ทำไมต้องสวนป่า
ทำไมพระที่แสวงการหลุดพ้นจึงต้องออกไปปลีกวิเวกในป่า…
ทำไมความอุดมสมบูรณ์ที่สุด อยู่ในป่า….
ทำไมความหลากหลายทางชีวภาพที่มากที่สุดอยู่ในป่า…
พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ในป่า..
ทำไมการแสวงการหลุดพ้นจึงไม่เข้ามาศึกษาสรรพวิชาความรู้ในกลางเมือง..
ทำไมความอุดมสมบูรณ์ที่สุด ไม่ได้อยู่กลางเมืองหลวงหรือ….
ทำไมความหลากหลายทางชีวภาพที่มากที่สุดไม่ได้อยู่ในเมืองใหญ่…
พระพุทธองค์ไม่ทรงมาตรัสรู้ในเมือง..
ผมไม่ได้กำลังบอกว่าสวนป่าของพ่อครูบาเป็นป่าทิพย์ ใครไปสวนป่าแล้วจะวิเศษวิโสกลับออกมา
มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น และไม่มีทางที่จะเป็นเช่นนั้น
แต่ผมต้องยอมรับว่าที่สวนป่าเรียนไม่รู้จบจริงๆทั้งที่สองมือของพ่อครูปั้นมันขึ้นมา และธรรมชาติแห่งป่าได้ผลิตความรู้ขึ้นมาเอง เพียงแต่ว่า ผู้มาเยือนจะเห็นหรือไม่ สัมผัสมันได้หรือไม่ รับรู้ได้หรือไม่ แน่นอนก้าวแรกนั้นต้องอาศัยพ่อครูเอื้อนเอ่ย หรือเคาะกะโหลกออกมา แต่ภายหลังท่านอาจจะเห็นความรู้นั้นเอง
แค่พ่อครูพาเดิน บ่งบอกความรู้ก็มากมายจนเก็บไม่ไหว แต่นั่นเพียงเสี้ยวส่วนของพื้นที่ทั้งหมด ไม่ได้เขี่ยใบไม้มองลึกลงไปที่ผิวดิน ใต้ดิน
เราไม่ได้เดินออกนอกขอบที่พ่อครูพาเดิน
เราไม่ได้หยุดนิ่งฟังเสียงป่า
เราไม่ได้หยุดนิ่งไม่ได้ฟังเสียงภายใน
ผมคิดว่าไม่ใช่เฉพาะสวนป่าของพ่อครูบาเท่านั้นที่มีอะไรให้ศึกษามากมาย ป่าที่ไหนๆก็เหมือนกัน เพียงแต่ปัจจุบันเราเห็นป่าแต่ไม่เข้าใจป่า
ที่สวนป่าเราเห็นป่าและมีพ่อครูเคาะกะโหลกน่ะซีครับ
มีอะไรที่สวนป่า…..
บอกไม่ได้ ไปสัมผัสเองซิครับ
« « Prev : Mini meeting สวนป่า
7 ความคิดเห็น
ป่าคอนกรีต ก็มีอะไรให้ศึกษามากนะครับ
ผมเองชอบถ่ายรูปป่า ไม่ว่าป่าไม้ ป่าคอนกรีต หรือป่าอะไรก็ตามที
ภาพผีเสื้อกำลังตอมเกสรดอกกระเจียว กับภาพนักธุรกิจใส่เสื้อนอกนั่งสูบบุหรีกุม”กระเจี๊ยว” ริมสวนสาธารณะกลางเมือง ..ผมว่ามันมีสีสรร น่ารักน่าชังพอกัน
พพจ. ไม่เพียงตรัสรู้ในป่า แต่เกิดก็ในป่า ตายก็ในป่า อีกด้วยครับ
แต่น่าแปลกว่า คนเรามักชอบอนุรักษ์สัตว์ป่า แม้เสือ
แต่ที่ร้ายกว่าเสือคือยุง เรากลับมักอยากให้มันสูญพันธุ์ ..แม้นักอนุรักษ์ธรรมชาติยังชอบตบยุง อิอิ
ขอรับกระผม
วันก่อนไปส่งหมอเจ๊ไม่พบอาจารย์นะครับ
กฎของแรงดึงดูดนะคะพี่บางทราย
พี่หมอเจ๊เคยให้ยืมอ่านหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ “ความสุขไม่ได้หาย แค่หาให้เจอ” โดยจางเต๋อเผิน แปลโดยอนุรักษ์ ต่อไพบูลย์ศรี
หนังสือพูดถึงแรงดึงดูดไว้น่าสนใจ คล้ายๆ กับแนวคิดที่หนังสือ เดอะซิเคร็ด เขียนไว้ คือเรื่องของพลังในใจ เป็น การใช้จินตนาการ ถ้าเราเพิ่มพลังด้วยการมีสมาธิมากขึ้น สิ่งที่เราตั้งใจไว้จะนำเราไปสู่สิ่งที่เราปรารถนา และบางครั้งเราเองอาจจะไม่รู้ถึงแรงปรารถนานั้นด้วยซ้ำ เป็นจิตใต้สำนึกที่เป้นแรงขับนำเราไป
สวนป่ามีพลังดึงดูดคนที่มีความปรารถนาลึกๆ ถึงเรื่องธรรมชาติ การแสวงหาความสุขสงบและสันติ โดยมีพ่อครูบาเป็นผู้เปิดเส้นทางแห่งเมตตานั้นให้แต่ละคนได้สัมผัส
เมื่อแรงของจิตใต้สำนึกมีมากขึ้น เราเองมีสมาธิแน่วแน่ตั้งใจมากขึ้น
ไม่ว่าเราจะเริ่มต้นจากตรงไหน สุดท้ายสิ่งที่แต่ละคนได้รับคือการได้ไปในที่ๆ ตั้งความปรารถนาเอาไว้
และการได้สัมผัสพลังของธรรมชาติที่บริสุทธิ์ ในบรรยากาศที่พ่อครูบาเป็นผู้จุดไฟส่องทางให้ ก็ทำให้ผู้ได้รับประสบการณ์รับรู้ถึงการเยียวยา การปลอบประโลมใจที่ไหวหวั่นและตื่นเตลิดในท่ามกลางความวุ่นวายของสังคมเมือง
กลับกลายเป็นความรู้สึกอ่อนน้อมต่อธรรมชาติมากขึ้น รับรู้ถึงใจที่อิสระมากขึ้น มีพลังใจมากขึ้น
ประสบการณ์อย่างนี้ น่าจะเรียกได้ว่าเป็นกระบวนการของการเยียวยากายและใจ ที่แต่ละคนมีแตกต่างกัน….เป็นปัจจัตตังที่มีแก่นกลางคือความงดงามของการมีชีวิตที่เกื้อกูลกันและกันนะคะ
ถูกใจจริงน้องสร้อยครับ
ขอตามไปเที่ยวสวนป่าด้วยคนค่ะคุณบางทราย
ความรู้สึกเวลาอยากเข้าป่าก็คือ อยากพักจากความวุ่นวายในเมือง กับ ไปเพื่อให้ร่างกายได้รับออกซิเจนจริงๆค่ะ
โชคดีที่ป่าทางออสเตรเลียมีความปลอดภัยมากเมื่อเทียบกับทางบ้านเรา บ่อยครั้งที่พอมีความรู้สึกดังว่าปุ๊บ ก็ขับรถไปป่าเลยค่ะ(ซึ่งก็ไม่ได้อยู่ไกลจากตัวเมืองมากมาย)
เห็นด้วยครับ putarn ผมเองก็ชอบป่ามากกว่าทะเล อาจเป็นเพราะชีวิตส่วนใหญ่ใกล้ชิดป่ามากกว่าทะเลก็ได้ ผมเคยไปนั่งคนเดียวในป่าเป็นเวลานานๆ มองตัวเอง มองข้างนอก แล้วมองตัวเอง มองป่าแล้วมองตัวเอง ก็ชอบครับ
เชิญเลยครับหากมีโอกาสสวนป่าของพ่อครูนั้นเปิดกว้างเสมอครับ
[...] บันทึกของพี่บางทราย [...]