น้ำท่วม (๒๒)
เมื่อเดินทางต่อเข้าไปในหมู่บ้าน ฝนก็ตกลงมาอย่างหนักแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว นึกไปถึงภาพบ้านชาวบ้านคนหนึ่งที่ไปเยี่ยม มีไผ่กอใหญ่อยู่ริมน้ำ ความแรงของน้ำที่ไหลในระยะที่ฝนกำลังตกอยู่อย่างนี้ไม่รู้จะเป็นยังไง
เดินทางเลยต่อไปอีกหน่อย ก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังหลบฝนอยู่ใต้เต๊นฑ์ เต๊นฑ์นั้นกางอยู่ฝั่งตรงข้ามกับบ้านหลังหนึ่งที่กำลังสร้าง ฝนวันนี้ทำให้ชาวบ้านเสียโอกาสเรื่องเวลาไปอีกวัน คนในเต๊นฑ์ที่เห็นเป็นอาสาสมัครที่มาช่วยกันสร้างบ้าน
บรรยากาศเป็นอย่างนี้ทุกๆวันในพื้นที่ อาสาสมัครที่ลงไปจึงไม่มีงานทำในบางวัน
ไปต่อที่ศูนย์อพยพ เห็นชาวบ้านคุยอยู่กับใครคนหนึ่งคุ้นๆหน้า อดีตเกษตรอำเภอเมืองนี่เอง เพิ่งรู้ว่าเขาย้ายมาเป็นเกษตรอำเภอที่นี่
พี่เขาเล่าว่าเข้ามาพัฒนาพื้นที่ให้ชาวบ้านอยู่สบายขึ้น เริ่มจากทำสวนครัว ขุดบ่อไว้ให้ใช้น้ำก่อน แต่น้ำสีชาเย็นจัดชาวบ้านไม่ยอมใช้กัน ก็เลยใช้มันรดต้นไม้
ได้คุยเรื่องการปลูกต้นไม้ คำตอบทำให้ดีใจ “……หมอมีกล้าไม้กี่ร้อยต้น เอามาเลย ผมปลูกให้ หรือจะชวนใครมาปลูกก็เอา ยินดี ได้กล้ามาแล้วบอกผมนะ…..”
ถามเรื่องที่ดินก็ได้คำบอกว่า ที่ตรงนี้เป็นที่ของกรมป่าไม้ ที่จะให้ยืมสร้างศูนย์อพยพชาวบ้านในพื้นที่เสี่ยงภัย
ศูนย์อพยพที่เห็นในวันนี้มีความเปลี่ยนแปลง ที่โล่งตรงกลางศูนย์มีศาลาหลังคาไม้เกิดขึ้นใหม่ ได้ยินว่าผวจ.มีคำสั่งมาให้สร้างขึ้นไว้ เพราะที่นี่มีเด็กเล็กอยู่อาศัยในหลายครัวเรือน เจตนาที่สร้างก็เพื่อให้เด็กๆได้ไว้เล่น ผู้ใหญ่ได้นั่งคลายเครียด สนทนากัน
ครัวใต้ถุนบ้านชาวบ้านเป็นอย่างนี้เอง ว่างจากกรีดยางในตอนเช้าก็มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ฝนตกทุกวันก็ลงมาอยู่ที่นี่กันไปพลาง
ใต้บ้านหลังหนึ่งมีชาวบ้านกลุ่มใหญ่ทำกิจกรรมบางอย่างกันอยู่ ในขณะที่อีกหลายหลังไม่เห็นใครเลย
ชายนั่งสนทนากัน หญิงรวมกลุ่มทำกับข้าวทั้งๆที่เป็นเวลาเกือบบ่ายสองแล้ว การทำครัวของที่นี่ใช้แก๊ซถัง แสงสว่างยามค่ำคืนเขามีไฟฟ้าให้ใช้ ไม่รู้สึกว่าชาวบ้านทุกข์เท่าไร ความกังวลที่เคยพบในครั้งแรกดูเหมือนเบาบางลง เขาบอกว่าทำอาหารไว้เลี้ยงแขกที่มาเยี่ยมเขา
ระบบจัดการของเสียถูกจัดการไว้แบบนี้แหละ น้ำดื่มใช้น้ำขวด น้ำอาบ ทำอาหารใช้น้ำในโอ่งอย่างที่เห็น
บ้านเหล่านี้มีไฟฟ้าใช้ฟรี สิทธิที่จะอาศัยอยู่กันที่นี่นานเพียง ๑ ปีเท่านั้น ครบปีแต่ละหลังก็จะถูกรื้อถอนไป
ที่ศาลามีคนกลุ่มหนึ่งกำลังคราดไถดินให้เรียบ มีเด็กและวัยรุ่นด้วย ทีแรกเข้าใจว่าเป็นชาวบ้านผู้ประสบภัย กลับเป็นจิตอาสาซะนี่ เธอให้ข้อมูลว่า “ก่อนมาทำงานก่อสร้างกันอยู่ แล้วเถ้าแก่บอก เถ้าแก่บอกให้มาก็มากันเลย หยุดงานก่อสร้างมาช่วยกันที่นี่ นั่งรถบขส.มาเอง พาลูกมาด้วย มาจากระนอง อำเภอสุขสำราญ”
หมู่บ้านนี้มีเด็กๆหลายวัย จิตอาสาที่นี่มีทั้งผู้หญิงและเด็ก สว่างก็มาช่วยกัน มืดก็กลับไปพักผ่อนในศูนย์ช่วยเหลือฯจัดไว้ให้
เมื่อถามเขาต่อว่า ในคราวที่เกิดซึนามิ มีคนที่นี่ไปช่วยเขาหรือเขาจึงลงมาช่วย คำตอบทำให้ซึ้ง “ไม่เคยรู้จักกับคนที่นี่เลย ตอนที่เกิดซึนามินั้นลำบากเหมือนกัน เข้าใจนะ จึงมาช่วย”
คำพูดของใครคนหนึ่งโผล่ขึ้นมาในหัว “คนที่เคยผ่านประสบการณ์คล้ายๆกันมาแล้วเท่านั้นจึงจะเข้าใจกัน คนที่ไม่เคยผ่านไม่เข้าใจหรอก” ใจถึงใจมันเป็นอย่างนี้จริงๆด้วย ชาวบ้านสอนให้อีกครั้งแล้ว ขอบคุณนะคะ
๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๔
ความคิดเห็นสำหรับ "น้ำท่วม (๒๒)"