ตัดสินใจกันทันทีให้เลขาฯไปเชิญคนที่อยู่ในคกก.ที่ทางกลุ่มการฯตั้งขึ้นมาร่วมวงสนทนา
ได้ข้อมูลเพิ่มมาว่า คกก.ที่เขาตั้งกันขึ้นมานะ เป็นกรรมการสรรหาคนเพื่อส่งมาร่วมสอบคัดบรรจุ และเขาก็ดำเนินการไปแล้วด้วย สุดท้ายจึงสรุปกันว่าเพื่อความโปร่งใส แบข้อมูลได้ ตรวจสอบได้ตามพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร ตรวจสอบธรรมาภิบาลได้ ฉันจึงเสนอให้ยุบรวมคกก.สองคณะเป็นคณะเดียวกัน ทำให้ได้คกก.มา 7 คน และน้องหมอฟันซึ่งเห็นตรงกัน เขาก็แจ้งไปกับคกก.ที่เข้ามาใหม่ว่า เขาคือผู้ร่วมออกความเห็นในการตั้งกฎเกณฑ์การสอบครั้งนี้ให้เกิดความยุติธรรม นัดหมายมาคุยกันต่อครั้งที่สอง เพื่อตั้งเกณฑ์การคัดต่อ เมื่อได้ปิดรับสมัครคนที่ขอเข้ารับการคัดเลือกแล้ว เหตุผลที่ดำเนินการอย่างนี้ก็เพื่อให้ความยุติธรรมกับบุคคลภายนอกด้วย มีเด็กเส้นเด็กเส้นก็เข้ามาได้ไม่ว่ากัน ตกลงกันในเบื้องต้นว่า การคัดคนตามคุณสมบัติเพื่อให้เข้าสอบข้อเขียนได้ คกก.จะดำเนินการเอง เพื่อปกป้องไม่ให้น้องลูกจ้างที่ทำหน้าที่ธุรการต้องเผชิญหน้ากับผลประโยชน์ทับซ้อน…แฮ่ๆๆ..ใช้คำแรงหน่อย….เลยผ่อนเงื่อนไขเขาว่า…ใครมาสมัครก็ให้เขาทำหน้าที่ให้ข้อมูลว่า คุรสมบัติที่ต้องการเบื้องต้นมีอะไร ใครที่เขายังยืนยันจะขอโอกาสเข้าคัดเลือกแม้มีคุณสมบัติไม่ครบจะเข้าสอบก็ไม่ว่ากัน…..คกก.ตกลงเกณฑ์คัดเลือกตามคุณสมบัติหลักที่ประกาศเผยแพร่ไว้ค่ะ
ถึงวันที่นัดมาตรวจสอบคุณสมบัติผู้มีสิทธิสอบ มีการสนทนากันเรื่องของการคัดคุณสมบัติก่อนทำงานกัน ถกกันนานหน่อย เพราะมีคนที่ตั้งธงว่า คนของตัวเท่านั้นที่มีสิทธิเข้าสอบอยู่ในใจอยู่แล้ว เรียกว่า อ่านเกณฑ์กันแบบตีความตามภาษาไทยจนให้แตกเลยแหละขอบอก เพิ่งเห็นความสำคัญของการใช้ภาษาชัดเจนวันนี้เอง แล้วเจ้าสองคำนี้นะสำคัญนะ คำว่า “และ” กับ “หรือ” ไง แค่นี้ก็มีคนเกือบไม่ได้สอบซะแล้วขอบอก นี่ก็อีกเอ๊ะค่ะที่ได้ประสบการณ์ในครั้งนี้
สรุปว่าคนสมัครมาทั้งหมดเจ็ดสิบกว่าถูกคัดออกไป 1 คน เป็นลูกหม้อร.พ.ซะด้วยซี ทำไงต่อดีน๊าที่จะไม่ให้เสียขวัญที่ถูกคัดทิ้งซะตั้งแต่ยังไม่ได้แสดงฝีมือ อยากช่วยก็ช่วยไม่ได้…อิอิ…ขอสารภาพค่ะว่าตอนนั้นนะมันคันในหัวใจอยากช่วยนะ…ลูกน้องเก่าฉันเองค่ะ…แล้วไอ้เจ้านี่อ่ะนะ…วุฒิการศึกษามันนะ…มีอยู่สูงกว่าที่มันยื่นมาให้ดูกะตาซะอีก…แต่ไหงที่เห็นนะมันวุฒิไม่ถึงเล่า….ตอนนั้นอยากจะลุกไปเขกกระบาลมันจริงจริ๊ง….สวมหมวกกรรมการแล้ว…ช่วยไม่ได้แน่นอน…หลักเกณฑ์ชัดแจ๋วอยู่ตรงหน้า….สรุปว่า…ด้วยร้จักตัวมันและอยากให้คกก.ประจักษ์ตาว่าตัวเองที่ตัวเองทำหน้าที่อยู่นะ…ทำได้ดีรึยัง….ฉันจึงเสนอประธานว่าให้เรียกตัวเขามาบอกเลยต่อหน้าคกก.ทั้งหมดนี่แหละแฟร์ๆดี….ตอนได้ข้อสรุปนะจวนเลิกงานแล้วด้วย จึงให้คนตามตัวว่าอย่าเพิ่งกลับ เดี๋ยวจะให้ขึ้นมาเจอกรรมการ…..เขาก็มานะค่ะ….ชี้แจงกันไป…เขาบอกเขาก็รู้ตัวว่าไม่น่าจะได้อยู่แล้ว…แต่ขอลองดู..ว่าไปงั้น….เอ๊ะอีกแล้วซีทีนี้…ไอ้เจ้าลูกน้องเก่าคนนี้มันคิดอะไรในใจ…หมายมั่นเลยว่า…เดี๋ยวว่างต้องไปคุยด้วยซะหน่อย…คราวหน้าจะได้ไม่ทอนโอกาสตัวเองอย่างนี้อีก….เฮ่อ…จบลงด้วยดีขั้นหนึ่งละ…หนามๆที่ต้องเดินย่ำเวลาทำหน้าที่ผู้บริหาร….แต่ฉันรู้สึกดีนะกับเรื่องที่ทำลงไป…เจ้าลูกน้องเขาก็รู้สึกดีด้วยนะ….เขาพูดออกมาให้ทุกคนรับรู้ตรงนั้นเลยค่ะ…มีความสุขนะค่ะที่ทำงานได้อย่างนี้….รับรู้เลยว่าขวัญเขาอยู่กับตัวแล้วเขาแถมขวัญให้เราด้วยนะ
« « Prev : พี่สาวนะแหละที่ทำให้หน้าแตก
Next : ย่ำหนามไม่ให้เจ็บ(2) » »
2 ความคิดเห็น
เรื่องรู้จักกันมาก่อนนี้ ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมจึงจะเป็นข้อเสียนะครับ บางทีคนทั่วไปอาจจะจิตอ่อน จิตตก หรือ ปสด. ไม่คิดว่าเราจะประเมินได้อย่างเป็นธรรม (ถ้าไม่เชื่อใน Integrity ของเรา แล้วดันตั้งมาเป็นกรรมการทำไมฟะ)
การรู้จักกันมาก่อน ทำให้รู้ทั้งข้อดีและข้อเสีย ที่จริงแล้วน่าจะดีกว่าการวัดดวงกับคนที่ไม่รู้จักมาเลย แล้วมานั่งคุยกันแป๊บเดียวเพื่อให้เลือก
พี่เริ่มสนุกกับวิชาดูคนขึ้นบ้างแล้วละน้อง ตะก่อนถ้าบอกให้มาทำหน้าที่แบบนี้ เหม็นเบื่อจริงๆ
พอเริ่มสนุกกับการเรียน ชักสนุกกับการได้ร่วมเวทีน่ะนี่
เจ้านี่นะเขาตัดสินตัวเองตั้งกะยังไม่สมัครสอบแล้วละน้องเอ๋ย มันเลยยิ้มได้
ไปเขกกะโหลกมันมาแล้วละว่า ให้อ่านภาษาไทยให้ดีๆหน่อย คราวหน้าเอ็งไม่ต้องทำหน้าที่บรรจุตัวเอง เอ็งแค่ทำหน้าที่เข้าแข่งตามคุณสมบัติที่สร้างมากับตัวพอแล้ว
เรื่องอื่นๆนะมันหน้าที่กรรมการเขา ไปบอกมันว่าคราวนี้มันเลือกบรรจุตัวเองแล้วไม่รอบคอบค่ะ เลยตกม้าตายอย่างไม่น่าเลย