เหยียบตะวันออก

อ่าน: 1734

วันนี้ตื่น ๖ โมงครึ่งจึงมีเวลาจัดการตัวเองก่อนออกเดินทางไปยังที่นัดหมายไม่มาก ไม่ได้เดินทางคนเดียวเหมือนเคยแต่มีเพื่อนจากภาคใต้ ๓ คน มีน้องซอล (ไพศาล อาแซ) ปาเรซ(มูฮำมัดปาเรซ โลหะสัณห์)  การิม (อับดุลการิม รามันห์สิริวงศ์) เดินทางไปพร้อมกัน

ที่ศูนย์ราชการมีรถบัสคันใหญ่ ๒ คันรออยู่แล้วพร้อมเพื่อนๆหลายคน ส่งกระเป๋าไปให้ติด tag ให้ แล้วก็ขึ้นรถไปเลือกที่นั่ง โชคดีที่มีที่นั่งริมหน้าต่างว่าง เพื่อนๆพี่ๆกลุ่มหนึ่งกำลังโซ๊ยข้าวเหนียวนึ่งหมูทอดเป็นอาหารเช้ากันอยู่อย่างเอร็ดอร่อยบนรถ

ที่จุดนัดพบในศูนย์ราชการยามเช้าของวันเดินทาง บรรยากาศเป็นอย่างนี้แหละ

ถึงเวลา ๘ โมงพวกเราก็เริ่มออกเดินทาง เช้านี้ถนนแจ้งวัฒนะไม่ใคร่มีรถวิ่งบนถนน รถวิ่งได้สักครู่ฝนก็พรมลงมาแต่ไม่หนัก เป้าหมายแรกที่จะเดินทางไปให้ถึงคือ นิคมมาบตาพุด

จ่ายแจกเสบียงแก้หิวให้กันแล้ว กิจกรรมภายในรถก็เริ่มขึ้น น้องยะ(สุริยะ ดีตะวันฉาย)ชวนฟังเพลงจากดีวีดีที่เขาผลิตขึ้น ตามมาด้วยพี่ดวง(ดวงกมล ทรงวุฒิชัย)สลับฉากกับลุงเอกชวนคุยยามเช้า สมาชิกในรุ่นหลายคนออกมาแลกเปลี่ยนเล่าสู่กันฟังยามเช้าด้วย พี่สืบ (สืบพงษ์ ม่วงชู) เริ่มเป็นคนแรก ต่อด้วยอาจารย์โฉ (ดร.ปาริชาติ สถาปิตานนท์) น้องทร (พันตำรวจเอก สุนทร เฉลิมเกียรติ)  และอาจารย์แดน (ดร. เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์)

การจราจรบนถนนเมืองกรุงในเช้าวันนี้เบาบางกว่าที่คาดทั้งๆที่มีฝนตกพรมๆลงมาด้วย

วิ่งมาสักครู๋รถก็จอดพักริมทางด่วนจุดที่ ๑ ใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณ ๑๕ นาทีจึงเดินทางต่อ คุณติ๋วซึ่งแจ้งว่าจะมาช้าจึงตามมาสมทบกันที่นี่ได้ทัน

บนถนนสายมาบตาพุดมีรถวิ่งไม่มาก บนฟ้าครึ้มแน่นไปด้วยเมฆสีขาวปนสีเทาคล้ายเมฆฝน ไม่มีลม เห็นเมฆคล้ายเมฆฝนครึ้มไปหมด มีไม้ต้นใหญ่ปลูกเรียงรายกันอยู่สองข้างทางที่รถวิ่งผ่าน เป็นไม้กระถินที่ปลูกเป็นทิวแถวบ้าง เป็นไม้สักปลูกห่างๆบ้าง ขึ้นอยู่ติดถนนบ้าง ขึ้นบนเนินดินสันถนนบ้าง สลับกันไป

แวะพักซะหน่อยให้คนอายุน้อย(ลง) ได้ยืดเส้นยืดสาย เฮ้อ สบาย!

๑๑ โมงเศษ รถก็วิ่งมาถึงป้ายแนะนำตัวเองของนิคมมาบตาพุดซึ่งอยู่ตรงปากทาง ทางเลี้ยวเข้าสู่นิคมฯเป็นถนนที่ว่างยานพาหนะ ตลอดเส้นทางมีต้นไม้เขียวชะอุ่มเรียงรายอยู่ทั้งบนเกาะกลางถนนและสองข้างทาง

เมื่อเข้าสู่เส้นทางภายในของนิคมฯจริงๆ สิ่งแรกที่ตาเห็น คือ ท่อที่มีโยงใยเต็มไปหมด รถพาวิ่งผ่านปากทางนิคมอุตสาหกรรมผาแดงซึ่งเป็นกิจการของเอกชน ตรงไปลานจอดรถรอบห้องประชุมสมเจตน์ สำนักการนิคมอุตสาหกรรม ที่ห้องประชุมคุณจ๋า (เยาวนุช จิตตินันทน์ ) และทีมรอพวกเราอยู่แล้ว

เช้านี้พวกเรามารับฟังข้อมูลจากนักวิชาการอิสระและฝ่ายโรงงาน ได้ฟังเรื่องมาตรา ๖๗ วรรคสอง เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ EIA (Environmental Impact Assessment) และ HIA (Health Impact Assessment) ที่ผู้พูดได้มาชี้มุมให้พวกเราได้เห็นปมของความเป็นไปได้ในการดำเนินการตามกฎหมาย

ได้รับรู้อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการองค์กรอิสระที่มีส่วนในการให้ความเห็นที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งขั้นตอนของการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมสำหรับโครงการหรือกิจการที่อาจส่งผลกระทบต่อชุมชนรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ

ถึงแล้วก็ตรงดิ่งไปห้องประชุมรับรู้ที่ไปที่มาและความเป็นไปของการจัดการลดความขัดแย้งจากผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่าย

ได้รู้จักคำใหม่อีกคำ SEA (Strategic Environmental Assessment) ตลอดจนลักษณะของโครงการที่คณะกรรมการองค์กรอิสระเกี่ยวข้องว่ามีทั้งโครงการที่ต้องเสนอขอรับความเห็นจากคณะรัฐมนตรีและไม่ต้องเสนอ

ฟังกันจนเกือบบ่ายจึงพักกินข้าวกัน มื้อนี้พวกเรากินข้าวกันที่สโมสรของนิคมฯ อาหารที่จัดไว้ให้มีข้าวหมกไก่ต้มและบะหมี่ อิ่มแล้วก็กลับมาที่ห้องประชุมกันใหม่

รอบบ่ายผู้ว่าราชการจังหวัดระยองให้เกียรติมาเล่าประสบการณ์ระหว่างทำหน้าที่อยู่ที่นี่ให้ฟัง สิ่งที่บอกเล่าบอกความเป็นผู้มีประสบการณ์ตรงที่ทำงานคลุกกับปัญหาจริง เมื่อท่านเล่าจบแล้ว คิวต่อมาก็มีผู้ทำงานเกี่ยวข้องกับกนอ.มาเล่าประสบการณ์ให้ฟัง

ต่อจากนั้นพวกเราก็ไปดูสถานที่จริง ไซด์ที่พวกเราได้เข้าดูสถานที่จริงในนิคมฯเป็นไซด์ของปตท.และ SCG

มองไปรอบๆนิคมฯแล้วเห็นแต่โลหะรูปร่างกลมบ้าง เป็นแท่งบ้าง เต็มไปหมด

รถพาเราวนไปดูพื้นที่ต่างๆโดยพวกเรามองผ่านหน้าต่างรถได้เท่านั้น มีเจ้าหน้าที่ของนิคมฯร่วมทางมาในรถเพื่อให้ข้อมูลด้วย ได้ยินเสียงเพื่อนๆป้อนคำถามอยู่แว่วๆ แต่ภายในรถมีเสียงดัง จุดที่ฉันนั่งจึงไม่ได้ยินว่า่เจ้าหน้าที่นิคมฯเล่าอะไรให้ฟัง

ดูสถานที่ที่นิคมฯอนุญาตให้ดูครบจุดแล้ว พวกเราก็แยกตัวเดินทางไปที่พัก โรงแรมที่พักที่เช่าไว้หรูหรามาก มีครัวในห้องพักด้วย ห้องนอนใหญ่มากกกกกกกกกก นอนได้ทั้งครอบครัวสบายๆ

๑๕ กันยายน ๒๕๕๓

« « Prev : นมัสเตอินเดีย

Next : เจตนารมย์เพื่อชุมชนนะจ๊ะ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2 ความคิดเห็น

  • #1 ทวิช จิตรสมบูรณ์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 16 มกราคม 2011 เวลา 19:10

    ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่นักลงทุนแห่มาลงทุนในประเทศไทยนั้น ก็คือ เรื่องการบังคับใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อมนี่แหละครับ ในอารยประเทศ งบลงทุน และดำเนินการด้านนี้สูงมาก อาจถึง 30% ของงบทั้งหมด

    พอมาไทย ลดเหลือเพียง 5% ก้ได้กำไรเพิ่มขึ้น 25%

    ปกติกำไร 5% ของงบลงทุน พอมาได้เพิ่ม 25% ก็ได้กำไร 30% เท่ากับว่ากำไรเพิ่มขึ้น 6 เท่า

    นี่มันยิ่งกว่ายูโตเปียนะครับ

    พอขรก.ไทยมาตรวจแต่ละปี ก็ยัดเงินกัน 1-10 ล้านแล้วแต่ขนาดของโรงงาน คิดเป็น 1% ของผลกำไร ขนหน้าแข้งไม่ร่วง แต่ปลาไทยไม่มีที่วางไข่ ตายกันหมดอ่าวไทย ชาวประมงรายได้ลดลง 10 เท่า

    ไอ้ปลาที่พอจับได้ก็เต็มไปด้วยสารพิษจากโรงงานต่างชาติ ตายกันระนาว สังเวยความโง่ของนักการเมือง และ ดร. เศรษฐศาสตร์ที่ส่งเสียไปเรียนกลับมาด้วยทุนจากภาษีชาวนาอีสาน

  • #2 สาวตา ให้ความคิดเห็นเมื่อ 17 มกราคม 2011 เวลา 1:11

    ไปเห็นไปรู้เรื่องราวของที่นี่ แล้วนึกถึงบาปกรรมที่คนตัดสินใจจะได้รับผลในบั้นปลายชีวิตขึ้นมาเลย

    เห็นแล้วก็รู้สึกปลงกับความเป็นผู้นำของคนในอดีต รู้น้อยแล้วเชื่อตัวเองว่ารู้มาก จึงพาคนจำนวนมากมาจนมุมอย่างไม่ควรเป็นเลย

    บทบาทคนรุ่นหลังในการจัดการปัญหาที่นี่หนักหนาจริงๆค่ะ

    ทราบมาเลาๆเหมือนกันว่ารายได้จากที่นี่เป็นแสนล้านเลยเชียว แต่ข้อมูลจริงๆตอนมาดูงานคราวนี้เขาไม่ได้บอกค่ะ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.085922002792358 sec
Sidebar: 0.25987696647644 sec