พลาสติก (๘) : ทำลาย

อ่าน: 3784

เมื่อของที่ใช้หมดประโยชน์จากผู้ใช้ สิ่งที่เห็นเจนตาก็คือการปลดปล่อยมันออกไปจากการครอบครอง เวลานั่งรถไปตามถนนในเขตชุมชน ถ้าสังเกตจึงมักจะเห็นที่ตรงไหนเป็นที่ว่าง ไม่ใคร่มีคนใช้ ตรงนั้นจะมีขยะไปทิ้งเกลื่อน จากคนหนึ่งเริ่มทิ้ง ก็มีคนต่อไปมาร่วมทิ้งด้วย จนขยะขยายกองใหญ่ขึ้น  ในกองเหล่านี้ก็ไม่พ้นที่จะมีพลาสติกหมดความหมายมากองร่วม

ที่ว่างที่พูดถึง ไม่ได้มีแต่บนดิน แต่ขยายสู่ท้องน้ำด้วย เมื่อปี ๒๕๑๘ มีงานวิจัยระบุว่า ถุงพลาสติกถูกทิ้งลงทะเลกว่า ๓ ล้านกิโลกรัม ผ่านมาวันนี้คงไม่แปลกที่จะพบถุงพลาสติกในทะเล เพิ่มจำนวนขึ้นอีกหลายล้านกิโลกรัม

ภาพนี้ไปที่ไหนๆที่เป็นชุมชนทั้งชั่วคราวและถาวรก็มักเห็นกัน

บ้านเราเมื่อปี ๒๕๔๕ มีขยะโฟมและพลาสติก ๒.๓ ล้านตันอยู่ในขยะ ๑๔.๓๑๗ ล้านตันที่ผลิตออกมาโดยคนไทย คนมาเที่ยวเมืองไทย และคนที่เข้ามาพักพิงเมืองไทย กลบฝังได้ ๑.๘ ล้านตัน

เมื่อคิดขยะเป็นปริมาตร พลาสติกและโฟมต้องการพื้นที่มาใช้ ๑ ใน ๕ ส่วนของปริมาตรหลุมเลยแหละ เมื่อคิดขยะเป็นปริมาณ พลาสติกและโฟมก็ครองพื้่นที่ถึง ๓ เท่าของขยะอื่นๆ

บ้านเราในวันนี้ ใช้ที่ดินเป็นหลุมขยะอยู่เป็นจำนวนกว่า ๑๕,๐๐๐ ไร่ ที่ดิน ๒๐๐ ไร่ ใช้จัดการกลบขยะได้แค่ ๑๐ ปี ข้อมูลนี้สอนเราว่า การฝังกลบขยะพลาสติกและโฟม เป็นกระบวนการบรรเทาปัญหาขยะล้นชั่วคราว

ขยะนี้ถูกรวบรวมขึ้นมาจากทะเล

วิธีสลายตัวของพลาสติกที่เกิดโดยน้ำและแสงได้ เป็นข้อชวนคิดเรื่องผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหารทั้งบนดินและในน้ำ เมื่อมันแตกทำลายเป็นชิ้นเล็กลงๆจนได้ขนาดเป็นอาหารสัตว์ (ไมโครพลาสติก) เพราะสุดท้ายห่วงโซ่นี้ก็ไม่พ้นมาหยุดที่ตัวคน

เต่าในภาพที่ยกมาให้ดูเป็นตัวอย่างหนึ่ง ที่คนตื่นรู้มาบอกข่าวไว้  ในต่างประเทศมีการให้ข่าว สัตว์กินถุงพลาสติกเข้าไป ทั้งนก เต่า ปลา ปู แล้วเสียชีวิต  บ้านเราก็มีเหตุการณ์เสือโคร่งและฮิบโปในสวนสัตว์ตาย เพราะกินถุงพลาสติกมาแล้ว

เมื่อจัดการขยะด้วยการกลบฝัง มันจึงไม่พ้นที่จะต้องห่วงเรื่องห่วงโซ่อาหารให้มากๆๆๆ เนื่องจากเป็นการบริหารการใช้ที่ดินร่วมกันของปัจจัย ๔  (อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค)

ไล้เดือนทะเลหรือแม่เพรียง ผู้ล่าที่เป็นตัวชี้วัดหนึ่งเรื่องสิ่งแวดล้อม

นอกจากดินแล้วก็ยังมีเรื่องน้ำ พลาสติกที่ทิ้งลงทะเลแล้วโดนน้ำทะเลย่อยสลายจนกลายเป็นไมโครพลาสติก ได้สะสมผลกระทบกับห่วงโซ่อาหารในทะเลไปแล้ว วันนี้ผลกระทบมากเท่าไรไม่มีใครให้ข้อมูลคืบหน้าไว้  ที่เขารู้ก็เพราะเขาตามรอยการตกตะกอนในทะเลของสารพิษชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นสารเคมีก่อมะเร็งได้อีกตัวหนึ่ง เจ้าสารนี้มีชื่อว่า “ฟีแนนทรีน”

การตามรอยทำให้ไปพบว่า ไมโครพลาสติกที่เพิ่มขึ้นในทะเลเพียงจำนวนไม่ถึง ๑ ในตะกอนที่สะสมไม่กี่ล้านตัน เพิ่มการสะสมฟีแนนทรีนในตัวไส้เดือนทะเลสูงขึ้นถึง ๘๐%

ไส้เดือนทะเลเป็นสัตว์หน้าดินนอกจากทำหน้าที่เป็นผู้ล่าแล้ว ยังเป็นผู้ถูกล่าโดยสัตว์ทะเลอื่นๆด้วย  สัตว์ใหญ่กินสัตว์เล็ก ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ไส้เดือนทะเลกินสัตว์เล็กและปลาเล็กเป็นอาหาร

หอย ปู ปลิงทะเล จักจั่นทะเล หอยเม่น สาหร่าย เป็นสิ่งมีชีวิตหน้าดินในทะเลที่เป็นอาหารคน และอาหารสัตว์ทะเลที่ใหญ่กว่าที่เป็นอาหารคน เมื่อย้อนไปมองภาพข้างบนมันก็สอนให้คิดใหม่ ทำใหม่แล้ว ถ้าไม่อยากเป็นมะเร็งโดยไม่รู้ตัว ก็ให้เริ่มจากตัวเองก่อนนี่แหละเธอ…ช่วยจัดระบบการจัดการขยะพลาสติกของตัวเองซะใหม่ให้เหมาะกว่าเดิม

ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต

« « Prev : พลาสติก (๗) : เสื่อมสลาย

Next : พลาสติก (๙) : เอื๊อกๆๆๆ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

ความคิดเห็นสำหรับ "พลาสติก (๘) : ทำลาย"

ไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.016884088516235 sec
Sidebar: 0.10941195487976 sec