น้ำท่วม(๑๔)

อ่าน: 1531

บ่าย ๒ คือเวลาเริ่มเดินทาง ฝนทำให้พะวงกับเส้นทาง เพราะระหว่างทางมีตกๆหยุดๆ น้องมนพะวงมาก เขากลัวว่าเข้าไปแล้วจะกลับออกมากันไม่ได้ เพราะทางขาด

เราช่วยกันตัดสินใจ บอกน้องมนให้เข้าไปตรงจุดที่สามารถเข้าไปได้ง่ายก่อน น้องมนจึงพาไปหยุดที่หมู่บ้านน๊อคดาวน์แถวควนผึ้ง ได้คุยกับชาวบ้านอยู่เป็นครู่จึงพากันจากมาเพื่อไปต่อ

บ้านทางขวาจะอยู่ได้ไม่เกิน ๑ ปี บ้านก็จะถูกรื้อถอน บ้านทางซ้าย ชาวบ้านซื้อที่ดิน ช่อง ๓ กับมูลนิธิเพื่อพึ่ง(ภาฯ) เข้ามาช่วยสร้าง

ชาวบ้านที่นี่นั้น เป็นกลุ่มที่มีบ้านเดิมอยู่ในที่ดินสปก. ซึ่ง ณ วันนี้จังหวัดประกาศเป็นพื้นที่เสี่ยงภัย สิ่งที่กำลังว้าวุ่น ก็คือ ไม่รู้จะตัดสินใจ เดินต่อทางเลือกไหนจึงจะดีกับตน

ทางหนึ่งที่มีให้เลือก หากต้องการได้งบสร้างบ้าน ก็ต้องหาที่ดินมาสร้างให้ได้ตามเกณฑ์กำหนด ที่ดินที่ไปเสาะหา ราคาในวันนี้ตกคนละแสนกว่าบาท ยากจนออกปานนี้ ทำยังไงก็ไม่มีเงินซื้อที่ดิน

ที่ดินในที่ใหม่ ถ้าหาได้ก็ห่างไปจากที่ดินทำกินเดิมซะไกล หรือไม่ก็ต้องหาอาชีพใหม่ทำ ถ้าหากไม่รับจ้างก็ไม่มีอาชีพให้ทำกินในที่ใหม่

ที่เก่าก็มีภัย เวลาฝนตกก็ต้องอพยพหนีตายกันออกมา อยู่กันมา ๓๕ ปี เมื่อมาพบอย่างนี้ ชีวิตจึงสับสน ยังหาทางออกไม่ได้กันเลย…ฟังแล้วเฮ้อ

กลุ่มที่แวะคุยด้วยนี้ มีเด็กเล็กๆอยู่ด้วยหลายคน ส่วนใหญ่ที่เห็นๆอยู่ในวัยเตาะแตะยังพูดไม่ได้หลายคน น่าห่วงจริงๆ

อีกจุดที่เราไปเยี่ยม เป็นส่วนที่ใกล้เขาพนมที่สุด  ทีแรกเกือบไม่ได้เข้าไป เพราะน้องมนกลัวว่าเราจะเกิดอันตราย โชคดีที่มีชาวบ้านผ่านทางมา เมื่อเขาให้ข้อมูลว่าเข้าไปได้ เราจึงได้เข้าไปจนถึงที่

สรรพกำลังทหารมาจากทั่วประเทศ งบหมดก็ลาจาก บ้านทางขวาเป็นที่พักชั่วคราวของคนที่ไม่มีที่ดินและ/หรืออยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยมาหลบภัย

ชาวบ้านที่อยู่แถบนี้ มีเพียงหลังเดียวที่แหลกรานเพราะเหตุการณ์  หินใหญ่ถล่มลงมาเป็นกองพะเรอ พร้อมทั้งซุงใหญ่แต่บ้านบางบ้านก็รอด

บ้านที่รอดมาได้ เป็นหนี้บุญคุณเถาวัลย์หละเออ พูดอย่างนี้เพราะไปเจอว่าซุงส่วนใหญ่ที่ไหลลงมากองสุม ติดแหงกกันอยู่ที่กอพืชคลุมที่เรารังเกียจมันทั้งนั้น เห็นบ้านที่อยู่ล่างลงมาปลอดภัยเพราะต้นไม้เล็กๆพวกนี้น่าทึ่งจริงๆ  เสียดายที่กล้องแบตหมด เลยไม่ได้ถ่ายภาพมาให้ดู

ใช้เวลาราว ๒ ชั่วโมงอยู่ที่นี่ คุยกับชาวบ้้าน ๓ ครอบครัวให้เห็นปัญหาที่เขาต้องตัดสินใจ แล้วลาจากเพื่อจะไปต่อเยี่ยมผู้คนอีกราย

รายหลังนี้มารู้ว่าต้องใช้เวลากว่าชั่วโมงจึงเข้าถึง ก็เลยไม่ไปต่อด้วยยังไงก็ไม่ทัน เพราะใกล้เวลาที่น้องตุ๊กตาต้องขึ้นเครื่องกลับ

ไม้ซุงที่ไหลลงมามีขนาดอย่างต้นนี้ทั้งนั้นเลย เถาวัลย์ที่พูดว่าดักเอาไม้ซุงไว้ก็เป็นเจ้าวัชพืชพวกนี้แหละ

เรื่องราวที่ชาวบ้านคุยนั้น ก็เป็นเรื่องชวนคลี่ปมปัญหาของเขาออกมาให้เห็นด้วยกัน แล้วชวนให้เขาขอข้อมูลส่วนที่ยังขาดจากรัฐ เพื่อจะได้มาใช้ตัดสินใจปลดปมออกไปทีละเงื่อน ซึ่งเขาก็รับมุก โดยตอบมาว่า พรุ่งนี้เจ้าหน้าที่จะเข้ามา จะถามสิ่งที่ข้องใจให้หมดครับ

ก็ได้ความเข้าใจต่อภาครัฐจากพวกเขาเพิ่มขึ้นมาได้อีกระดับ เท่ากับได้ทำหน้าที่ สสสส. ๒ ไกล่เกลี่ยความขัดแย้งไปในตัวเลยนะนี่

เงื่อนไขที่เป็นปัญหา คือ คนที่นี่ได้รับข้อมูลว่า มีเงินให้สร้างบ้านใหม่ในที่ใหม่ แต่งบที่ได้มานั้นเป็นงบทุบบ้าน เขาต้องทำสัญญาว่าจะทุบบ้านเก่า หลังบ้านใหม่เสร็จ ๑๕ วัน จึงสามารถรับเงินไปสร้างบ้านใหม่ในที่ใหม่ได้ ฟังแล้วตัดสินใจยาก ใช่ไหมละท่าน

เราได้เจอผู้สมควรช่วยเหลือเพิ่มอีกรายที่นี่  เป็นหนุ่มซึ่งที่ทำกินและเครื่องมือหากินหายไปกับน้ำ บันทึกรายชื่อไว้ รอให้ตัวเขาตัดสินใจ กับเงื่อนไขที่รัฐยื่นได้ก่อน การช่วยเหลือจากน้องตุ๊กตาจึงจะเริ่มขึ้น ได้บอกเขาไปว่าตัดสินใจไม่ทุบบ้านเมื่อไร ติดต่อไปได้สำหรับความช่วยเหลืองบซ่อมบ้าน งบที่ประมาณไว้อยู่ในราวๆ ๖ หมื่นบาทเช่นกัน

วันนี้ที่นี่เป็นครูสอนให้รู้จักต้น ใบและดอกกระท่อมของจริงด้วย ปลูกไว้หลังบ้านชาวบ้านคนหนึ่ง ต้นสูงเท่าต้นมะนาว ชาวบ้านเขาบอกว่าเคี้ยวมันกินวันละใบเพื่อแก้เหนื่อย เพื่อให้ทำสวนได้ทนเท่านั้นเอง ไม่ติดหรอก…ควรจะเชื่อมั๊ยนี่

กลับถึงบ้านเวลาเย็นแล้ว หมดแรงข้าวต้มเลยแหละค่ะ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ ก็จัดการต้มมาม่าใส่ผักและไข่ อิ่มแล้วก็เข้านอนเลย

๒๐ เมษายน ๒๕๕๔

« « Prev : น้ำท่วม(๑๓)

Next : น้ำท่วม(๑๕) » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

ความคิดเห็นสำหรับ "น้ำท่วม(๑๔)"

ไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.021373987197876 sec
Sidebar: 0.12158608436584 sec