น้ำท่วม (๓)
มีเรื่องหนึ่งของการส่งต่อที่เราได้รับข่าวสาร ก็คือ ในพื้นที่มีสตรีใกล้คลอดอยู่ด้วย ทีแรกก็กังวลใจกัน เพราะกว่าจะถึงตัวและนำมาดูแลในมือได้ก็ต้องใช้เวลาค้นหาจุดที่อยู่ของเธอ โชคดีที่ไม่เกิดเหตุการณ์เจ็บครรภ์คลอดในพื้นที่นะนี่
กว่าจะทบทวนกันจนรู้ว่ารองรับอะไรได้และมีอะไรต้องหาทางแก้ต่อก็ใช้เวลานานกว่า ๒ ชั่วโมง ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงๆ ฉันนัดทีมงานไว้ว่าจะลงไปสำรวจพื้นที่ศูนย์อพยพไว้ซะด้วยซิ เอายังไงดี เพราะน้องๆเขาก็ต้องเดินทางกลับบ้านกัน แล้วเขาก็ส่งข่าวมาว่าได้ข่าวว่าต้นไม้บ้านเขาหักลงมาด้วย ไม่รู้ว่าบ้านพังหรือเปล่า
ตัดสินใจทันทีว่าเห็นทีต้องให้เขาล่วงหน้ากันไปก่อน ว่าแล้วก็ให้พวกเขาไปดูลาดเลากันก่อน เสร็จประชุมแล้วฉันจะตามไปสมทบ บอกไปว่าไปถึงที่หมายเจอเหตุการณ์อะไรก็ให้ส่งข่าวมาทางโทรศัพท์ จะได้บอกต่อให้หน่วยที่เกี่ยวข้องเตรียมการรับลูกกันต่อไป
มีเรื่องแปลกอีกเรื่องที่สมควรบันทึกไว้ ฝนซึ่งตกหนักมาตั้งแต่เช้านั้นคาดเดาไม่ได้เลยว่าวันนี้จะเห็นท้องฟ้า แต่แปลกมากที่ช่วงบ่ายโมงครึ่งจนถึงบ่ายสองโมงครึ่ง ฟ้าเปิดให้เห็นแสงแดด ไม่ถึงกับเป็นแดดจ๋าจ๊าแสบตาหรอก แต่ก็เห็นเงาแดดเห็นฟ้านะเออ จนเวลาคล้อยเลยมาสี่โมงเย็นแล้วนั่นแหละ ฟ้าจึงมืดลงอีกครั้ง โดยสายฝนยังตกพรำๆ ให้พอเดินตากฝนเล่นได้โดยไม่เปียกซก
อากาศก็เย็นมากๆด้วยนะ ไม่มีลมพัดให้รู้สึกเลย รู้สึกเหมือนว่าความชื้นมันสูงมากๆจนไม่มีลม เพิ่งนึกได้ว่าวันนี้ให้ลูกน้องไปลองวัดความชื้นสัมพัทธ์ที่หอคนไข้แห่งหนึ่งไว้ แต่ไม่ได้เจอกันก็เลยไม่รู้ค่าของมัน
สำหรับจำนวนฝน ได้ยินเสียงเล่าผ่านวิทยุชุมชนโดยผู้ให้ข่าวจากพื้นที่บอกว่า วันนี้ฝนที่ตกอยู่ในราวร้อยกว่ามิืลลิเมตรประมาณนี้แหละ ถ้าเป็นไปได้สงสัยฉันต้องลองวัดดูเองบ้างแล้วละ จะได้รู้จักฝนดีขึ้น
คุยกันเกือบเสร็จแล้ว ลูกน้องก็โทรเข้ามาบอกว่าไปถึงศูนย์อพยพแล้ว แต่ยังหาที่จอดรถไม่ได้ ไปเจอลูกน้องบางคนที่ประสบเหตุเสียหายอยู่ที่ศูนย์บางศูนย์ด้วย ฟังแล้วเศร้า
เลิกประชุมแยกย้ายกันแล้วฉันก็รีบหารถกลับบ้าน นึกเสียดายที่รีบส่งข่าวให้ลูกสาวกลับบ้านไปก่อน วันนี้จะเดินกลับบ้านก็เป็นอะไรที่เวลาไม่ให้ อากาศไม่เหมาะ มีหัวหน้างานคนหนึ่งเดินผ่านมากดเงินใกล้จุดที่รออยู่พอดี ได้ความว่าเขาจะวิ่งรถผ่านหน้าบ้าน ฉันก็เลยขออาศัยร่วมทางไปด้วย ทำให้ได้มีโอกาสเตือนให้เขาตรวจสอบและวางแผนรองรับหากระบบคอมพิวเตอร์ของร.พ.ใช้ไม่ได้เพราะไม่มีไฟฟ้าซะเลย
กลับถึงบ้าน คนในครอบครัวก็รอกันอยู่แล้ว ก็เลยขอให้คุณสามีช่วยหาข้อมูลแหล่งน้ำให้ด้วย เล่าให้ฟังว่าร.พ.จะมีปัญหาอย่างไร เรื่องแหล่งน้ำสำรองในพื้นที่เกิดปัญหาอะไร เตรียมพร้อมตัวเองเรื่องท้องด้วยโอวัลตินหนึ่งกล่องแล้วก็พาตัวออกจากบ้าน ตามหลังลูกน้องไปที่ศูนย์อพยพ แล้วก็ได้รับข่าวส่งมาว่ามีศูนย์อพยพแล้ว ๓ ศูนย์
ทั้ง ๓ แห่งตั้งอยู่ในบริเวณตำบลกระบี่ใหญ่ทั้งหมด จุดใหญ่ที่สุดอยู่ที่วิทยาลัยพละศึกษา ทีแรกมีคนไปอาศัยอยู่ราว ๔-๕๐๐ คน แล้วแออัด เทศบาลก็เลยแยกคนกลุ่มหนึ่งไปอยู่ที่ศูนย์ใหม่ เหลือคนที่นี่อยู่ราวๆ ๒๐๐ คน ศูนย์ที่ ๒ อยู่ที่โรงเรียนเทศบาล ๑ จำนวนราวๆ ๒๐๐ คน ศูนย์ที่ ๓ อยู่ที่วัดควนสบายราวๆ ๒๐๐ คน และอีก ๒ ศูนย์ อยู่ที่โรงเรียนเทศบาล ๓ และวัดแก้วโกรวารามจำนวนศูนย์ละ ๕๐ คน เบ็ดเสร็จรวมแล้ว ๗๐๐ คน จำนวนคนฟังแล้วก็มากโขอยู่นะนี่
รายงานต่อมาที่รับรู้จากน้องๆก็คือ มีคำขอความช่วยเหลือเรื่องยา แต่ไม่ชัดเจนว่าใครขอ และเป็นยาอะไร เมื่อตามหลังน้องๆเข้าไปที่ศูนย์ที่ใหญ่ที่สุด แล้วก็แปลกใจกับจำนวนคน ดูเผินๆแล้วไม่น่าเชื่อว่าที่นี่จะมีคนถึง ๒๐๐ คนอย่างที่ได้ยินคำบอก ก็เป็นอะไรที่ต้องมาเช็คกันใหม่อีกครั้งเรื่องจำนวนผู้ต้องการความช่วยเหลือ
บุคคลแรกที่พบปะหน้าตาตรงที่แห่งนี้ก็เป็นน้องเจ้าหน้าที่เทศบาล เดินผ่านเข้าไปก็ปะหน้าพี่พิเชษฐ์ รองปลัดเทศบาลที่คุ้นเคยกัน สีหน้าของพี่เขาดูออกว่าดีใจที่เห็นหน้ากัน คำแรกที่เอ่ยจากปากให้ได้ยินก็คือ หมอมาแล้ว มีเรื่องขอช่วยเรื่องยาพอดี คุยกันสักพักจึงได้รู้ว่า ข้อมูลที่น้องๆได้มาเรื่องจำนวนคนมาจากทีมเทศบาลนี่เอง
พี่พิเชษฐ์ให้ข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่กองสาธารณสุขแวะมาดูที่นี่แล้วและกลับไปแล้ว ไม่มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำอยู่ที่นี่ ก่อนหน้าฉันจะมาก็มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขมา ฉันก็เลยแจ้งว่าที่มานั้นเป็นทีมงานของฉันเอง
ระหว่างคุยก็เห็นเจ้าหน้าที่ร.พ.คนหนึ่งเดินอยู่ ชวนมาคุยก็ได้ข้อมูลจากเขาว่า มีน้องๆหลายคนที่พบปัญหาแล้วมาพักอยู่ที่นี่ ตัวเขานั้นแวะมาให้ความช่วยเหลือบางอย่างอยู่ก่อนหน้า
สอบถามน้องๆที่มาอยู่ที่นี่ว่าได้รับความช่วยเหลืออะไรไปบ้าง ส่งข่าวให้รู้ว่าโรงพยาบาลเตรียมการช่วยเหลือกันแล้ว พรุ่งนี้จะเริ่มลงมือกัน ดูสายตาพวกเขาแล้วก็ดูเหมือนว่าการให้ข่าวความช่วยเหลือที่เตรียมไว้ให้ ไม่ได้ช่วยให้เขาสบายใจขึ้นเท่าไรเลย สีหน้าและแววตาที่เห็นบอกให้รู้ว่ามีอีกหลายอย่างซ่อนอยู่ในใจ แต่ก็ไม่ใช่เวลามาซักถามกัน
เมื่อรู้ว่าความช่วยเหลือที่เขาได้รับกันมีแค่เสื้อผ้าแห้งชุดเดียว ผ้าห่ม และเสื่อ ผ้าห่มก็ได้มาแบบต้องใช้ร่วมกันมากกว่าหนึ่งคน ฉันก็ตัดสินใจได้ว่าจะทำอะไรต่อไป ตรวจสอบเรื่องอาการเริ่มป่วยในกลุ่มของเขาว่ามีใครเริ่มมีอาการไม่ปกติบ้างก็พบว่ามีเรื่องปวดหัว ตัวร้อนกันบ้างแล้ว ได้รู้ว่าน้ำใช้สอยที่นี่ก็ขาดแคลนไม่เบาเหมือนกันเมื่อเขาบอกว่าไม่มีน้ำให้อาบตั้งแต่เช้า ได้ข้อมูลพอสมควรให้มีเรื่องทำต่อไปก็บอกพวกเขาว่า ขอไปที่ศูนย์อื่นก่อนเดี๋ยวจะกลับมาใหม่ แล้วก็จากมา
ตระเวณต่อไปที่ศูนย์วัดควนสบายต่อ เพราะพี่พิเชษฐ์ฝากว่าให้ช่วยมาดูแลพระที่นี่ด้วย เข้าไปในวัดแล้วก็เห็นคนจำนวนหนึ่งกำลังเลือกเสื้อผ้าที่มีคนนำมาบริจาคให้ กวาดตาดูก็แปลกใจไม่เห็นถึง ๒๐๐ คนอย่างที่ได้ข้อมูลเลย แต่เมื่อหวนมาดูเวลาที่กำลังพาตัวไปอยู่ตรงนั้นก็ตัดสินใจว่า อย่าเพิ่งเลยที่จะฟันธงว่า คนที่นี่มีไม่มากอย่างที่เห็น เพราะตอนนี้เวลามันเกือบๆทุ่มเข้าไปแล้ว แถมยังเย็นยะเยือกด้วย เจอเรื่องเหนื่อยมากันตั้งแต่เช้า ใครจะมีแก่ใจมาโชว์ตัวให้เห็นกันเล่า คงแอบไปหาที่หลับที่นอนที่ไหนกันแล้วในวัดนี่แหละ เวลานี้มันมืดแล้วจะบุกกุฏิพระก็ไม่ดีหรอกนะ คิดแล้วก็ถอยรถวิ่งย้อนเข้าไปที่ถนนอีกเส้นไปที่ศูนย์อีกแห่ง
ที่ศูนย์นี้ใช้อาคารเรียน ๓ ชั้นรับผู้อพยพไว้ ผู้คนส่วนใหญ่ที่มาพำนักอยู่ที่นี่ก็คือบรรดาพรรคพวกอสม.นี่เอง ดูเหมือนศูนย์นี้ได้รับการดูแลอู็ฟู่กว่าศูนย์อื่นๆ ที่พูดอย่างนี้ก็เพราะเห็นมีความพร้อมในหลายๆเรื่องอยู่จะจะตา ทั้งหยูกยาสำหรับผู้ใหญ่และเด็กวางเรียงตรงหน้า
หลังแถวที่อสม.นั่งกันอยู่ก็มีกองเสื่อ เสื้อผ้ารับบริจาควางกองอยู่สูงระดับเอว เหลือรอไว้แจก อาหารการกินมีให้เลือกได้และมีให้กินจนอิ่มท้อง และยังมีเหลือให้คนมาทีหลังอีก ไม่เหมือน ๒ ศูนย์ที่ผ่านมาที่เห็นแต่คนไม่เห็นของเลย
หันมองไปรอบๆก็ไม่เห็นทีมงานสาธารณสุขของเทศบาล มิน่าพี่พิเชษฐ์จึงเอ่ยขอความช่วยเหลือเรื่องยา เจ้าหน้าที่กองสาธารณสุขเขาทำงานไม่ทันนี่เอง อย่างนี้พรุ่งนี้ก็มีเรื่องต้องนำไปคุยกันต่อเรื่องทำงานเสริมกันที่ร.พ.แล้วละ
คุยทักทายกับอสม.ได้สักครู่ ฉันก็พาตัวออกมาเพื่อไปสำรวจศูนย์ต่อไป ก่อนออกมาก็ติดคำขอความช่วยเหลือมาด้วยหนึ่งเรื่อง คือ อสม.อยากได้แปรงสีฟันและยาสีฟัน ออกมาไกลแล้วจึงนึกขึ้นได้ว่า ที่ศูนย์แรกเขาว่าไม่มีน้ำใช้ มาที่ศูนย์นี้ลืมถามไปซะนี่ แล้วก็แวบว่าเกิดโจทย์ใหม่ให้ใคร่ครวญแล้วซิ ถ้าหากเรื่องของน้ำใช้ขาดแคลน เรื่องของช่องปากกับแปรงฟัน-ยาสีฟันจะแก้ปัญหาอะไรได้นะ พรุ่งนี้ถามหมอฟันดูหน่อยดีกว่า
วิ่งรถผ่านเลยศูนย์ที่ ๔ ไปเพราะเข้าใจผิด ไปแล้วเห็นประตูปิดนั่นแหละจึงรู้ว่าไปผิดที่ ย้อนกลับมาที่ศูนย์ได้แล้วก็ไม่พบเห็นผู้คนแล้ว เหลือบดูนาฬิกาก็เป็นเวลาเลยไปเกือบ ๒ ทุ่มแล้ว ยังมีอีกศูนย์ที่ยังไปไม่ถึงก็เลยตัดสินใจไปต่อ
ศูนย์สุดท้ายที่แวะไปดู ปรากฏว่าอยู่ในวัดแก้วโกรวาราม วัดกลางเมือง คนที่นี่อพยพมาจากหมู่บ้านหมู่เดียวกันทั้งหมด และอยู่นอกเขตเทศบาล เขาบอกว่าเทศบาลจัดที่นี่ให้พวกเขามาพักอยู่ มีอาหารและน้ำดื่มแล้ว มีคนท้องอยู่ด้วย ๒ คน ไม่ใช่คนท้องแก่ เด็กอายุน้้อยที่สุดคือ ๓ เดือน เด็กกับผู้ใหญ่อยู่ในราวๆ ๑ : ๓ เทียบกับศูนย์แรกแล้วที่นี่มีเด็กมากคนกว่าและวัยเล็กกว่า
สอบถามได้ความว่า เริ่มมีคนป่วยเป็นไข้แล้ว ๒ คน ต้องการความช่วยเหลือแค่เรื่องยาและยาทากันยุง เรื่องอื่นๆไม่มีอะไรที่ต้องการ
ก่อนผละมา ก็มีป้าคนหนึ่งได้ยินคำถามว่า มีใครคันผิวหนังมั๊ย ก็ชวนไปดูหลังของหลานแก ฉันจึงรู้ว่าที่สื่อสารไปนั้นทำให้เกิดความเข้าใจผิดไปบ้าง สิ่งที่เห็นต่อหน้าเป็นเรื่องโรคผิวหนังที่เด็กเป็นมาก่อนที่จะเกิดน้ำท่วม ที่ฉันถามนั้นหมายถึงคันจากโรคน้ำกัดเท้า คนละเรื่องกันไปเลย เห็นแล้วก็ได้แต่บอกแกไปว่าอย่างนี้คงต้องให้ไปร.พ. กลับมาแล้วก็นึกขึ้นได้ว่า เออ เขาจะไปยังไง ไม่มีอะไรอยู่กับตัวเลย นอกจากเสื้อผ้า ก็รู้สึกผิดเล็กๆ
ได้ข้อมูลทุกแห่งแล้วก็ตรงดิ่งเข้าตลาดไปทำสิ่งที่ตัดสินใจไว้ แวะซื้อผ้าห่ม เสื้อผ้า ไปเพิ่มให้เจ้าหน้าที่ จึงได้พบว่า ผ้าห่ม กางเกงเล หมดร้านไม่มีให้ตามจำนวนที่ต้องการซะแล้ว ได้เรียนรู้เรื่องการค้าว่า ณ เวลาที่ผู้คนเดือดร้อน มีคนยินดีซื้อของไปบริจาคแบบสินค้าขายดีแบบเทน้ำเทท่าอย่างนี้ คนค้าขายเขาก็ยังยืนราคาสินค้าแบบไม่มีลดแลกแจกแถมกันเลยแฮะ ทีแรกก็เกือบจะฟันธงในแง่ลบแล้วละ แต่พอได้ความคิดว่าของที่เขาซื้อมานั้นมีเงินต้องลงทุนไปก่อนอาจจะยาวนานก็ได้ ถ้าลดราคาเขาคงจะขาดทุน คิดต่อไปอีกว่า เออหว่า ใครทำอะไรเดี๋ยวก็ได้สิ่งนั้นตอบแทนเองแหละ ก่อนจะวางความคิดลง
ได้ของที่ต้องการแล้วก็แวะกินบะหมี่หนึ่งชาม แล้วแวะเข้าร.พ.เพื่อรับยาสามัญประจำบ้านที่บอกห้องยาเตรียมให้ก่อนออกไปที่ศูนย์ ค้นยาทากันยุงและสเปรย์ฉีดยุงที่สำรองไว้สำหรับออกพื้นที่เพื่อควบคุมไข้เลือดออก ได้ตามต้องการแล้วก็บึ่งรถกลับไปให้ที่ศูนย์วัดแก้ว และศูนย์วิทยาลัยพละศึกษา มอบของให้ผู้คนแล้วก็สั่งความว่าพรุ่งนี้จะส่งพยาบาลในทีมมาเยี่ยมใหม่ มีอะไรจะให้ช่วยก็ฝากข่าวไปได้
ระหว่างรอกินบะหมี่ ลูกน้องก็โทรมาถามข่าวว่าพรุ่งนี้จะให้ทำอะไรต่อ ชี้แจงเรื่องที่ต้องเตรียมทำไปว่าให้ส่งคนออกมาเยี่ยมศูนย์ที่เทศบาลดูแลไม่ทั่วถึงเพื่อค้นหาปัญหาที่ชาวบ้านต้องการความช่วยเหลือ แล้วให้ส่งข่าวเข้าวอร์รูม
สอบถามเรื่องราวจากลูกน้องอีกคนเรื่องข้อตกลงร่วมกันเรื่องการทำงานเกี่ยวกับคนป่วยกับทีมงานสาธารณสุขเทศบาลว่าเป็นอย่างไร ได้ความว่า มีแค่เรื่องการสนับสนุนกันเรื่องการรับคนป่วยไปส่งร.พ. เรื่องอื่นๆยังไม่เคยคุยกันจริงจัง ก็ถือว่าเป็นข้อมูลอีกมุมที่ฉันควรนำไปใช้ตัดสินใจกับการจัดการต่อ
เมื่อทำสิ่งที่ตัดสินใจทำเกือบเสร็จแล้ว ระหว่างรอยาที่เตรียมไว้ ก็มีโทรศัพท์มาหา แนะนำตัวว่าเป็นสามีของจิ๋ม นึกอย่างไรก็นึกไม่ออกว่าใครกันหว่าจิ๋มที่ว่านี้ แต่ก็คุยต่อเนื่องกับสายที่เข้ามาได้จนจบลง ปรากฏว่าทั้งหมดเป็นฝีมือประสานงานของคุณสามี เธอติดต่อไปยังผู้ที่เธอรู้จักในพื้นที่จนได้อัศวินม้าขาวมาช่วย
ไม่ต้องแปลกใจ คนที่โทรมาถือว่าเป็นอัศวินม้าขาวเลยค่ะ เรื่องที่บอกมาคือ “หมอ ผมปรึกษาเจ้านายแล้วนะ เจ้านายบอกว่าเรื่องของความช่วยเหลือที่จะให้ โรงพยาบาลสำคัญกว่าที่ไหนทั้งหมด พรุ่งนี้ กฟผ.กระบี่จะไปส่งน้ำให้ที่โรงพยาบาล ๙ โมง” ฟังแล้วดีใจขนาดหนักเลยเชียว รีบโทรแจ้งรองฯบริหารและเจ้านาย ปรากฏว่าเจ้านายติดสายจากส่วนกลาง คุยด้วยไม่ได้แต่จะโทรกลับ
ให้โทรศัพท์เพื่อให้ ๒ ฝ่าย คือ รองฯบริหารกับผู้ปรารถนาดีได้คุยกันโดยตรงแล้ว เจ้านายก็โทรกลับมา รายงานไปว่าได้นาคมาให้น้ำแล้วพรุ่งนี้ เจ้านายก็แจ้งข่าวดีเพิ่มมาอีกระลอกว่า น้ำดื่มมาถึงแล้ว ทางภูเก็ตมาส่งให้
รายงานข่าวเรื่องของศูนย์อพยพให้ได้รู้สถานการณ์ แล้วก็พาตัวเข้าบ้าน เจอคุณสามีนั่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ไม่พูดจาอยู่หน้าจอคอมฯ ส่งเสียงบอกให้รู้ว่า ได้รับการติดต่อเรื่องน้ำแล้วด้วยความขอบคุณ เธอก็ยังทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ให้เห็นอีก….อืม….อัศวินม้าขาวนี่เขาชอบใส่หน้ากากเนอะ..อิอิ
พรุ่งนี้มีงานทำต่อ มีสิ่งที่คาดเดาว่า เรื่องยาที่จะต้องใช้ น่าจะขาดบางรายการเพราะในคลังที่มีมีอยู่น้อย ยาที่อาจจะต้องการความช่วยเหลือคงเป็นยาทาแก้น้ำกัดเท้า ครีมเสลดพังพอนสำหรับทาแก้คัน ยาหม่อง ยาดมอะไรเหล่านี้แหละ เพราะว่ายากลุ่มนี้ร.พ.ใช้ไม่บ่อย
ยาอีกกลุ่มที่จำเป็นต้องใช้ก็เห็นจะเป็นยาทากันยุงกัด ทรายอะเบท ยาฉีดยุง ก็ฝนอย่างนี้ยุงชุมด้วยนี่นา ไม่จัดการเดี๋ยวไข้เลือดออกก็ตามมามากมายซิ ยากลุ่มนี้มีไม่พอใช้หรอก เพราะเอาเงินไปซื้อยาช่วยชีวิตคนมากกว่า ใครจะช่วยก็ส่งมาได้นะคะ
3 ความคิดเห็น
โห อ่านระทึก
แบบนี้จับหมอมาเล่าตอนมาเฮโคราชน่าจะดี
รายละเอียดที่เล่ามาสุดยอด
ข้อมูลในมุมของแต่ละหน่วยงานนี่แหละน่าสนใจ
เพิ่งจะรู้ว่า โรงพยาบาลรับเละทุกเรื่อง
สู้ๆๆๆๆๆ
อ.ทวิช ฝากหนังสือไว้ให้หมอเจ๊เล่ม1
พี่สาวตาเหนื่อยไหมคะ
พี่ต้องการยาหรืออะไรที่อยากให้ส่งให้หรือเปล่าคะ
เป็นกำลังใจให้ทุกท่านค่ะ. ดูแลตัวเองด้วยนะคะพี่ตา