ตามลม(๑๙): จะลดคาร์บอนไดออกไซด์…ต้องใช้หินปูนด้วยรึ

อ่าน: 1497

เซ็งและทำใจกับความรู้สึกแย่กับการต้องตามแก้ปัญหาอยู่พักหนึ่ง จนได้เรียนความธรรมดาของธรรมชาติ กับคำว่า “อะไรจะเกิดก็ห้ามไม่ได้”  จากของจริงที่เจอ แล้วปิ๊งว่า ธรรมชาติเป็นจริงเช่นนี้เสมอมา

นึกขอบคุณเหตุการณ์ที่เป็นครู ที่ทำให้ใจคลายความรู้สึกสีเทาๆลง เมื่อได้เติมความรู้สึกดีๆที่เห็นเจ้าหน้าที่เขาให้ใจกับสิ่งที่เขาทำ ก็ทำให้มีแรงลุ้นตัวเองกับปัญหาที่ยังต้องเกี่ยวต่อ

สรุปได้ในเบื้องต้นว่าก๊าซเรือนกระจกรอบตึกนี้ มีจริงอย่างที่ต้องสงสัย อย่างนี้ตึกอื่นๆก็คงมีปรากฏการณ์ก๊าซให้เรียนรู้ด้วยซิ

นึกถึงชั้นบนของตึกนี้ ถ้าเจอพื้นที่โถงตึกคนไข้มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เกินเกณฑ์จะทำยังไง  ที่โล่งเขาปลูกต้นไม้เพื่อให้ฟอกอากาศ แต่ที่นั่นเป็นตึกคนไข้นอนจะทำยังไง   เจ้าชั้นบนนี้ผู้ใหญ่เขามีแผนจะต่อท่อระบายอากาศใหญ่ให้ด้วยซิ

ไม่รู้ก็ต้องตามหาครู ตามไปก็พบเรื่องหนึ่งที่ทำให้แปลกใจ ไม่ได้นึกถึงแง่มุมที่รับรู้นี้มาก่อนเลย  มีเรื่องเล่าว่า หินปูนเป็นกระบวนการที่เกิดจากธรรมชาติ จัดการสมดุลของคาร์บอนไดออกไซด์ ที่มีมากขึ้นในโลกยุคดึกดำบรรพ์โดยสิ่งมีชีวิต  ปะการังเป็นรูปแบบของหินปูนหนึ่งที่เกิดขึ้น เพื่อจัดการคาร์บอนไดออกไซด์เช่นกัน ทะเลเป็นรูปแบบของน้ำที่คอยซับดูดคาร์บอนไดออกไซด์ไว้เพื่อประคองสมดุลของคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ

ลองตามดูวิธีจัดการลดคาร์บอนไดออกไซด์ทำยังไงได้บ้าง นอกจากปลูกต้นไม้ ก็ไปพบว่า การจัดการเกี่ยวกับการใช้ไฟฟ้า  พลาสติก คอมพิวเตอร์ และขยะ ช่วยลดได้

ไฟฟ้า :  ให้เปลี่ยนหลอดไฟเก่า เป็นหลอดตะเกียบที่สว่างเท่ากัน  ไม่คาปลั๊กไฟฟ้าไว้เมื่อไม่ใช้เครื่องไฟฟ้า ปิดเครื่องไฟฟ้าเมื่อไม่ใช้งาน เลือกใช้ถ่านแคดเมี่ยมแทนถ่านแอลคาไลด์ ใช้เท่าที่จำเป็น

คอมพิวเตอร์ : ปิดเครื่องคอมฯเมื่อไม่ใช้งาน

พลาสติก :งดใช้ถุงพลาสติก ถุงพลาสติก ๑ กก. (วันละ ๕ ใบ) สามารถเพิ่มคาร์บอนไดออกไซด์รอบตัวได้ ๓๖๕ กก.ต่อปี

ขยะ :  จัดการขยะต้นทางให้ระบายออกไปจากพื้นที่ให้เร็วที่สุด ใช้วัสดุรีไซเคิลเพื่อให้สามารถแยกขยะนำกลับมาใช้ใหม่ได้  กินอาหารแต่พอดีไม่กินให้เหลือทิ้งเป็นขยะ

อาหาร :  งดบริโภคอาหารไกลตัวซึ่งต้องเดินทางไกลกว่าจะมาถึงมือให้ปรุงกิน

ช๊อปปิ๊ง :  ไม่น่าเชื่อว่าเสื้อใหม่ ๑ ตัวปล่่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา ๔ กก. เชียวนา คิดให้ถี่ถ้วนเวลาไปช๊อปปิ๊ง หรืออยากได้ของใหม่มาเติมในพื้นที่ จำเป็นแค่ไหน

ความสะอาด : ล้างแผ่นกรองอากาศของเครื่องปรับอากาศให้สม่ำเสมอ  เช็ดฝุ่นตามใบไม้ของต้นไม้ที่ปลูกในตึกให้สะอาด เพื่อช่วยให้สามารถสังเคราะห์แสงได้เพิ่มขึ้น

สะดวก :  จัดการทิศทางลมในพื้นที่ให้ไหลเวียนเข้าออกได้ตลอดเวลา วางต้นไม้ในจุดที่รับแสงสว่างได้มากที่สุดและยังมีความเป็นไปได้ในการช่วยฟอกอากาศ

ไม้ดอกที่ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ดี คือ ดาวเรือง ยี่โถ แพงพวยฝรั่ง เวอร์บีนา

ไม้ประดับ ที่มีดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ดี ได้แก่ เทียนทอง เกล็ดแก้ว ตีนตุ๊กแก มะขามเทศด่าง

ไม้ยืนต้นที่ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ดี ได้แก่ ราชพฤกษ์ ชงโค มะเกลือ เสม็ดแดง ข่อย หูกวาง ขนุน เสลา แคฝรั่ง มะเดื่อ ฝรั่ง และพญาสัตบรรณ

ผักที่ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ดี  ได้แก่ ผักบุ้งจีน คะน้า กระเจี๊ยบเขียว

« « Prev : ตามลม(๑๘) : ได้ห้องน้ำสีชมพูมาแล้ว…เจอมีเทนด้วย…???

Next : “ชิบ” นี้ใครฝัง » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2 ความคิดเห็น

  • #1 withwit ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 มิถุนายน 2011 เวลา 18:48

    อย่าโมโห หงุดหงิด เพราะทำให้หัวใจเต้นเร็ว หายใจแรง CO2 ออกมาก แต่ชดเชยได้ด้วยการตายไว ก็หมดโอกาสปล่อย CO2 หุหุ

  • #2 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 มิถุนายน 2011 เวลา 20:57

    จะรู้ตัวเวลาหงุดหงิดค่ะอาจารย์ หัวใจไม่เต้นเร็ว ไม่โกรธ จะรู้ตัวว่าอารมณ์ไม่แจ่มใส
    ประเภทโกรธจนใจสั่น หายใจแรงนี่ ไม่เกิดนานแล้วค่ะ

    เวลาหงุดหงิดขึ้นมา แต่ก่อนรับรู้อารมณ์ไม่ทันเหมือนกัน ยิ่งลุยงานไปเรื่อยๆยิ่งเป็น เลยหันมาสังเกตว่า อะไรเป็นเหตุ

    ก็ได้ความรู้จากตัวเองว่า “อัตตา” มันลงมือทำงานปกป้องตัวตน รู้สาเหตุแล้ว เมื่อเกิดเหตุการณ์ซ้ำ ก็ใช้ประโยชน์มันเตือนสติ

    รู้ทันอารมณ์หงุดหงิดเมื่อไร ก็วางอัตตาลงได้เมื่อนั้น ตรงนี้ได้เรียนรู้ค่ะอาจารย์ ว่าเรื่องเกิด-ดับนั้นอยู่กับเราทุกเวลาจริงๆ รู้แล้วก็ยิ่งมีศรัทธาในธรรม ที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทิ้งไว้ให้ได้เรียน

    คราวนี้ก็เป็นอย่างนั้น พอเอะใจกับตัวเองเรื่องอารมณ์ สติมาก็ปิ๊งว่าอะไรเป็นเหตุ ก็เหมือนได้น้ำมาดับไฟให้มอดลงค่ะ

    เคยถามตัวเองเรื่องกลัวตายมั๊ยอยู่เหมือนกัน วันนี้ยังตอบตัวเองไม่ได้ว่าไม่กลัว เพราะมันเฉยๆเมื่อฟังคำถามที่ถามตัวเองออกไป

    เคยให้สัตย์กับตัวเองว่า ตายแล้วขอไม่เกิดใหม่อีกแล้ว หลังจากนั้นก็รู้สึกว่ามีคำขึ้นมาบอกตัวเองว่า ยอมรับความตายได้เมื่อเวลานั้นมาถึง

    เพราะไม่มีใครรู้วันตายของตัวเองล่วงหน้า วันนี้มีแรงทำอะไรจึงทำ ไม่คิดว่าสมควรอยู่เฉยๆถ้ายังทำอะไรได้ค่ะ

    ขอบคุณอาจารย์ที่ห่วงใย ยิ้มออก หัวเราะได้ มีแรงสอนคนได้เหมือนเดิมแล้วค่ะ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.044960021972656 sec
Sidebar: 0.16097712516785 sec