พี่สาวนะแหละที่ทำให้หน้าแตก
อ่าน: 1178เพิ่งนึกได้ว่าที่แท้สาเหตุที่ทำให้หน้าแตกนะมาจากครูคิมนี่เอง ไม่ใช่พี่ตึ๋งหรอกนะขอบอก ก็วันแรกที่ไปถึงเมืองสองแคว หลังจากพี่ตึ๋งหนีบไปโน่นมานี่แล้วพาตัวไปหย่อนไว้ที่บ้านน้องราณีแล้วตัวเองหายต๋อมเข้ากลีบเมฆ เหมือนพระจันทร์หลบเมฆฝนยังไงยังงั้น ไม่ยอมโผล่ออกมาแจมกับสาวๆที่รอแล้วรออีก รอกินอาหารมื้อเย็นกับพี่ท่าน รอให้ท่านพี่มาจัดการอาหารที่สั่งเผื่อไว้ ยังไง๊ยังไงก็ไม่มาสักกะทีจนเบื่อรอ ชวนกันไปกินไอติมซ่าหริ่มกันซะงั้นนะ
ออกนอกทางไปหน่อยตามประสาใจที่ชอบแตกแถว กลับมาเข้าเรื่องครูคิมที่ตั้งใจจะเล่าดีกว่า ที่พี่ตึ๋งพาไปหย่อนไว้ร้านน้องราณีนะคงกะไว้ว่าจะหย่อนฉันไว้ชั่วคราวแค่นั้นเอง เย็นหลังเล่นกีฬาค่อยแวะมาจิกตัวไปอีกทีมั๊ง (เข้าข้างตัวเองไว้ก่อน..5555) พอหย่อนก้นนั่งคุยกันได้สักครู่ น้องราณีก็กดกริ๊งทันที ทายหน่อยๆทายหน่อยว่าใครมา อ้าว!โทรหาครูคิมนะเอง เซอไพร้ท์ราณีจริงๆนะ มิน่าจะโทรหาใครจึงต้องใช้บริการของราณี…อิอิ
เสียงคุยตอบมาพร้อมกับเสียงหัวเราะถูกใจของราณีก่อนเฉลย พี่หมอเจ๊มา ด้วยความดีใจอยากคุยกับครูคิมอยู่แล้ว ฉันเลยแย่งโทรศัพท์จากมือน้องสาวคนสวยมาคุยด้วยและชวนมากินข้าวเย็นด้วยกัน ครูคิมก็ใจง่ายเอ๊ยไม่ใช่ทำตัวง่ายๆดีจัง รับปากทันที มาๆค่ะ
เจอหน้ากันที่ร้านกินข้าวตอนที่รถจอดลงขนานตัวอยู่ใกล้ๆกัน ฉันหันไปมองทางซ้ายของรถก็เห็นหน้าของผู้ขับรถว่าใช่เลยครูคิม รีบลงจากรถไปเคาะกระจกทันทีขอบอก ครูคิมนะยังไม่ทันปิดกุญแจรถเล๊ย ก็ลงจากรถลงมากอดกัน อิอิ..ก็เกิดเรื่องซิทีนี้ รถมันไหลถอยหลัง ครูคิมต้องปล่อยกอดพาตัวแทรกขึ้นไปจัดการกับรถที่กำลังไหล ลุ้นอยู่นะตอนนั้นอ่ะ สงกะสัยในใจว่าทำไมรถมันไหล แวบแรกที่เห็นคือ กุญแจรถยังคาและเปิดสวิตช์อยู่ เมื่อครูคิมจัดการรถให้จอดลงได้ โล่งอกค่ะ….รถพี่คิมเขาแปลกนะ จอดทีไรชอบถอยหลังเองทู๊กที….โปรดช่วยกันจำไว้และช่วยดูแลด้วยนะค่ะ
นั่งกินข้าวกันไปคุยกันไปสี่สาว ไล่เรียงอายุกันตามธรรมเนียมคนกลัวแก่รึเปล่าไม่รู้ แล้วก็มีคนร้องฮ้า ครูคิมบอกว่า ยังไงก็เหอะ เจอหน้าแล้วจะขอเรียกฉันว่าพี่ละ ไม่สนเรื่องอื่น พอรู้อายุครูคิมแล้วฉันนึกต่อว่าตัวเอง นี่ไงอยากจะแก่ดีนัก หน้าแตกแล้วมั๊ยละ ไปเรียกเขาว่าน้องอ่ะ ทีนี้ทำไงต่อละ เอาวะเรียกกันตามอายุนี่แหละ แต่ครูคิมเขาไม่ยอม เลยยังเรียกชื่อเขาว่า ครูคิมอยู่นั่นแหละ เทียบรุ่นกันแล้วครูคิมรู้ตัวว่าอายุมากกว่าฉันเยอะเลย มิบังอาจนะพี่สาวที่จะเรียกว่าน้องครูคิมต่อไป
วันนี้แหละที่เพิ่งอ๋อว่าทำไมหน้ามันบางและแตกง่ายซะจริง ไม่ได้อยากเป็นช่างรังวัดให้เทศบาลเมืองสองแควหรอกนะ แต่มันดีใจมากซะจนตึงเต่งบานมากๆไง ไม่ดีใจได้ไง ได้พี่สาวมาอีกคน ใครไม่รู้รู้ซะนะว่า คนที่เป็นลูกคนเดียวนะมันอยากมีพี่น้อง แล้วยังได้น้องสาวร่วมโลกแสนสวยและใจดีบริการเสริมสวยให้จนสบาย แม้หน้าแตก แผลเป็นมันยังยั่นไม่ยอมมาหาเลย ฝีมือยาดีน้องราณีนะค่ะนี่ ยาดีที่ว่านะคืออะไร โทรถามบริการโทร..โทร..อย่า..ลืม..โทร…ของน้องราณีเอาเองนะค่ะ….ว่าแต่ว่าน้องสาวจ๋า…ขอค่าโคด-สะ-นา หน่อยเนอะ…เอาเบาะๆแค่ขอที่นอนฟรีตามแต่จะเรียกร้องเวลาพาพรรคพวกจากกระบี่มาเมืองสองแควก็พอนะค่ะ
ครูคิมนะฝีมือน่ะ มีบันทึกคุยกันมาก่อน มีคำคมฝากมาให้อยู่เรื่อยๆ วันนี้ขอเอามาเล่าสู่กันฟังหน่อยค่ะ
สวัสดีค่ะคุณ หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ
ขอขอบพระคุณมากนะคะ ที่กรุณามาทักทายให้กำลังใจค่ะ
เดิมก็เขียนไม่เป็นหรอกนะคะ แต่เมื่อเห็นเด็ก ๆ ช่วยกันคิดคำกลอน
ทำให้ไปหัดมาเพื่อเป็นกำลังใจแก่เด็ก ๆ
งานครูและงานหมอเหมือนกันตรงดูแลช่วยเหลือชีวิตค่ะ
แต่..ต่างที่คุณหมอห้ามตาย
คุณครู ห้ามโง่ค่ะ
ขอให้คุณหมอมีความสุขนะคะ
บัวพ้นน้ำ เมื่อได้แสงอาทิตย์ก็พร้อมจะบานทันที… เหมือนคนที่เฉลียวฉลาด มีประสบการณ์ ได้รับคำชี้แนะนิดหน่อยในเรื่องนั้นๆ ก็เข้าใจ
บัวปริ่มน้ำ เมื่อได้รับแสง ๒-๓ วันจึงจะค่อยๆ บาน… เหมือนคนที่เฉลียวฉลาด แต่ยังด้อยประสบการณ์ ต้องได้รับการฝึกฝนหรืออบรมระยะหนึ่ง จึงจะเข้าใจ
บัวกลางน้ำ ต้องรอระยะเวลาให้ค่อยๆ เจริญเติบโต เพื่อจะได้พ้นจากน้ำ ก่อนที่จะได้รับแสงแล้วบานต่อไป… เหมือนคนที่ไม่ค่อยฉลาดนัก ไร้ประสบการณ์ ต้องผ่านการฝึกฝนหรืออบรมอีกหลายๆ ครั้ง จึงจะเข้าใจ
บัวติดตรม ซึ่งเป็นบัวใต้น้ำลึก ไม่มีกำลังพอที่จะโผล่พ้นน้ำเพื่อมารับแสงอาทิตย์ให้บานได้… เหมือนกับคนโง่ ทึบ แม้จะฝึกฝนหรืออบรมอย่างไรก็ไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะเข้าใจสิ่งนั้นๆ ได้
ขอแย้งคำกล่าวของพี่คิมตรงนี้หน่อยก่อนจบ เพื่อให้ตรงกับเรื่องราวที่พวกเราหมอๆกำลังปฏิวัติวงการกันอยู่ค่ะ
งานครูและงานหมอเหมือนกันตรงดูแลช่วยเหลือชีวิตค่ะ ……เรื่องนี้ใช่เลย
แต่..ต่างที่คุณหมอห้ามตาย…..คุณครู ห้ามโง่ค่ะ…..ตรงนี้แย้งหน่อยค่ะ…ขอแก้เป็น….คุณหมอห้ามโง่ที่ไปห้ามตาย…ให้ฉลาดหนุนให้ตายอย่างมีเกียรติและเป็นสุขค่ะ…
« « Prev : หัวฟู
Next : ย่ำหนามไม่ให้เจ็บ(1) » »
8 ความคิดเห็น
เฮ้อ..หายห่วง..มีแรงเขียนบันทึกแล้ว..
เห็นด้วยค่ะ…เรื่องการตายอย่างมีเกียรติและเป็นสุข…
ดูรูปครูคิมก็นึกว่าเป็นน้องเหมือนกัน…แฮ่ๆ
มีแฮงแล้วน้องอึ่ง…รอกอดเขากลัวสะบักสะบอม…เลยบอกไปแล้วว่า…ถ้าตกลงใจจะออกไปซ่าน่ะ…มั่นใจว่าเต็มร้อย…ไม่หมดสภาพค่ะ
น้องสร้อยจ๋า ลองขยายเรื่อง KM ผสมสุนทรียสนทนากลายๆออกไปอีกสองกลุ่มแล้วน้อง ไปซ่าซะนาน หัวฟูไปหน่อยทำให้ไม่ใคร่มีเวลา แต่มั่นใจว่าติดลมแล้วละค่ะ สำหรับกลุ่มที่ลงไปคุยด้วย ใช้การเหนี่ยวนำด้วยความรู้สึกดีๆต่อกัน ก็เกิดความสงบทางใจของคนลงได้นะค่ะ
พี่สังเกตว่า วิธีของวงน้ำชา จะได้ผลกับคนที่มีปมลึกๆที่เริ่มมีเอ๊ะกับตัวเองนะค่ะ
คนที่ยังลึกมากๆและมีเอ๊ะแล้วแต่ยังกลัวอยู่ต้องเตรียมความพร้อมด้วยการจับคุยไปเรื่อยๆแล้วดีเองในเรื่องของการฟัง แต่กระบวนกรก็ห้ามหลุดอารมณ์ดิบของตัวเองนะค่ะเวลาคุย
น่าสนใจทฤษีคลื่นสมองนะน้อง ลองทวนดูทีรึ เคยมีความรู้อะไรอยู่เดิมมั๊ย เจอกันจะได้แลกเปลี่ยนกันเนอะ….คิดถึงงงงงงงงจังงงงงงงงง
อิอิ เพิ่งรู้ว่ามาจากพี่ครูคิมนี่เอง ก๊าก นึกว่าคุณหมอ
แหมๆๆ แต่ราณีเห็นพี่มาร้าน ก็เซอร์ไพร้ส์ ซะไม่มีแล้ว แถมมีเรื่องเซอร์ไพร้ส์กว่าใช่ไหมค่ะก็ตกใจข่าว เดินวัดถนนหน้าขนส่งนี่ไงค่ะ
ขอบคุณนะคะที่ โคด- สะ - นา ให้ ก๊ากกกกกกกกกก แหม คิดถึงจังเลยค่ะพี่หมอ
จุ๊บๆๆ
ตกลงครูคิมเป็นจำเลยแทนไปแล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆๆ แม่นุทราบแล้ว เปลี่ยน อิอิ
อิอิ เพิ่งรู้ว่ามาจากพี่ครูคิมนี่เอง ก๊าก นึกว่าคุณหมอ
แหมๆๆ แต่ราณีเห็นพี่มาร้าน ก็เซอร์ไพร้ส์ ซะไม่มีแล้ว แถมมีเรื่องเซอร์ไพร้ส์กว่าใช่ไหมค่ะก็ตกใจข่าว เดินวัดถนนหน้าขนส่งนี่ไงค่ะ
ขอบคุณนะคะที่ โคด- สะ - นา ให้ ก๊ากกกกกกกกกก แหม คิดถึงจังเลยค่ะพี่หมอ
จุ๊บๆๆ
จำลงจำเลยอะไรกันเล่าพี่ พูดไม่สุภาพอีกและ แม่นุยิ่งไม่ใคร่สบายใจอยู่ พี่ก็แกล้งซะ