เนื้อนาบุญที่ติดตัวเปลี่ยนคน
นับเวลาที่เปลี่ยนผ่านแล้วไม่น่าเชื่อว่าเกือบ 3 ปีแล้วที่ได้หว่านเมล็ดแห่งสุนทรียสนทนาไว้ในองค์กร ผลพวงของการหว่านครั้งนั้น ได้มอบความเปลี่ยนแปลงแห่งผู้คนไว้ให้ และมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับสังคมภายในองค์กร
บันทึกนี้เขียนขึ้นเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของผู้เข้าเรียนรู้ที่อุ๊ยกับครูใหญ่ลงทุนคุยประกบตัวต่อตัวในครั้งนั้น ต่อจากบันทึกนี้ค่ะ
หลังจากลูกน้อง 2 สาวมาปรึกษาเรื่องการดูงานแล้วมีคำตอบให้ฉุกคิดถึงร่องอารมณ์ลบของคนตอบ ฉันไม่ไปต่อปากกับคนเป็นแม่งาน แค่จัดการให้ 2 สาวได้คำตอบด้วยตัวเอง โดยส่งตัวไปหาข่าวจากผู้ใหญ่คนอื่น แล้วความเดิมปีนั้นก็จบลงที่ลูกน้องในฝ่ายของฉัน ได้สิทธิไปดูงานด้วย 2 คน
รอบปีต่อมา ร.พ. ไม่มีนโยบายให้จัดดูงานนอกสถานที่ให้ลูกจ้าง จะมีก็ปีนี้ที่ให้โอกาสใหม่ ด้วยเห็นว่าพากันทำงานเหนื่อย หากไม่ให้โอกาสไปเปลี่ยนบรรยากาศเสียบ้างจะเสียการงาน เสียสังคมดีๆในองค์กร
แน่นอนอยู่แล้วที่แม่งานจัดการดูงานจะเป็นคนเดิม แล้วเรื่องคล้ายเดิมก็เกิดขึ้น มีลูกน้องในงานอื่นที่ฉันดูแลทวงสิทธิขอไปดูงานด้วย โดยในฝ่ายของฉันได้โควต้ามาแล้ว 1 ที่
นับแต่ได้รับรู้มาแต่การดูงานครั้งก่อน ฉันก็ปล่อยให้ผู้ใหญ่คนอื่นแสดงบทกันไปเกี่ยวกับงานของเธอ เมื่อมีคำถามจากลูกน้องขึ้นอีกในปีนี้ ฉันจึงส่งข่าวไปยังผู้ใหญ่ที่เป็นโต้โผใหญ่ดูแลกำกับ บอกเล่าว่ามีคำถามให้อธิบายเกณฑ์การให้สิทธิคนไปดูงานจากลูกน้องในงาน ฉันไม่รู้จะตอบคำถามว่าอย่างไร
คำถามที่ส่งไปให้นี้ส่งผลต่อความเปลี่ยนแปลงในกลุ่มผู้ใหญ่ มีผู้ใหญ่เข้ามาร่วมทำความชัดเจนให้เกิดขึ้น
แล้วจู่ๆวันหนึ่งเธอก็เข้ามาคุยด้วยว่า “หมอค่ะ ผอก.นัดหนูว่าจะให้หนูขึ้นไปพบบอร์ดเรื่องดูงานแต่ไม่เห็นนัดเลย หนูรออยู่นี่อ่ะ พบแล้วจะได้มาจัดการต่อ หมอรู้มั๊ยว่าเมื่อไรหนูจะได้พบบอร์ด”
ความรู้สึกแรกที่ได้ยินเธอคือ ฉงน ได้ยินเสียงถามตัวเองว่า “เอ๊ะ ยังไง นานทีปีหนจะเข้ามาคุยด้วย ไหงเรื่องนี้มาปรึกษาเรา” แต่ปากก็บอกว่า “รอหน่อยนะ ได้ยินมาเหมือนกันว่าจะให้ขึ้นไปเจอบอร์ด น่าจะเป็นวัน……” บอกไปแล้วก็แน่ใจว่าตาไม่ฝาดที่ได้เห็นรอยยิ้มเธอ
มีอีกวันหนึ่งที่มีเซอไพร๊ท์สุดๆ เดินมาเจอเธอยืนรวมกลุ่มอยู่กับคนอื่นๆ ทักทายไปว่า “สาวๆจะไปไหนกัน” มีเสียงตอบกลับว่า “จะไปช่วยกันดูรถที่จะเช่าไปดูงาน” แล้วต่อด้วยเสียงดังฟังชัดของเธอว่า “หมอไปด้วยมั๊ย อยากให้หมอไปด้วย” สะดุดความรู้สึกอีกหนแล้วนิว่าเธอเปลี่ยนไป
ก่อนวันดูงานจริงมาถึง เธอโทรศัพท์มาหาฉันอีกหลายรอบ ส่งเสียงมาชวนว่ามีที่นั่งกันไว้ให้แล้วอยากให้ไปด้วย รับรู้ว่าเป็นความรู้สึกอยากให้ไปด้วยจริงๆ ตอบตกลงไป
ต่อมาเธอโทรมาหาอีก ขอให้ช่วยสื่อสารกับหมอรุ่นน้องว่า มีที่กันไว้ให้บรรดาหมอแล้วแต่ไม่มีใครยอมไปด้วยเลย
บังเอิญมีน้องหมอเคยมาปรารภย์ว่าอยากไปในโปรแกรมที่จัด 2 คน คนแรกมาเลียบๆเคียงๆว่าไปด้วยได้ไหม เมื่อบอกว่า ไปได้ ไม่ต้องห่วงงานจะดูแลให้ ก็พบกับความดีใจของคนรุ่นน้อง
คนหลังเอ่ยปากเมื่อเอาของขวัญปีใหม่มาให้ว่าอยากไปแต่ไม่มีเพื่อน รู้ก่อนหน้าที่เธอจะโทรมาขอให้ช่วย
สบโอกาสลงตัวพอดี จึงให้ชื่อน้องหมอและแนะให้เธอติดต่อไป แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอเธออีก
ระหว่างที่เธอพาคนไปดูงานกันอยู่นั้น ก็มีเรื่องราวให้ตัดสินใจเรื่องใช้งบพัฒนาคน ทำให้ได้รับรู้การงานของเธอเพิ่มจากน้องหมออีกคน
และพบว่า ณ วันนี้ มุมมองโลกที่มีอยู่ของเธอเปลี่ยนไป ความสนใจของเธอหันกลับมาที่ดูแลตัวเองมากขึ้น เธอมีความสุขในชีวิตขึ้น มีความสุขกับครอบครัวมากขึ้น ลูกของเธอจบการศึกษากลับมาอยู่บ้าน และเปิดร้านขายขนมเล็กๆน้อยๆขึ้นที่บ้าน
หลังเลิกงานเธอจะกลับไปเป็นผู้ช่วยลูก ในแต่ละวัน เธอช่วยลูกด้วยการหาตลาดขายขนมให้ ในบางวันร.พ.ก็ได้อุดหนุนสินค้าของเธอ
ขอบคุณกระบวนทั้ง 3 สาวนะคะ ที่ทำให้เธอได้ครอบครัวที่อบอุ่นคืนมา
ความคิดเห็นสำหรับ "เนื้อนาบุญที่ติดตัวเปลี่ยนคน"