สนใจหน่อยน่า

อ่าน: 1487

พวกเราใช้เวลาอยู่ที่ Gandhi Smrti อยู่ประมาณชั่วโมงเศษๆ  ก็เคลื่อนขบวนไปกินอาหารกลางวัน วันนี้มีโปรแกรมสำคัญที่ได้คิวแทรกมาให้ได้ใช้เวลาเรียนรู้ เป็นโอกาสสำคัญที่ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดีของทุกคน ซึ่งได้เวลานัดหมายมาเป็นช่วงบ่ายของวันนี้

ร้านอาหารที่เราไปเติมท้องกันให้อิ่มเป็นร้านเล็กๆชื่อฟูจิยะ บรรยากาศภายในสบายๆ คนไม่มากนัก  ดูๆไปแล้วร้านนี้จัดร้านคล้ายร้านอาหารญี่ปุ่น อาหารที่จัดมาให้วันนี้เป็นเซ็ทเมนูคล้ายอาหารไทย รสชาดอาหารที่เสิร์ฟ ชิมดูแล้วฝีมือยังแพ้กุุ๊กไทย

ผ่านไปที่ถนนไหนๆของเดลีก็จะเห็นการให้โอกาสทำอาชีพที่รัฐบาลอินเดียให้กับคนของเขา ไม่เอาแต่รักษาหน้าตา

พูดถึงร้านอาหารในอินเดีย ภาคธุรกิจเขาว่าร้านอาหารไทยยังมีอยู่น้อย ทั่วอินเดียมีแค่ ๘๐ ร้าน และเป็นร้านที่มีขนาดเล็ก

ได้ยินว่าที่กรุงเดลีร้านส่วนใหญ่ไปแฝงตัวตั้งอยู่ในโรงแรมระดับ ๔-๕ ดาว เมืองที่มีร้านอาหารไทยมากหน่อยก็จะเป็นเดลีและมุมไบ

ทุกอย่างเป็นอาชีพสุจริต แม้จะต้องนั่งกินข้างถนน ก็ไม่เห็นจะต้องรู้สึกอายใครเลย

ภาคธุรกิจเมืองไทยวิเคราะห์ว่า ยังมีเมืองอื่นๆที่มีศักยภาพให้ผู้ประกอบการไทยขยายธุรกิจร้านอาหารไทยได้อีกมาก ตัวอย่างเช่น เมืองโกลกัตตาที่พวกเราได้ผ่านมาแล้ว บังคาลอร์ซึ่งเป็นเมืองเศรษฐกิจ รายได้สูงจากธุรกิจคอมพิวเตอร์

สังเกตเห็นในวันนี้ว่าลูกค้าที่เดินเข้าร้านมิได้มีแต่พวกเรา มีชาติอื่นเข้ามาด้วยพอสมควร ลูกค้าคนอินเดียมีบ้าง สิ่งที่เห็นบอกใบ้ว่าคนอินเดียเริ่มออกมารับประทานนอกบ้านบ้างแล้ว

บรรยากาศร้านฟูจิยะเป็นอย่างนี้ โปร่งโล่ง มีรถราไม่มากนัก หม้อไฟร้อนมีเกี๊ยวใส่เส้นหมี่ให้ลอง รสชาดไม่ถูกกับลิ้นฉันเลย

ท่านทูตได้เล่าไว้ว่าจะมาลงทุนที่นี่ คนที่มาควรศึกษาอินเดียให้มาก เพราะมีระเบียบในด้านธุรกิจหลายเรื่อง

ผู้รู้ด้านธุรกิจบอกมาว่า อินเดียให้นักลงทุนต่างชาติถือหุ้นในธุรกิจร้านอาหารได้ไม่เกิน ๔๙ % ของทั้งหมด

ร้านอาหารที่จะลงทุนก็ต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล อาคารสถานที่ที่จะเปิดร้านจะใช้เช่าหรือเป็นเจ้าของก็ต้องยื่นขอใบอนุญาตเปิดร้านอาหารพร้อมหลักฐานการเป็นนิติบุคคลกับเทศบาลแต่ละเมือง


หน้าตาอาหารออกมาอย่างนี้ ไม่รู้ว่าเป็นวัสดุดิบหรือเปล่า ถ้าใช่บ้านเราก็ยังมีโอกาสทำการตลาดในอินเดียได้อีกมาก

และถ้าต้องการจำหน่ายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ด้วยก็ต้องยื่นขออนุญาตต่างหาก

กฎระเบียบด้านสุขอนามัยของร้านอาหาร เทศบาลของแต่ละเมืองก็แตกต่างกัน

ที่แน่ๆครัวที่ใช้ประกอบอาหารต้องสะอาดและปราศจากสัตว์ที่เป็นพาหะของโรค ไม่ว่า แมลงวัน หนู แมลงสาบ ฯลฯ

เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานด้านสาธารณสุขของแต่ละเมืองจะออกมาสุ่มตรวจเป็นประจำ


ทางสัญจรเพื่อไปตามนัด ตลอดทางมีสีเขียวให้มองคล้ายๆแถวสวนลุมบ้านเรา

ไม่ใคร่รู้ว่าร้านอาหารไทยในอินเดียมีระบบแฟรนไชส์หรือเปล่า รู้แต่ว่าแฟรนไชด์อาหารจานด่วนอย่างเช่น แมคโดแนล ขายดี

ท่านทูตเคยให้ข้อมูลว่ามีร้านอาหารไทยที่เริ่มใช้ระบบแฟรนไชด์แล้วชื่อร้าน บางกอก นัมเบอร์วัน ร้านแรกตั้งขึ้นที่ในเดลีนี่เอง

อีกร้านที่เขาว่ามาแรงในอินเดียและคิดจะเปิดแฟรนไชด์คือร้านอิษฎา ร้านแรกตั้งขึ้นที่เมืองไฮเดอราบัดที่พวกเราได้ผ่านกันมาแล้ว ร้านนี้มีสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศไทยที่ถนนอโศก

สภาพจราจรยามฝนตกในวันที่เราใช้งาน รถไม่ติดเป็นตังเมเหมือนบ้านเรา

บรรยากาศระหว่างกันและกัน หลังจากใช้ชีวิตด้วยกันมาหลายวัน

คนไทยที่ไปตั้งร้านอาหารเล่าให้ฟังว่าทุนเริ่มต้นไม่มาก เริ่มต้นที่หลักแสนก็ทำได้

ร้านอาหารที่เกิดได้ง่ายส่วนใหญ่แล้วเจ้าของร้านเป็นลูกครึ่งไทย-อินเดีย

หลังจากที่อิ่มท้องกันแล้ว ก็ทะยอยตามกันออกมา รวบรวมพลแล้วเดินทางต่อไปยังเป้าหมาย สำนักงานกกรรมการการเลือกตั้งอินเดีย ที่นัดหมายสำคัญในภาคบ่าย

ในที่สุดก็มาถึงแล้วที่นัดหมายพิเศษของพวกเรา งานวันนี้จะได้เรียนอะไร ตื่นเต้นจัง ใช่ไหมพวกเรา

๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๓

« « Prev : ฮีโร่ตัวจริง

Next : เยี่ยมกกต.อินเดีย » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

ความคิดเห็นสำหรับ "สนใจหน่อยน่า"

ไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.4929780960083 sec
Sidebar: 0.14359784126282 sec