สวนป่าพ่อแสน..

6 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ กุมภาพันธ 13, 2010 เวลา 9:21 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2823

จากที่ตั้งอำเภอดงหลวงไปทางทิศตะวันตก จะเป็นเทือกเขาภูพาน ห่างไปประมาณ 3 กม.เศษ พ่อแสนในฐานะเขยของครอบครัวนี้ได้ใช้ชีวิตบนที่ดิน 6 ไร่เศษที่เตียนโล่งเพราะถูกคนรุ่นก่อนหักร้างถางพงปลูกพืชไร่


พ่อแสนผู้มีลักษณะแตกต่างจากไทโซ่คนอื่นๆ นั่งพิจารณาว่า ญาติพี่น้องเพื่อนบ้านใครต่อใครมุ่งหน้าปลูกมันสำปะหลัง กันเป็นล่ำเป็นสัน แต่ก็ล้มลุกคลุกคลาน เพราะไปพึ่งระบบตลาดที่เกษตรกรชายป่าชายเขาอย่างไทโซ่ไม่มีอำนาจใดๆไปต่อรองราคาเขาได้เลย

พ่อแสนกล่าวว่า …. เอาละสมมุติว่าเขาได้ราคามันสำปะหลังดีทุกปี ก็มีเงินมาก แต่สิ่งที่เห็นคือ ดินมันเสื่อมไปทุกวัน และครอบครัวนั้นก็ไม่มีอะไรกิน ก็เอาเงินจากการขายมันสำปะหลังนั้นไปซื้ออาหาร ผักหญ้ามากิน แล้วมันเรื่องอะไรที่ชาวบ้านอย่างเราต้องไปซื้อพืชผักกิน….


พ่อแสนตัดสินใจคนเดียวเงียบๆชวนภรรยาไปปลูกพืชอื่นที่ไม่ใช่มันสำปะหลังบนที่ดินของพ่อตาที่ได้มา 6 ไร่ จากที่เตียนโล่ง พ่อแสนปลูก ปลูก ปลูก ปลูก ปลูก ปลูก เริ่มจากมะขาม และทุกอย่างที่กินได้ทั้งพืชใหญ่ เล็ก พืชป่า พืชบ้าน ยี่สิบปีผ่านไป จากที่เตียนโล่ง ที่ 6 ไร่ กลายเป็นป่าครอบครัว จะเรียก วนเกษตร หรืออะไรพ่อแสนก็ไม่ว่า แต่ความหมายของมันคือเอาไว้กิน เหลือก็ขายไป ได้เท่าไหร่ ก็เท่านั้น ประหยัดเอา พ่อแสนบอกว่าไม่เคยนับว่ามีต้นไม้กี่ชนิด หากเดาๆเอาก็น่าจะ 90 กว่าชนิด ไม่มีมอเตอร์ไซด์ ไม่มีทีวี ตู้เย็น ไม่มี..ไม่มี…ไม่มี..ที่ใครๆอยากมีครอบครอง..พ่อแสนมีแต่จักรยานเก่าๆคันเดียว…


พ่อแสนคนยิ้มง่าย พูดน้อย แต่ทำเยอะ บอกว่า …. ทำไมคนเราต้องกินอะไรมากมายหลายอย่าง ทำไมไม่กินอาหารอย่างเดียว ตำหรับยาโบราณทำไมต้องเอานี่ผสมนั่น เอานั่นผสมโน่นเป็นยาหม้อใหญ่รักษาโรคนั่นโรคนี่ พืชก็คงเหมือนกันต้องการอาหารหลายๆชนิด ต้องการปุ๋ยที่มีส่วนผสมหลายๆชนิด …ดังนั้นผมพบว่าการปลูกต้นไม้หลายชนิดผสมผสานปนเปกันไปนั้น ใบไม้ที่มันหล่นลงดิน ต่างเป็นปุ๋ยซึ่งกันและกัน ดังนั้นสวนป่าครอบครัวจึงถูกต้องแล้ว ….. ผมสังเกต เมื่อเราปลูกต้นไม้หลายชนิดไประยะหนึ่ง พืชหลายชนิดมันขึ้นมาเอง ไม่ว่านกมันคาบเมล็ดมา สัตว์อื่นๆมันเข้ามาอาศัยมันเอาเมล็ดพืชป่ามาด้วย หรือเมล็ดพืชที่อยู่ในดินเดิมอยู่แล้ว


การค้นพบของพ่อแสนนั้นที่ว่า ….ใบไม้ของพืชนั้นต่างชนิดกันมีคุณสมบัติแตกต่างกัน ซึ่งต่างก็เป็นอาหารแก่กัน เกื้อกูลกัน… พืชเชิงเดี่ยวจึงไม่อยู่ในความคิดของพ่อแสนเลย…พ่อแสนมีสวนอยู่ 3 แปลง ล้วนเป็นสวนป่าทั้งนั้น ไม่เผาใบไม้…

พ่อแสนพอมีรายได้แก่ครอบครัวจากผลผลิตจากสวนป่าเล็กๆ 6 ไร่นี่เอง เลี้ยงลูก 4 คนมาจนโต แรกๆลูกก็ไม่สนใจงานของพ่อ เหมือนวัยรุ่นทั่วไป ที่ต่างหันหน้าไปในเมือง แต่พ่อแสนได้รับรางวัลโน่นนี่เกือบทุกปี โดยพ่อแสนไม่เคยเสนอตัวไปประกวด มีแต่หน่วยงานเอามาให้

ใครต่อใครเดินทางมาสวนของพ่อ มาสอบถาม มาเรียน…..

ลูกๆเริ่มหันกลับมาช่วยพ่อแล้ว..


แดงทั้งดง(หลวง)..

ไม่มีความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ กุมภาพันธ 12, 2010 เวลา 20:43 ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2476


ที่ตรงข้ามกับที่ว่าการอำเภอดงหลวง ตรงข้ามเป๊ะเลยจริงๆ


เราเพิ่งเห็นภาพนี้ ชัดเจน เปิดกว้าง บริการ ถึงที่


มีสุภาพสตรีท่านหนึ่งคอยรับผิดชอบขายเสื้อเหล่านี้

ป้ายหาเสียงการแข่งขันลงสมัครเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบล ล้วนมาจากพรรคเดียวกันทั้งนั้น

ผมสอบถามชาวบ้าน มีคนหนึ่งเป็นโซ่ เป็นสมาชิกไทบรู แต่ไม่เคยมาประชุมหรือยุ่งเกี่ยวใดๆเลย พอมาลงสมัครเท่านั้นนับญาติขึ้นมาทันที อ้างเป็นสมาชิกไทบรู สารพัดจะอ้าง แต่พี่น้องบอกว่า แม้จะเป็นบรู แต่อย่าหวังว่ากลุ่มไทบรูจะเลือกเพราะ……

ส่วนอีกคนแม้จะไม่ใช่บรู แต่แสดงการปวารณาตัวเพื่อชาวบ้าน และทำให้ดูแล้ว แม้ว่าจะไม่รู้ว่าอนาคตจะเปลี่ยนสีสันไปอีกหรือไม่ แต่วันที่ผ่านๆมาและวันนี้ เขาชนะใจไทบรูไปแล้ว

ทั้งหมด 5 คนมาจากพรรคการเมืองเดียวกันที่เป็นสีเดียวกับเสื้อนี้..

วันที่ 7 มีนาคมรู้ผล การเมืองท้องถิ่นที่บ่งบอกอะไรมากมาย


ปรอทของลุง..

4 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ กุมภาพันธ 10, 2010 เวลา 23:58 ในหมวดหมู่ ชนบท, เรื่องของชีวิต #
อ่าน: 2689

ชายผู้สูงอายุท่านนี้ทำเรื่องทึ่งให้ผมและใครต่อใครเสมอ ผมเขียนบันทึกถึงชายคนนี้มากที่สุด ตั้งแต่ G2K น่าจะประมาณ 3-4 ครั้ง ผมมาทึ่งอีกแล้ว เพราะเทอร์โมมิเตอร์ หรือชาวบ้านเรียกปรอทนั้นชายสูงอายุท่านนี้ได้ใช้ประโยชน์มากกว่า เราๆท่านๆ

ราคามันแค่ ร้อยกว่าบาท แต่คุณค่ามันมากกว่าหลายเท่าตัวนัก ก็ดูที่สมุดบันทึกของลุงซิครับ ท่านทำการบันทึกอุณหภูมิทุกวัน เช้า เที่ยง บ่าย แต่ละช่วงบันทึกสองช่อง เพราะเทอร์โมมิเตอร์ของจีนราคาถูกนี้มีเทอร์โมมิเตอร์แห้งและเปียก เมื่อเราทราบค่าสองอย่างเราสามารถเทียบค่าความชื้นสัมพัทธ์ได้


ท่านผู้ใดเป็นนักเกษตร หรือสนใจด้านนี้ย่อมทราบดีว่า อุณหภูมินั้นสำคัญต่อพืชและสัตว์ แต่ที่สำคัญกว่าคือ ความชื้นสัมพัทธ์ครับ

ลุงท่านนี้มีความขยันเกินชาวบ้านทั่วไป และละเอียดเกินไทโซ่ทั้งเหล่า วันที่บันทึกนั้น มีสิ่งรอบตัวเกิดอะไรขึ้นมา จดบันทึกลงไป โดยเฉพาะเกี่ยวกับดินฟ้าอากาศ พืช สัตว์ แม้แต่ตัวท่านเอง ตัวอย่าง ที่ท่านบันทึกไว้ วันที่ 17 กันยายน มีงูออก วันที่ 28, 30 กันยายน มีลม วันที่ 8, 10, 12, 13, 15 สิงหาคมมีฝนตก วันที่ 6,7 ตุลาคม มีควัน มีอาการภูมิแพ้ วันที่ 9 ตุลาคม มีเห็ดผึ้งออก 8 ดอก….ฯลฯ

ลุงท่านนี้ ชื่อ ลุงแสน วงศ์กะโซ่ วันพรุ่งนี้ พี่น้องสารคาม 30 คนจะไปศึกษาดูงานที่สวนลุงแสน มีอะไรอีกมากที่จะเอามาบอกกล่าวกัน

สองภาพหลังนี่คงบ่งชี้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับลุงแสนได้บ้างนะครับ


ฝ้ายคำดอกสุดท้าย..

6 ความคิดเห็น โดย bangsai เมื่อ กุมภาพันธ 6, 2010 เวลา 21:10 ในหมวดหมู่ ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม #
อ่าน: 2786


ออกไปนอกชานห้องนอน เห็นฝ้ายคำดอกสุดท้ายบนต้น ยืนดูพักหนึ่ง แล้วก็คิดอะไรไปต่างๆนาๆ

เขามาพร้อมกับความสวยงาม ทำให้พื้นที่สวยงาม สบายตา นกบางตัวก็มาหาหนอน บางชนิดก็มาจิกกลีบอ่อนๆไปด้วย


ดอกใหญ่มีน้ำหนัก ก้านดอกอ่อน จึงคว่ำดอกลงดิน ทิ้งใบลงหมดสิ้นเหลือแต่กิ่งก้านกับดอก เข้าสู่ฤดูร้อนก็ลดการสังเคราะห์อาหารลง ชะลอการเจริญเติบโตลง


แต่ดอกยังเหลืองสดใส บ่อยครั้งที่เราเอามาลอยน้ำเก็บไว้ในห้องรับแขก ห้องครัวแม้ห้องนอน วันไหนเจ้าบานมาก ร่วงหล่นพื้นมาก ก็เอามาลอยในกระถางให้รอบบ้าน เหลืองทั้งบ้านเลย ไปมุมไหนก็เหลือง มุมนั่งเล่นก็เหลืองสวยชื่นใจ


มาวันนี้เจ้าเป็นดอกสุดท้าย ฉันขอบันทึกเจ้าไว้นะ


หากความอาลัยอาวรณ์เป็นกิเลสชนิดหนึ่ง ฉันก็ยอมรับว่าเป็นเช่นนั้น แต่ไม่ถึงกับฟูมฟายหรอก แค่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นเท่านั้นแหละ


สายแก่ๆวันนี้เจ้าถึงที่สุดของกฎเกณฑ์แห่งธรรมชาติ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับสูญไป


เจ้าละทิ้งขั้วดอกร่วงหล่นลงไปกับพื้นดินคืนสู่ธรรมอีกสถานะหนึ่ง


เจ้าเปลี่ยนคุณค่าในโลกของสีสันไปเป็นคุณค่าของธุลีที่สรรพสิ่งก็ต้องเดินมาสู่จุดนี้เช่นเดียวกัน

เวลาที่ต้นแม่เจ้าผลิตเจ้าออกมาเบ่งบานสร้างโลกสีเหลืองนี้เพียงสองเดือน ให้สรรพชีวิตได้อาศัยประโยชน์จากเจ้า แม้ตัวข้าฯเอง

ไปเถอะ..ฝ้ายคำ

เจ้ากลับคืนสู่สามัญแล้ว…



Main: 0.066595077514648 sec
Sidebar: 0.050684928894043 sec