ตามลม(๒๒): อ้าว…ปลวก…ร่วมทำเหตุนี่เอง

อ่าน: 1402

หลังพบก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์คั่งจำนวนสูงเกินเกณฑ์ที่หน่วยไตเทียม  ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ คอยแวะเวียนไปดูว่าจะมีทางแก้อย่างไรง่ายๆได้บ้าง ที่ทางหน่วยเขาช่วยตัวเองได้ หรือจะต้องไปชวนใครมาช่วย

ไปดูซ้ำๆอยู่หลายวัน ก็บังเอิญมีวันหนึ่งพบเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน แล้วทำให้ได้ความรู้เกี่ยวกับคาร์บอนไดออกไซด์จากของจริงเพิ่มมาอีกเรื่อง

ไปพบร่องรอยปลวกที่ลังน้ำยาที่วางในแถวล่างๆราวๆสิบกว่าลัง โชคดีที่ลังบนๆไม่โดนเจาะกล่อง กล่องของนี้เก็บอยู่ในห้องให้คำปรึกษาที่พบปัญหา

ถือว่าปลวกเข้ามาช่วยให้การทำ 5ส. ของห้องนี้ง่ายขึ้น  หลังจากพยายามอยู่หลายวันแล้วเจ้าของสถานที่เขาไม่ยอมรับปาก ใจนั้นร้อง…..เฮ้อ…เฮ้อ….เฮ้อเมื่อได้ยินคำตอบ คำตอบบอกมาว่า “ไม่มีเวลา แค่ทำงานก็ไม่ทันแล้วละหมอ” เป็นที่มาของข้อสรุปดังกล่าว

ที่เฮ้อนี้ไม่ใช่ไม่พอใจหรอกนะคะ แต่เป็นเพราะว่าเห็นใจ เมื่อหันไปมองห้องที่เดินผ่านเข้ามา คนไข้นอนล้างไตแน่นขนัดไปหมด เชื่ออย่างที่เขาบอกว่า ไม่เหลือเวลามานั่งคิดว่า “ข้าควรจะทำยังไงกับห้องนี้ดี”

เห็นปลวกทีแรกก็ไม่นึกว่าจะเกี่ยวกับคาร์บอนไดออกไซด์ จนเมื่อกลับไปปรึกษาครูกู้เรื่องวิธีจัดการปลวกแบบชีวภาพ จึงรู้ว่า “ปลวกเป็นสิ่งมีชีวิตที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ และชอบอยู่ในที่ซึ่งมีคาร์บอนไดออกไซด์สูง”

จึงเก็บความรู้จากในห้องมาใช้ต่อว่า “ที่ไหนมีปลวกทำรัง ตรงนั้นคาร์บอนไดออกไซด์คั่ง” ซะเลย

ได้เจอน้องโสทรในหลายวันต่อมาก็ได้เคล็ดเพิ่มมา น้องเขาเล่าว่าคนโบราณบอกไว้ว่า “ที่ไหนมีน้ำขลุกขลิก ที่นั่นปลวกจะขึ้นมากินน้ำและทำรัง”

เมื่อกลับไปดูห้องเดิมต่อ ก็เริ่มสังเกต จริงๆด้วย ตรงที่เกิดปลวกมีรอยพื้นปริแตกอยู่ และมีร่องรอยเปียกให้เห็นว่ามีน้ำซึมเข้ามาในห้องได้   อืม ความรู้ที่มาจากปัญญาคนรุ่นเก่านี้เจ๋งจริงๆ

ยังถือว่าโชคดีที่ขี้ปลวกเปื้อนเพียงถุงน้ำยาผสมใส่เครื่องล้างไต ส่วนอุปกรณ์ที่จำเป็นใช้กับเครื่องอย่างอื่นไม่เสียหาย  จำนวนถุงที่สกปรกเปื้อนมีไม่มาก บอกให้พยาบาลจัดการแยกของใช้ได้กับใช้ไม่ได้ออกจากกัน ตั้งใจว่าจะไปประสานงานให้หน่วยงานอื่นช่วยระบายไปเก็บไว้ให้

รู้สึกว่าพยาบาลอิดออดกับเรื่อง 5ส. เอะใจว่ามีอะไรซ่อนอยู่ แล้วเรื่องราวเบื้องหลังก็พรั่งพรู  ของที่เก็บไว้เหล่านี้ไม่ใช่ของรพ.แต่เป็นของบริจาคจากครอบครัวคนไข้ไตวายที่เสียชีวิตไปแล้ว เขานำมาให้เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายของคนไข้ที่ยากจน  เป็นยังงี้นี่เอง

จึงแนะนำเขาไปว่า ทำดีแล้วไม่ควรผิดศีล 5 แล้วก็ไม่สบายใจ มัวแอบๆซ่อนด้วยกลัวถูกตำหนิ  เรื่องที่ปรึกษา ก็รู้ทางแก้แล้ว สุขภาพเป็นเรื่องของเจ้าของ ตัดสินใจยังไงก็เป็นสิทธิ  แต่จะเหมาะหรือที่ไม่ปลอดภัยแล้วยังไม่ลงมือสะสาง

วันรุ่งขึ้นไปตามดูผล อ้าว ท่าทีเขาเฉยๆกันแฮะ ตัดสินใจบอกไปว่า ขอจัดการกับของที่เปื้อนขี้ปลวก ให้ตามตัวคนที่รู้ว่ากล่องไหนใช้ไม่ได้มาทำเครื่องหมายกล่อง แล้วก็ไปตามตัวคนที่มีแรงเลื่อน-ยกของหนักมาช่วยแยกของ ย้ายออกไปจากห้อง และนำไปทำลาย ครึ่งวันห้องเรียบวุธ

น้ำยาที่ใช้ไม่ได้ถูกเคลื่อนย้ายไปเททิ้งบ่อบำบัดน้ำเสียด้านหลัง  ของใช้ได้ถูกย้ายออกไปเก็บที่ห้องด้านหลังซึ่งไม่ใช้เป็นที่ทำงานของใครเลย รื้อของให้แล้วก็ชวนเก็บกวาด  ติดตามต่ออยู่ 2-3 วัน กลิ่นฝุ่นยังคงอยู่ฟุ้งในห้อง แต่สบายจมูกขึ้น

ทิ้งช่วงไปเป็นสัปดาห์ ไปแวะเยี่ยมอีกครั้ง คราวนี้หายใจสบายจมูก  ของหายไปจากห้องเกือบหมด เหลือแต่ตู้เย็น เครื่องไฟฟ้าและชุดวางแก้วน้ำดื่ม โต๊ะนั่งคุยกับคนไข้ คอมพิวเตอร์ และกะบะใส่เอกสารเพียงไม่กี่ชิ้น

ประตูที่เคยปิดสนิททั้งหน้า-หลังของห้องถูกเปิดแง้ม ด้านที่เดินเข้าไปสู่ห้องต้มน้ำเปิดแง้มไว้ ด้านที่เดินเข้าห้องคนไข้ซึ่งอยู่ตรงข้ามเปิดเต็มที่ มีความเย็นสบายจากแอร์ห้องคนไข้แผ่มาด้วย  ก็วางใจขึ้นในเรื่องการขาดอากาศ

ยังไม่แน่ใจเรื่องการปนเปื้อนของเชื้อโรคในห้องหรอกนะ เพราะ 2 ประตูอยู่ตรงข้ามเยื้องกัน เปิดห้องให้ถึงกันโล่งโจ้งอย่างนี้ ความดันอากาศในทุกห้องแทบจะเท่าๆกัน (ติดโบว์ไว้ดูทิศลม โบว์ไม่พลิ้วเลยซักประตู)  ยังไงก็มีเชื้อโรคสะสมอยู่ในอากาศของห้องอยู่ดี

จัดการสถานที่ไปแล้วกว่า 2 สัปดาห์ ก็ได้เวลาลงมือตรวจวัดอากาศที่ตั้งใจจะติดตามต่อ น้องจูน เจ้าหน้าที่จากสำนักงานสิ่งแวดล้อมเขตมาช่วยวัดให้ น่ารักจริงๆ  ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

ไม่กี่วันมานี้ น้องเขาก็ส่งผลการตรวจมาให้ คาร์บอนไดออกไซด์ในห้องให้คำปรึกษาของไตเทียมติดลบ น้องเขาบอกว่า  เครื่องมันวัดไม่เจอ  อย่างนี้ควรจะ…เย้…เย้…เย้….ใช่ไหม

ดีใจกับผลการเปลี่ยนแปลง แต่ไม่วางใจในความปลอดภัยของทั้งพื้นที่นะ โชคดีที่ก่อนวันตรวจวัด แวะไปดูแล้วฉุกใจ วางผังการวัดไว้ให้ลูกน้องบอกต่อ

ผลการวัดที่กลับมาทำให้มีงานทำต่อ ห้องที่คนไข้นอนให้ล้างไต ตำแหน่งโต๊ะนั่งทำงานของพยาบาล 2 จุด ห้องหัวหน้าหน่วย จุดทิ้งขยะติดเชื้อของหน่วย และจุดทิ้งน้ำที่บอกให้วัดด้วย พบก๊าซเกิน

คาร์บอนไดออกไซด์ในพื้นที่ทำงานของพยาบาลกับคนไข้เกินกว่า 250  มีเทนเกินตรงจุดทิ้งขยะ(อยู่ในห้องทำความสะอาดเครื่องมือ มีลมพัดผ่านไปมา แถมพัดเข้าห้องมาด้วย)และบ่อน้ำทิ้งจากห้องน้ำ (อยู่ด้านนอกของห้อง แนวต่ำกว่าหน้าต่างห้อง )

ไปเยี่ยมใหม่เพื่อสำรวจพื้นที่ดูว่า จะปรับพื้นที่อย่างไรให้ปลอดภัยได้อีก ก็ไปพบว่า มีพัดลมดูดอากาศแล้ว 2 ตัวที่ผนังด้านเดียวกันของห้อง แต่อยู่คนละฟากห้อง

จุดทำงานของพยาบาลทั้งลูกน้องและหัวหน้างานอยู่ใกล้ตำแหน่งใต้พัดลมดูดตัวหนึ่ง  ประตูเข้าห้องทำงานหัวหน้าไม่เคยปิดเลย และเป็นห้องตัน ด้านหลังมีประตูแต่วันนี้ถูกปิดตาย มีตู้วางของบังอยู่เต็ม เดินตรงจากประตูที่คนไข้และญาติใช้ผ่านเข้ามานอนฟอกไตจนสุดห้องก็เจอประตูห้องทำงานของหัวหน้างาน

ฝา 2 ข้าง ช่วงที่ชนเพดานเป็นกระจกทั้งหมด บานกระจกกว้างราวๆศอก ปิดตาย  ประตูเดินเข้าห้องฟอกมีแอร์อยู่ซีกเดียวกับพัดลมดูดอากาศ  เป็นประตูกระจกเลื่อนบานใหญ่ 2 บานซ้อนกัน  นอกประตูเป็นระเบียงทางเดินกว้างราว 2 เมตร เลยระเบียงออกไปหน่อยก็เป็นสวนหย่อมขนาดเล็ก

ฝาด้านที่มีพัดลมดูด ติดกับทางเดินเลียบไปอีกตึก มีแนวสนอินเดียปลูกขนานแนวห้องยาวเป็นแถวตลอดทางเดิน อีกฝาของห้องติดกับห้องฉุกเฉินของรพ.

ไปดูห้องซ้ำ แล้วกลับมานั่งกุมขมับ จะแก้ต่อยังไงดีนะ พื้นที่มีน้อยจนไม่มีทางเลือกเพื่อขยับเลยนะนี่ ทำไงดี เริ่มคิดไม่ออก

แล้ววันนัดหมายกับอาจารย์ทวิชก็โผล่ขึ้นมา อืม อีกนานเชียว  ปลอบตัวเองว่าอย่างไรก็ต้องรอ  ระหว่างนี้ไปดูซ้ำๆก่อนแล้วค่อยว่าต่อละกัน อาจจะมองเห็นความเป็นไปได้ จะทำอะไรได้อีก

สู้ก็สู้ (วะ) ทำอะไรไม่ได้ ไม่รู้อะไร ก็ปรึกษาผ่านจอกับผู้รู้ที่เมตตาไปก่อนแหละน่า….เหอ….เหอ

« « Prev : จะควบคุมหรือปล่อยไปดีละ

Next : เรื่องของเส้นใหญ่ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

4 ความคิดเห็น

  • #1 withwit ให้ความคิดเห็นเมื่อ 13 กรกฏาคม 2011 เวลา 21:58

    ขอแสดงความยินดีกับรพ. นี้ ที่มีผู้บริหารเอาใจใส่แบบนี้ หาได้ยากจริงๆ

    ช่ววนี้สอบกลางภาค ผมว่าจะแว่บมาล่องใต้ พร้อมหาของโบราณ แต่ให้บังเอิญ ติดภารกิจสำคัญที่ต้องปั่นโครงการวิจัยเสนอวช. จากปลูกข้าว มาเป็นอบข้าวไปซะอีกแล้ว เพราะหลากหลายเหตุผล ส่วนเปเปอร์อีก 8 ฉบับที่จะต้องออกไปเสนอในการประชุมก็ต้องตรวจให้เสร็จ เส้นตายคือมะรืนนี้

    ผมเลยขอโทษหมอมากๆ ที่ต้องกลายเป็นคนเสียคำพูด ที่นัดไว้แล้ว แต่ดัน “ติดภารกิจ”

    คาดว่าอีก 5-6 สัปดาห์จากนี้ไป สอบปลายภาค มาแน่ครับ ช่วยเตรียมหาลูกประคั่วไว้ให้ด้วยครับ ถามเอาจากพวกไตวายก็ได้ (เอ…พวกนี้กินน้ำมากเกินไปจนไตวาย=ตายไว ตามที่ผมได้เขียนไว้หรือเปล่าหนอ หมอน่าทำวิจัย ถามเขาว่า กินน้ำวันละเท่าไหร่ มากหรือน้อยกว่าค่าเฉลี่ยอย่างไร ทำดีๆ อาจได้โนเบลเลยนะครับ)

    ส่วนปลวกนั้น มันกินไม้ครับ แล้วเปลี่ยน C ไม้มาเป็น CO2 ว่ากันว่าถ้าไม่มีปลวก โลกจะล่มสลาย แต่ในระดับไมโคร บางทีปลวกมันก็สร้างปัญหา อย่างนี้น่าเลี้ยงตุ๊กแกมากินปลวกนะครับ ผู้ป่วยได้ยินเสียงตุ๊กแก ก็เอาไปแทงหวยได้อีกด้วย อิอิ….แล้วเจอกันนะครับ …รับรองช่วยเต็มที่ครับ

    อ้อ…ผมจะไปปรึกษาเรื่อง โครงการ “โรงพยาบาลสีเขียว” ด้วย เอารพ.คุณหมอเจ๊ เป็นต้นแบบไปเลย

  • #2 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 13 กรกฏาคม 2011 เวลา 22:32

    เอ๋ อาจารย์นัดไว้เดือนพค.ปี ๕๕ ไม่ใช่หรือค่ะ ทำไมจึงกล่าวว่าเสียคำพูดละค่ะ แล้วที่บอกว่าอีกราวเดือนกว่าๆอาจารย์จะลงมาช่วยแล้ว อย่างนี้หมอต้องร้องไชโยค่ะ ไว้นัดหมายวันกันนะคะอาจารย์ หมอจะได้กันเวลาของหมอไว้ ไม่ให้เกิดการสวนทางกัน

    ที่ทำอยู่ก็เก็บอะไรในมุมเล็กที่ใครเขาไม่ทำกันแล้วมาทำไป เรียนรู้ไป ทีละนิดทีละหน่อยแหละค่ะอาจารย์ อาศัยว่าติดเพื่อน ติดน้อง ก็เลยแวบไปแวะเยี่ยม แวะดูบ่อยๆ แล้วก็จัดให้มีสายข่าวลงไปช่วยดู ก็เลยได้ลงมือช่วยในเรื่องที่พอรับมือได้

    อาสาร่วมทางกับอาจารย์ไว้แล้วเรื่องโลกสีเขียว พื้นที่โรงพยาบาลสีเขียวนี่เป็นเรื่องที่แอบฝันไว้นานแล้ว ดีค่ะที่จะได้ลงมือทำจริง เรียกว่าเข้าทางฝันเลยค่ะ ขอบคุณอาจารย์อีกครั้งค่ะ

    ไอ้ลูกประคั่วนี่คืออะไร ไม่รู้จักค่ะ

  • #3 withwit ให้ความคิดเห็นเมื่อ 13 กรกฏาคม 2011 เวลา 23:14

    อ้าว..แสดงว่าผมเนี่ยมันอาการเริ่มแรก อัลไซเมอร์จริงๆ ..เอาหละค่อยว่ากัน เอาเป็นว่าประมาณ 5-6 สัปดาห์นี้เจอกันนะครับ

    ลูกประ …จำได้ว่าผมพูดไว้แล้วนา .. หมอยังถามว่าคืออะไร มันทำได้ทังคั่ว ทั้งดอง เอามาตำน้ำพริกก็ได้ ผมกินมาหมดแล้ว แต่คั่วหร่อยที่สุดครับ

    หมอยังถ่ายรูปป่าสีแดง เหลือง เกิดจากต้นประริมเขา มาลง แสนสวย

    สงสัยว่าหมอจะเป็นคนไข้ซะแล่วผมว่า เพราะอัลไซเมอร์ เสียยิ่งกว่าผมอีก …

    เรื่องรพ.สีเขียว น่าสนมากๆครับ ผมแตกยอดคิดมาจาก โรงเรียนสีเขียว ซึ่งเป็นไอเดียของ ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ ที่ผมเป็นสมาชิกอยู่ด้วย …นี่แหละที่ผมว่าเป็นเสน่ห์ของลานปัญญา แม้เรามีน้อย แต่ว่าเข้มข้น สามารถเป็นต้นเชื้อให้ประเทศไทยได้มาก

  • #4 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 13 กรกฏาคม 2011 เวลา 23:46

    อ๋อ “ลูกประ” จำได้ค่ะ อ่านคำเป็น ลูก “ประคั่ว” จึงเข้าใจไปว่าเป็นชื่อต้นไม้อีกชนิดหนึ่งไปโน่น ตามประสาคนไม่ใคร่รู้จักต้นไม้เท่าไรค่ะ

    อาจารย์จะไปพัทลุงด้วยมั๊ยค่ะ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.029186010360718 sec
Sidebar: 0.12660193443298 sec