ระบบขายตรงกับวิถีชนบท..

โดย bangsai เมื่อ มีนาคม 24, 2010 เวลา 4:40 ในหมวดหมู่ ชนบท, สังคม บ้านเมือง ประชาธิปไตย #
อ่าน: 2757

ชนบทคือตลาดใหญ่ที่สุด ระบบขายตรงประเภทหนึ่งจึงพุ่งเป้าไปที่นั่น วันวันสินค้านานาชนิดที่กลุ่มนักธุรกิจอีกกลุ่มหนึ่งที่ต่างไปจากในเมืองใหญ่คิดอ่านหาทางเอาเงินออกจากกระเป๋าชาวบ้านให้ได้ แม้จะรู้ว่าเขายากจน แต่ก็ต้องการสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตในลักษณะต่างๆกัน

สินค้าสองชนิดที่วิ่งสวนทางกันบนถนนในดงหลวงนี้ ย้อนหลังไปสัก 20 ปีที่ผ่านมา ผลิตเองได้ทั้งนั้น สภาพสิ่งแวดล้อม ความรู้ความสามารถมีอยู่ ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น แต่เมื่อสังคมเคลื่อนตัวไป สังคมละทิ้งความรู้ความสามารถเหล่านี้ออกไปเป็นการบริโภคแทน ต่างมุ่งมองแต่หาเงินอันเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนเพื่อได้มาสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตเป็นต้นไปจนถึงสิ่งอำนวยความสะดวกสบาย และเลยไปถึงตอบสนองความอยากตามแรงกระตุ้นของระบบทุน


ความจริงหากเราจะทำตัวเป็นกระบวนการกบนอกกะลา ตามไปดูที่มาของสินค้าในรถคันนี้เราจะตกใจ…

เพราะที่นอนที่ดูภายนอกสวยงามนี้ ภายในคือนุ่น…นุ่นที่มาจากต้นนุ่น แต่ร้อยละ 90 เป็นนุ่นเก่า…ที่มีรถอีกธุรกิจหนึ่งตระเวนไปรับซื้อที่นอนเก่า เก่ามากๆที่ไม่ใช้นอนแล้ว เพื่อเอานุ่นข้างในไปใส่ที่นอนใหม่ที่เราเห็นนี่ เพราะต้นนุ่นในชนบทนั้นหายไปเกือบหมดแล้ว

และท่านลองหลับตาซิว่าที่นอนสวยๆที่เราเห็นนี้ แต่ข้างในคือของเก่าที่ประวัติ ความเป็นมาเป็นอย่างไรนั้นเราไม่มีทางรู้ที่มาที่ไปก่อนเลย คนสุดท้ายที่ใช้ที่นอนเก่านั้นเป็นโรคภัยไข้เจ็บอะไรมาบ้าง…

ไม่มีระบบตรวจสอบความมีมาตรฐาน…ไม่มี QC ไม่มีกฎหมาย รึมีแต่ไม่เวิร์ค โรงงานหนึ่งที่ทำลักษณะรีไซเคิ่ลนี้อยู่ที่ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิครับ

ระบบธุรกิจที่ขับเคลื่อนสังคมด้านหลักนี้ ระบบสังคมภายใต้งานที่ราชการทำอยู่มีจำนวนมากที่ไม่ได้ครอบคลุมสิ่งเหล่านี้ในวิถีชีวิตของชนบท และไม่มีทางที่จะวิ่งตามทัน

มีแต่สร้างชุมชนให้เข้มแข็ง ติดอาวุธปัญญาดูแลกันเองมากขึ้น จับรถกลุ่มเหล่านี้มาพิสูจน์ความถูกต้องต่อสุขอนามัย หรือปฏิเสธแล้วกลับไปสู่การปลูกนุ่น รื้อฟื้นสังคมการทอถักขึ้นมาใหม่ ชุมชนต้องหันหน้ามาคุยกันหาข้อสรุปกันเอง …

มิใช่ปล่อยให้สังคมชุมชนขับเคลื่อนไปแบบตั้งตัวไม่ติด..

งานทั้งน้านนนนน

ไม่ง่ายที่คนในชนบทจะมีมุมมองนี้

เจ้ารถเหล่านี้วิ่งผ่านหน้า คนหนุ่มสาวชนบทไปทุกวี่ทุกวัน ซึ่งมีบางวันเขาเองที่เป็นผู้เรียกกรถเหล่านี้ให้หยุดเพื่อซื้อสินค้านี้ แล้วเขาก็เดินทางเข้าสู่เมืองเพื่อทำงานแลกเงินต่อไป โรงเรียนมีหลักสูตรที่ถามว่า ใครคือนายกรัฐมนตรีที่ร่ำรวยที่สุด แต่ไม่เคยตั้งประเด็นสิ่งรอบตัวนี้มาให้ขบคิดกัน สื่อมีแต่มอมเมา มือถือรุ่นใหม่สุด สารพัดลูกเล่นกระตุ้นต่อมอยากให้หลั่งสารความทะเยอทะยานอยากได้ออกมาท่วมหัวใจที่ไร้สติ..

มีแต่สร้างชุมชนให้มีสติ ตั้งคำถามตัวเองมากขึ้น สร้างเครื่องกรองหัวใจอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มิเช่นนั้นก็ถูกลากจูงไป แล้วก็งมงายกับลมปากของนักการเมืองพวกกินบ้านกินเมืองที่โหวกเหวกอยู่นั่น

เปล่าเทศนานะครับ..อิอิ

« « Prev : ผญาดงหลวง..

Next : ภาพเหลืองแดงสมานฉันท์กัน.. » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2 ความคิดเห็น

  • #1 อุ๊ยสร้อย ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 มีนาคม 2010 เวลา 8:12

    แหมอ่านแล้วคันในหัวใจ

    โรงเรียนมีหลักสูตรที่ถามว่า ใครคือนายกรัฐมนตรีที่ร่ำรวยที่สุด แต่ไม่เคยตั้งประเด็นสิ่งรอบตัวนี้มาให้ขบคิดกัน สื่อมีแต่มอมเมา มือถือรุ่นใหม่สุด สารพัดลูกเล่นกระตุ้นต่อมอยากให้หลั่งสารความทะเยอทะยานอยากได้ออกมาท่วมหัวใจที่ไร้สติ..

    ไปร่วมงานเลี้ยงคนวัยเดียวกัน (50อัพ)
    พี่จะเชื่อไหมว่า มีการควักมือถือมาอวดกัน ..และ…..nokia 3310 ก็ถูกโห่ว่าไม่เหมาะกับการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย การเป็นด๊อกเตอร์…ให้หามาเปลี่ยนซะ..

    อย่าไปมุ่งหวังว่าคนรุ่นใหม่จะคิดแตกต่างเมื่อคนรุ่นเก่ายังไม่เคยคิดให้ต่างจากกระแสการค้า

    ในความเห็นคือ…มันไม่ผิดอะไรถ้าเราจะใช้โทรศัพท์รุ่นใหม่เอี่ยม..ถ้าเราคิดรอบคอบแล้วว่านั่นเหมาะกับสภาพการทำงานหรือสภาพการใช้งานที่ทำให้คุ้มค่าคุ้มทุน
    แต่มันน่าเศร้าถ้าการซื้อหรือใช้ด้วยเหตุผลเพื่อเชิดหน้าชูตากับสถานะทางสังคมที่อุปโหลกกันขึ้นมา

    น้องไม่เคยมุ่งหวังว่าโรงเรียนคือสูตรสำเร็จของการศึกษา โรงเรียนคือสูตรวิเศษที่เป็นโรงงานคัดเกรดคน หรือโรงเรียนเป็นแหล่งมหัศจรรย์สามารถสร้างผลผลิตที่ยอดเยี่ยมกับสังคมได้
    โรงเรียนเพียงลำพังทำไม่ได้หรอก..โรงเรียนที่มีความพยายามอย่างสูงก็ยังคิดว่า คงทำได้อย่างมากคือให้เด็กๆได้มีช่วงเวลาที่ดีงามกับการอยู่ในสังคมที่ไม่แก่งแย่งชิงดีกัน และจัดเป็นประสบการณ์ที่เขาจะได้ระลึกถึงในยามที่ตกต่ำของสภาพจิตใจของเขาว่า เขายังมีกัลยาณมิตรกลุ่มหนึ่งที่คอยเฝ้าเพาะความดีงามและรอคอยเห็นความก้าวหน้าของเขา…ก็เท่านั้นเอง

    สังคมและโรงเรียนถ้าไม่ร่วมมือกัน…ก็จะมีคนที่เห็นช่องทางสร้างกำไรจากสิ่งที่ไม่เคยลงทุนเหล่านี้..เสมอ..อย่างแน่นอนค่ะ

  • #2 ลานอุ๊ยสร้อย » เหตุเพราะคันในหัวใจ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 มีนาคม 2010 เวลา 8:22

    [...] ที่คันในหัวใจวันนี้ก็เพราะอ่านบันทึกของพี่บางทราย แล้วก็เกิดความอยากให้ความคิดเห็น.. [...]


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.068780899047852 sec
Sidebar: 0.044018030166626 sec