พลาสติก (๗) : เสื่อมสลาย
เคยใช้กาละมังพลาสติกมั๊ยค่ะ พอมันแตกแล้วเราทิ้งไว้ นานๆเข้ามันก็เปราะ ไปจับต้องมันเข้าบางชิ้นก็บิแตกติดมือ เมื่อรู้ว่าสารเคมีผลิตพลาสติกย่อยสลายได้พบมากว่า ๑๐ ปีแล้ว ก็สนใจว่ากาละมังนั้นเป็นพลาสติกย่อยสลายหรือเปล่า
จะดูยังไงว่าพลาสติกนั้นเป็นพลาสติกย่อยสลายได้ ตอนนี้ก็มีแค่เรื่องอายุการสลาย และเข้าถึงข้อมูลวัตถุดิบในกระบวนการผลิตเท่านั้นเอง
พลาสติกที่ย่อยสลายได้จะย่อยตัวมันให้หมดไปภายใน ๑ ปี
เกินจากนี้ก็เป็นพลาสติกที่มีสารเคมีอันตรายแฝงอยู่ทั้งนั้น และใช้เวลานานมาก เช่น
โฟม ไม่ย่อยสลายเลย
ขวด ถุงพลาสติก ๔๕๐ ปี
รองเท้า ๒๕-๔๐ ปี
ถ้วยกระดาษเคลือบ ๕ ปี
จะเห็นว่ารู้อายุก็ไม่ช่วยให้คนมีโอกาสเลือกใช้พลาสติก เพราะจะรู้จักชนิด ต้องรอให้มันสลายตัว
ถ้ากลับไปที่เลือกด้วยตัวเลขกำกับที่เล่าไว้แล้ว ก็พบว่ายากตรงที่การกำกับมาตรฐานการผลิตของบ้านเรา และความรับผิดชอบต่อสังคมของผู้ผลิตไม่ดี บรรจุภัณฑ์พลาสติกหลายอย่างที่ออกมาในตลาดจึงไม่มีตัวเลขกำกับไว้
อย่างนี้จะใช้พลาสติกย่อยสลายได้ มีแต่ต้องเข้าถึงข้อมูลวัตถุดิบการผลิตจึงเลือกได้ก่อนใช้ หรือไม่ก็ต้องอาศัยความซื่อสัตย์ของผู้ผลิต ช่วยระบุว่าเป็นพลาสติกชนิดย่อยสลาย (จะเชื่อใน CSR ได้หรือ ????? ) เท่านั้นแหละ
สำหรับคนที่ไม่สนใจรีไซเคิล มันยากตั้งแต่เริ่มต้นให้จำตัวเลข และประเภทแล้ว อย่างนี้น่าจะทำให้ง่าย แบบไม่ต้องจำ ระบุวันหมดอายุใช้งานของพลาสติกเหมือนตราอย.จะได้มั๊ยนี่
คนจะได้ไม่ต้องจำ และง่ายต่อการให้ความร่วมมือในการเลือกใช้พลาสติก ลดโลกร้อน
“สลาย” มีความหมายว่า “หมดไป” เวลาพลาสติกสลายตัวมีความแตกต่าง และความเหมือน เหมือนกันตรงที่เมื่อสลายแล้วเล็กลงๆ ต่างกันตรงการปล่อยสารออกจากตัวเมื่อขนาดเล็กลงๆ จึงน่าสนใจการสลายตัวของพลาสติกไว้ เพื่อใช้จัดการมันเมื่อกลายเป็นขยะ
การสลายตัวของพลาสติกมี ๕ รูปแบบ
๓ ใน ๕ เป็นการสลายตัวที่จุลินทรีย์เข้ามามีบทบาทในการทำให้หมดไป ๒ ใน ๔ รูปแบบมีน้ำ หรือ แสงเข้ามาเกี่ยวข้อง มาดูกันว่าเป็นยังไง
วิธีแรก ใช้จุลินทรีย์ทำให้พลาสติกมีขนาดเล็กลงๆ ด้วยการไปเปลี่ยนโครงสร้างทางเคมีของพลาสติก ภายใต้เวลาหนึ่งที่กำหนด ให้กลายเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และน้ำ ( Biodegradable plastics)
วิธีที่ ๒ ใช้น้ำทำให้พลาสติกเปลี่ยนโครงสร้างทางเคมีก่อนแล้วต่อด้วยวิธีแรก ( Hydro-biodegradable plastics)
วิธีที่ ๓ ใช้แสงทำให้พลาสติกเปลี่ยนแปลงก่อนแล้วต่อด้วยวิธีแรก ( Photo-biodegradable plastics)
วิธีที่ ๔ ใช้น้ำทำให้พลาสติกเปลี่ยนโครงสร้างทางเคมีให้เปราะก่อน แล้วใช้ความร้อน (heat ageing ) หรือแสง (UV ageing) ทำให้แตกหัก (Bioerodable plastics)
วิธีที่ ๕ เปลี่ยนแปลงโครงสร้างพลาสติก ด้วยกระบวนการหมักร่วมไปกับขยะอินทรีย์ในสภาวะแวดล้อม ที่มีการใช้ออกซิเจนที่กำหนด ( Compostable plastics) ทำให้ภายใน ๑-๓ เดือน พลาสติกกลายเป็นปุ๋ยผสม ใช้ปรับสภาพดินให้ร่วนซุยได้
ตัวอย่างขวดที่ย่อยสลายด้วยวิธีการที่ ๕
« « Prev : พลาสติก (๖) : ย่อยสลาย
Next : พลาสติก (๘) : ทำลาย » »
4 ความคิดเห็น
เมื่อโฟมเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย เราน่าจะมีการใช้(ผลิต)พลาสติกที่ย่อยสลายได้มาแทนโฟมที่ใช้เป็นกล่องใส่อาหารนะคะ ไม่ทราบว่ามีแล้วหรือยังค่ะ เรื่องการย่อยสลายและสารอันตรายจากพลาสติกนี้น่าสนใจมาก และน่านำไปร่วมกับสวนป่าในการเผยแพร่ความรู้ควบคู่ไปกับเรื่องอื่นๆที่พ่อครูกำลังทำนะคะ ขอบพระคุณพี่หมอเจ๊ค่ะ
ณ เวลานี้ การลงมือผลิตคงไม่ทันกับกระแสการใช้ค่ะ จนกว่าคนจะรู้ว่า โฟมเป็นอันตรายกับตัวอย่างไร
อนาคตของอุตสาหกรรมพลาสติกย่อยสลายแบบชีวภาพขั้นตอนเดียว กำลังส่อแววรุ่ง แต่กลียุคจะเกิดเรื่องวัตถุดิบ เช่น น้ำตาลกับพลาสติกโฟม แป้งทำขนมกับพลาสติกย่อยสลายได้แบบชีวภาพ พืชจำพวกเมล็ดต่างๆจะมีความหมายขึ้นมาก
เหตุการณ์น้ำมันปาล์มกับไบโอดีเซลที่เป็นอยู่ตอนนี้ แล้วทำให้น้ำมันพืชอื่นๆแพงไปด้วย มะพร้าวก็แพง เป็นบทเรียนมุมหนึ่ง
เหตุทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะที่ดินถูกเปลี่ยนจากการเกษตรไปเป็นโรงแรม บ้านพักตากอากาศ โฮมสเตย์ กันเยอะแยะไปหมด เหลือใช้สำหรับคนไทยอาศัย ไม่พอใช้สำหรับคนไทยทำการเกษตรผลิตวัตถุดิบ
สวนป่าของพ่อครูนั้น เป็นที่บริสุทธิ์ จำเป็นอย่างยิ่งที่ควรจะช่วยกันอย่าให้แปดเปื้อนมลพิษ เท่าที่เห็นก็โอเคอยู่ แต่ความไม่รู้จะทำให้เพลี่ยงพล้ำได้นะคะป้าหวาน เรื่องนี้ยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่รู้ ถ้าจะลองก็ควรลองในกรอบที่รู้แล้วก่อน
เรื่องสารเคมีนั้นประมาทไม่ได้ เพราะไม่มีกลิ่น ไม่ได้หมายความว่าไม่มีอยู่ ไม่เห็นไม่ได้แปลว่าไม่มีอยู่ค่ะ
ขอบพระคุณพี่หมอเจ๊ค่ะ ที่สวนป่า ป้าหวานหมายถึงพ่อครูอาจช่วยเผยแพร่ความรู้เรื่องนี้กับหลายๆสายที่วนเข้าไปหาความรู้ แต่ก็อาจจะเป้นภาระเพราะงานที่พ่อครูทำอยู่ก็มากอยู่แล้วค่ะ แต่ขบวนการอื่นๆคงไม่ก้าวเลยออกไปค่ะ วันที่ไป โคราช ได้ฟังอจ.ท่านอธิบายเรื่อง พลาสติคที่ผลิตโดยแบคทีเรีย เข้าใจว่าก้าวหน้าเป็นอย่างมาก รอฟังและติดตามต่อ ขอบพระคุณพี่หมอเจ๊ค่ะ
เห็นด้วยกับป้าหวานว่า สวนป่าเป็นสถานที่ที่สามารถช่วยเติมความรู้ได้ ความสามารถหลักของสวนป่าช่วยเปิดมุมมองความหวงแหนแผ่นดิน ไว้ทำการเกษตรของคนรุ่นต่อรุ่นได้ดี และที่เห็นว่าควรจะปลูกฝัง คือ สะท้อนคิดเรื่องการจัดการขยะ ที่นำเข้าไปในสวนป่าด้วยความไม่รู้
ระหว่างทางที่พลาสติกผลิตโดยแบคทีเรียเดิมก็ให้สาร ๓ ตัวนี้แหละค่ะ PLA PHA PHB