สวนป่าพ่อแสน..
จากที่ตั้งอำเภอดงหลวงไปทางทิศตะวันตก จะเป็นเทือกเขาภูพาน ห่างไปประมาณ 3 กม.เศษ พ่อแสนในฐานะเขยของครอบครัวนี้ได้ใช้ชีวิตบนที่ดิน 6 ไร่เศษที่เตียนโล่งเพราะถูกคนรุ่นก่อนหักร้างถางพงปลูกพืชไร่
พ่อแสนผู้มีลักษณะแตกต่างจากไทโซ่คนอื่นๆ นั่งพิจารณาว่า ญาติพี่น้องเพื่อนบ้านใครต่อใครมุ่งหน้าปลูกมันสำปะหลัง กันเป็นล่ำเป็นสัน แต่ก็ล้มลุกคลุกคลาน เพราะไปพึ่งระบบตลาดที่เกษตรกรชายป่าชายเขาอย่างไทโซ่ไม่มีอำนาจใดๆไปต่อรองราคาเขาได้เลย
พ่อแสนกล่าวว่า …. เอาละสมมุติว่าเขาได้ราคามันสำปะหลังดีทุกปี ก็มีเงินมาก แต่สิ่งที่เห็นคือ ดินมันเสื่อมไปทุกวัน และครอบครัวนั้นก็ไม่มีอะไรกิน ก็เอาเงินจากการขายมันสำปะหลังนั้นไปซื้ออาหาร ผักหญ้ามากิน แล้วมันเรื่องอะไรที่ชาวบ้านอย่างเราต้องไปซื้อพืชผักกิน….
พ่อแสนตัดสินใจคนเดียวเงียบๆชวนภรรยาไปปลูกพืชอื่นที่ไม่ใช่มันสำปะหลังบนที่ดินของพ่อตาที่ได้มา 6 ไร่ จากที่เตียนโล่ง พ่อแสนปลูก ปลูก ปลูก ปลูก ปลูก ปลูก เริ่มจากมะขาม และทุกอย่างที่กินได้ทั้งพืชใหญ่ เล็ก พืชป่า พืชบ้าน ยี่สิบปีผ่านไป จากที่เตียนโล่ง ที่ 6 ไร่ กลายเป็นป่าครอบครัว จะเรียก วนเกษตร หรืออะไรพ่อแสนก็ไม่ว่า แต่ความหมายของมันคือเอาไว้กิน เหลือก็ขายไป ได้เท่าไหร่ ก็เท่านั้น ประหยัดเอา พ่อแสนบอกว่าไม่เคยนับว่ามีต้นไม้กี่ชนิด หากเดาๆเอาก็น่าจะ 90 กว่าชนิด ไม่มีมอเตอร์ไซด์ ไม่มีทีวี ตู้เย็น ไม่มี..ไม่มี…ไม่มี..ที่ใครๆอยากมีครอบครอง..พ่อแสนมีแต่จักรยานเก่าๆคันเดียว…
พ่อแสนคนยิ้มง่าย พูดน้อย แต่ทำเยอะ บอกว่า …. ทำไมคนเราต้องกินอะไรมากมายหลายอย่าง ทำไมไม่กินอาหารอย่างเดียว ตำหรับยาโบราณทำไมต้องเอานี่ผสมนั่น เอานั่นผสมโน่นเป็นยาหม้อใหญ่รักษาโรคนั่นโรคนี่ พืชก็คงเหมือนกันต้องการอาหารหลายๆชนิด ต้องการปุ๋ยที่มีส่วนผสมหลายๆชนิด …ดังนั้นผมพบว่าการปลูกต้นไม้หลายชนิดผสมผสานปนเปกันไปนั้น ใบไม้ที่มันหล่นลงดิน ต่างเป็นปุ๋ยซึ่งกันและกัน ดังนั้นสวนป่าครอบครัวจึงถูกต้องแล้ว ….. ผมสังเกต เมื่อเราปลูกต้นไม้หลายชนิดไประยะหนึ่ง พืชหลายชนิดมันขึ้นมาเอง ไม่ว่านกมันคาบเมล็ดมา สัตว์อื่นๆมันเข้ามาอาศัยมันเอาเมล็ดพืชป่ามาด้วย หรือเมล็ดพืชที่อยู่ในดินเดิมอยู่แล้ว
การค้นพบของพ่อแสนนั้นที่ว่า ….ใบไม้ของพืชนั้นต่างชนิดกันมีคุณสมบัติแตกต่างกัน ซึ่งต่างก็เป็นอาหารแก่กัน เกื้อกูลกัน… พืชเชิงเดี่ยวจึงไม่อยู่ในความคิดของพ่อแสนเลย…พ่อแสนมีสวนอยู่ 3 แปลง ล้วนเป็นสวนป่าทั้งนั้น ไม่เผาใบไม้…
พ่อแสนพอมีรายได้แก่ครอบครัวจากผลผลิตจากสวนป่าเล็กๆ 6 ไร่นี่เอง เลี้ยงลูก 4 คนมาจนโต แรกๆลูกก็ไม่สนใจงานของพ่อ เหมือนวัยรุ่นทั่วไป ที่ต่างหันหน้าไปในเมือง แต่พ่อแสนได้รับรางวัลโน่นนี่เกือบทุกปี โดยพ่อแสนไม่เคยเสนอตัวไปประกวด มีแต่หน่วยงานเอามาให้
ใครต่อใครเดินทางมาสวนของพ่อ มาสอบถาม มาเรียน…..
ลูกๆเริ่มหันกลับมาช่วยพ่อแล้ว..
Next : พ่อแสนซาดิส..อิอิ.. » »
6 ความคิดเห็น
ความรู้ที่มาจากใจที่เข้าใจธรรมชาติ จะเรียนก็ไม่ซึมซับได้ง่ายๆ สารพัดขบวนการโฆษณาให้หลงทาง ลุงแสงเป็นท่านหนึ่งที่น่าสนใจ ลุงรู้และเข้าใจ ปฎิบัติธรรมได้โดยเข้าใจหลักธรรม ไม่ต้องอ่านตำรา สาธุ
พ่อแสนนี่จอมยุทธชาวไทบรูเลยแหละ สุดยอดจริงๆ
สุดยอดค่ะ นี่แหละพอเพียงที่เพียงพออย่างแท้จริง
ใช่แล้วครับป้าหวาน พ่อแสนแก่บรรลุธรรมชาติจริงๆ มีนวัตกรรมสักสิบอย่างมั๊งที่แกเอาความรู้มาจากธรรมชาติ แล้วมาดัดแปลงใช้ในสวนป่าเล็กๆของแก หากมีเวลาพี่จะทะยอยลงนวัตกรรมของพ่อแสนยะครับ ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง พี่หายหน้าไปสองสามเดือนกลับมาอีกที พ่อแสนมีอะไรใหม่ๆอีกแล้ว ทึ่งจริงๆ ชาวบ้านป่าบ้านเขาชายขอบแบบดงหลวง….
ผมเชื่อว่าทั่วประเทศมีพ่อแสนจำนวนมากแฝงตัวอยู่ในชนบทที่รอการค้นพบ
ลานดงหลวงจึงปวารณาว่าจะเป็นเวทีให้แก่ชาวบ้าน ให้ชาวบ้านได้มีโอกาสเสนอผลงานสู่สาธารณะ ผ่านตัวคนทำงานชนบทครับป้าหวาน
พ่อครูครับ พ่อแสนทำตัวเรียบง่าย ยิ้มอย่างเดียว ใครชวนไปไหนก็ไม่ค่อยไป เอาเวลบาทั้งหมดวนเวียนอยู่แต่สวนของแก สวนนี้ สวนโน้น สวนที่พูดถึงนี่แกมักปล่อยให้ภรรยาดูแล เก็บผลผลิตขาย ตัวแกเองไปสวนอื่นมากกว่า ที่มีสภาพแตกต่างออกไป
มีอีกหลายอย่างที่จะค่อยๆแนะนำต่อไปครับ
น้องราณีครับ พ่อแสนไม่สูบบุหรี่ ไม่กินเหล้า แกเล่าให้ฟังว่า สามทุ่มก็นอนแล้ว(อิอิ เหมือนน้องเบิร์ดเลย) ก่อนนอนก็จะทบทวนว่าพรุ่งนี้จะทำอะไร วันนี้ที่ผ่านมามีอะไรติดค้างบ้าง ไม่คิดอะไรมากไปกว่านี้ แล้วก็หลับไป ตื่นแต่เช้าก็มาไปทำงาน…
แกพอเพียงจริงๆ