incredible india
แล้วท่านทูตก็นำพาให้มองเห็นมุมใหม่ของการขับเคลื่อนความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอินเดีย ท่านเล่าว่าอินเดียมีบทบาทในอาเชียนสูง โดยเป็นประเทศคู่เจรจาอาเชียนในปี พ.ศ. ๒๕๓๘ (ค.ศ. ๑๙๙๕) ก่อนลงนามใน FTA ปี พ.ศ. ๒๕๕๑ และในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ นี้เขาก็จะจัดงานฉลองความสัมพันธ์อาเชียน-อินเดียครบรอบ ๒๐ ปีด้วยการจัดประชุมสุดยอดอาเชียน-อินเดียสมัยพิเศษ
เป็นหนึ่งในประเทศ BIMSTEC ที่เชื่อมเอเชียตะวันตกเฉียงใต้กับเอเชียใต้ ซึ่งจะมีการเชื่อมโยงเครือข่ายคมนาคมเข้าด้วยกันอย่างที่เล่ามาแล้ว
และเป็นส่วนหนึ่งของ MGC (Mekong - Ganga Cooperation) ซึ่งมีประเทศอยู่ ๖ ประเทศได้แก่ ไทย พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม และอินเดีย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างและเชื่อมโยงความร่วมมือในกิจกรรมหลัก ๔ สาขา ได้แก่ ด้านการท่องเที่ยว การศึกษา วัฒนธรรม และด้านการคมนาคมขนส่ง
เรียนกันตั้งแต่ไม่มืดจนมืดเลยเห็นความเข้มข้นของหลักสูตรมั๊ยค่ะ
ฉันไม่รู้จัก MGC ค่ะ จึงแอบไปถามผู้รู้เพื่อให้รู้จัก แล้วได้ความมาว่าอย่างนี้ ก็ขอนำมาเล่าสู่กันฟังประดับความรู้นะคะ
แนวคิดการจัดตั้ง MGC เกิดขึ้นในช่วงระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับรัฐมนตรีต่าง ประเทศของประเทศคู่เจรจา (Post Ministerial Conference: PMC) โดยแรกเริ่มเรียกว่า กรอบความร่วมมือลุ่มน้ำคงคา - สุวรรณภูมิ - ลุ่มแม่น้ำโขง (Ganga-Suwannaphumi - Mekong Cooperation) และภายหลังจึงได้เปลี่ยนเป็นชื่อที่เรียกอยู่ในปัจจุบัน
การดำเนินงานของ MGC จะมีการประชุมระดับรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่อาวุโส และคณะทำงาน โดยกำหนดให้มีการประชุมระดับรัฐมนตรีทุกปี back-to-back กับการประชุม AMM มีคณะทำงานทั้งหมด ๕ ชุดโดยมอบหมายให้ประเทศสมาชิกรับเป็นประธานคณะทำงาน ซึ่งไทยเป็นประธานคณะทำงานด้านการท่องเที่ยว อินเดียเป็นประธานคณะทำงานด้านการศึกษา กัมพูชาเป็นประธานคณะทำงานด้านวัฒนธรรม ลาวเป็นประธานคณะทำงานด้านการขนส่งและคมนาคม เวียดนามเป็นประธานคณะทำงานว่าด้วยแผนปฏิบัติการ
มีแผนปฏิบัติการ Hanoi Programme of Action ระยะเวลาการปฏิบัติงาน ๖ ปี นับตั้งแต่ปี ๒๕๔๔ เป็นความร่วมมือทำงานด้วยกัน แผนนี้จะมีการทบทวนทุก ๒ ปี และยังมี Phnom Penh Road Map ซึ่งเป็นแผนงานเร่งรัดการดำเนินโครงการของ MGC ร่วมใช้อยู่ด้วย ตั้งแต่ปี ๒๕๔๖ เป็นต้นมา
มีการประชุมระดับรัฐมนตรีมาแล้วหลายครั้ง จนกระทั่งถึงการประชุมครั้งที่ ๔ เมื่อวันที่ ๑๒ ม.ค. ๒๕๕๐ ที่เมืองเซบู ไทยได้ส่งมอบความเป็นประธาน MGC ให้แก่ประเทศอินเดีย สถานะล่าสุดอินเดียก็เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม MGC ระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส (MGC SOM) ครั้งที่ ๖ ที่กรุงนิวเดลีและระดับรัฐมนตรีครั้งที่ ๖ ที่เมืองกัลกัตตา ประเทศอินเดีย
การให้ทุนการศึกษาที่เล่ามาแล้วในบันทึกก่อนก็มีที่มาจากความสัมพันธ์ใน MGC นี่แหละค่ะ
ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารเรือและทหารอากาศ นาวาเอกบัญชา บัวรอดกับนาวาอากาศเอกไพศาล น้ำทับทิม ให้ข้อมูลด้านการทหาร
ในส่วนของงานกงสุลมีประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับการดูแลคนไทยด้วย ท่านทูตเล่าว่ามีคนไทยอยู่โดยรอบที่ต้องให้การดูแล ๑,๒๐๐ คนอยู่ในเดลี ปัญจาบ รัฐหรยาณา หิมาจัลประเทศ และอุตตระประเทศ ท่านใช้คำว่ามีทั้งนักเรียน พระสงฆ์ อุบาสก อุบาสิกา แสดงว่ามีคนไทยนำพาตัวมาปฏิบัติธรรมและเรียนหนังสือเยอะ มีชุมชนชาวอินเดียสัญชาติไทยด้วยนะ และมีหญิงไทยที่ติดตามคู่สมรสมาด้วย
ในกลุ่มของผู้มาศึกษามีกลุ่มหลายกลุ่ม ทั้งพระสงฆ์ ฆราวาสพุทธ และมุสลิมรวมตัวกันอยู่ในรูปสมาคม พระสงฆ์อยู่ในเดลี มุสลิมอยู่ในอาลิการ์ ฆราวาสพุทธอยู่ในลัคเนาว์
มีคนไทยที่เป็นนักโทษด้วย แต่ไม่ถึง ๑๐ คน คนต้องโทษเป็นหญิง ๗ คนอยู่ที่เดลี ๑ คนอยู่ที่โครักปูร์ ข้อหาที่ต้องโทษคือค้ายาเสพติด เรื่องนี้มองธรรมดาๆก็ไม่มีอะไร แต่ถ้ามองอีกมุมก็ให้ภาพอะไรอยู่เหมือนกันเกี่ยวกับการเลี้ยงดูหญิงไทยและทัศนคติในครอบครัวไทย
จบเรื่องของการต่างประเทศแล้ว ท่านก็ส่งไม้ต่อให้ผู้ช่วยทูตด้านการทหารทััพเรือและอากาศเล่าเรื่องการทหารให้ฟัง ต่อด้วยผูู้แทนจากกระทรวงพาณิชย์แล้วยุติการบรรยายค่ะ
ขอบคุณผู้แทนจากกระทรวงพาณิชย์ ที่ช่วยบรรยายสรุปให้ฟังสั้นๆแต่ได้แก่นสำคัญ สำหรับให้พวกเราไปใช้ทำรายงานค่ะ
ความเป็น incredible india ที่ได้ฟังจากกระทรวงพาณิชย์ให้ภาพว่าอยู่ตรงที่ตะวันตกคาดการว่า อินเดียจะมีเศรษฐกิจที่แข็งแรงเป็นอันดับ ๓ ของโลกด้วยความมั่นคงด้านประชากร ที่มีทั้งปัจจัยด้านจำนวนและปัจจัยด้านความสามารถ ทั้งๆที่มีตัวถ่วงคือความยากจนของคนในประเทศเขาติดอันดับรายได้ต่ำที่สุดในโลกและอยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจนที่ทั่วโลกใช้วัดความจน และคนจนนี้ก็มีตั้ง ๔๒% ในประเทศของเขาเชียวแหละ
คนจนตั้ง๔๕๖ ล้านคน เขาทำให้อยู่หมัดได้ยังไง ไม่น่าเชื่อเลย
คนอินเดีย ๑,๒๐๐ ล้านคน มีชายในสัดส่วนพอๆกับหญิง แต่ชายอายุสั้นกว่าหญิง (ชายเฉลี่ย ๖๖ ปี หญิงเฉลี่ย ๗๑ ปี) รวมๆแล้วอายุเฉลี่ยคนสูงวัยของเขาอยู่ที่ ๖๘ ปีครึ่ง
คนกำลังโตของเขามีตั้ง ๓๑.๘ % คนที่พึ่งพาแรงกายและสมองได้แล้วมีถึง ๔๙ % คนที่พึ่งพาประสบการณ์ได้แล้วมีถึง ๑๔% และวัยขิงแก่มีถึง ๕%
ภาพรวมๆความมั่นคงทางประชากรของอินเดียอยู่บนบ่าของคนอายุต่ำกว่า ๔๐ ปีซึ่งมีถึง ๘๐% กินขาดประเทศไทยเราเลยนะ บ้านเรานะมีขิงแก่เยอะขึ้นเรื่อยๆแล้ว ต่อไปไม่รู้จะมีใครให้พึ่งได้…เฮ้อ
สมแล้วที่ยกให้อินเดียเป็นประธาน MGC เพราะว่าคนของเขารู้หนังสือเกินกว่าครึ่ง (๖๕.๓๘% ) คุณภาพชีวิตที่เราเห็นผ่านมาหลอกตาแฮะ อัตราตายของคนอินเดียอยู่ที่ ๐.๖๖% เท่านั้นเอง อัตราเด็กเกิดใหม่อยู่ที่ ๒.๒%
ตัวเลขนี้บอกคุณภาพงานสาธารณสุขของเขาให้รู้ คนเยอะขนาดนี้ ตาย-เกิดเพียงแค่นี้ คนทำงานสาธารณสุขเขาเก่งจริงๆ และงานส่งเสริมสุขภาพก็ต้องเจ๋งด้วย
ได้ข้อมูลเพิ่มเรื่องศาสนาและภาษาของอินเดียมาอีกว่ามีภาษาใช้ ๑๘ ภาษา นอกเหนือจาก ๓ ศาสนาที่เคยเอ่ยถึงแล้ว ยังมีคริสต์ ซิกส์ และเชนอีก
คนคริสต์ ๒.๓% ซิกส์ ๒.๑% และมีเชนหรือชีเปลือย ๐.๔% ลองเอาไปคูณพันสองร้อยล้านคนดูซิค่ะ จะเห็นพลังทางศาสนาของแต่ละศาสนาในอินเดียที่บอกถึงความีรากวัฒนธรรมเก่าแก่มานานเลยค่ะ
อินเดียมีดีตรงค่าแรงถูก มีคนอายุต่ำกว่า ๔๐ ปีจำนวนสูง คนมีกำลังซื้อสูง กำลังซื้อระดับกลางขึ้นไปอยู่ที่ ๓๒% กำลังซื้อระดับสูงอยู่ที่ ๑๐% ข้อมูลตรงนี้บอกว่าคนชั้นกลางที่มีรายได้และคนรวยของเขามีถึง ๑ ใน ๓ ของคนของแล้ว ๑๐% ก็เป็นคนรวยมากด้วย น่าลงทุนมั๊ยละ
ถึงแม้จะค่ำแล้ว คนฟังก็ยังมีแรงฟัง มีแรงสนุกกับการฟัง
กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ว่า ถ้าทำธุรกิจการบริการจะเติบโตได้สูงถึง ๕๕.๖% ของ GDP อุตสาหกรรม ๒๖.๖% และการเกษตรอยู่ที่ ๑๗.๘% จะเลือกลงทุนอะไรดีก็ลองคิดดูเถิด เมื่อรู้จักว่าในการเป็นผู้ซื้อนั้น อินเดียจะพึ่งตลาดภายในประเทศตัวเอง ไม่ใคร่ต้องพึ่งตลาดส่งออก จะพึ่งนอกประเทศก็เรื่องการลงทุนต่อทรัพยากรสำคัญที่เขามีอยู่ เช่น ทรัพยากรธรรมชาติ แรงงานราคาถูก ฯลฯ เขาทำธุรกิจที่เชื่อมโยงกับชาวอินเดียโพ้นทะเลติดต่อการค้ากันด้วยนะ
อินเดียมีค่าเงินของตัวเอง หน่วยเป็นรูปี เวลาไปซื้อของเรามักใช้เรียกราคากันว่า “กี่รู” ฟังแล้วจ๊๊กจี้ไหม ค่าเงินรูปีนั้นผันผวนและอ่อนตัวตลอดเวลา นี่มั๊งที่ทำให้คนอินเดียไม่ใคร่รับเงินดอลล่าร์กัน ตอนที่เราไป ๑ รูมีค่าใกล้ ๑ บาทไทย
การลงทุนในอินเดียนั้นกระทรวงพาณิชย์เห็นว่า น่าลงทุนในกลุ่มสินค้าอุปโภคและบริโภค กลุ่มพลังงาน กลุ่มวัตถุดิบ และกลุ่มสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน
จะว่าไปแล้วการส่งออกของไทยไปอินเดียมีตัวเลขที่น่าพอใจ ๒ ไตรมาสแรกของปี ๒๕๕๓ ยอดส่งออกพุ่งเกินเป้าถึง ๒ เท่า (จาก ๑๖% เป็น ๓๖.๖% ) สินค้าจากไทยที่ตะลุยตลาดอินเดียจนได้ยอดตัวเลขที่เล่ามาแล้วมีอยู่ ๕ กลุ่ม คือ พลาสติก อุปกรณ์และส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ เคมีภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับ และ เครื่องจักรกลตลอดจนส่วนประกอบ
เรื่องยากในการลงทุนกับอินเดียอยู่ตรงที่ เขายังไม่เปิดเสรีเต็มที่ กฎระเบียบด้านการลงทุนในแต่ละรัฐไม่เหมือนกัน และไม่แน่นอน การติดต่อการค้าต้องผ่าน local partner ที่่เชื่อใจได้ การเข้าถึง Key Players ของเขายากสำหรับภาคเอกชน
คนรวยอินเดียไม่ชอบเที่ยวในประเทศ บ้านเราเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คนอินเดียชอบ นักท่องเที่ยวอินเดียเข้าไทยเป็นอันดับ ๒ ของชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นอันดับ ๓ ของการท่องเที่ยวทั่วโลก
ปี ๒๕๕๑ นักท่องเที่ยวอินเดียเข้าไทยเกือบ ๖ แสนคนและเพิ่มขึ้นในปี ๒๕๕๒ ถึง ๒๐% ปี ๒๕๕๓ คนอินเดียเข้าไทยในช่วงเดือนมค.-มิย. แล้ว ๓ แสนกว่าคน เชื่อว่าปีนี้นักท่องเที่ยวอินเดียจะเข้ามาเที่ยวรวมทั้งปี ๗ แสนคน
จุดแข็งที่ทำให้คนอินเดียไปเที่ยวไทยเยอะอยู่ตรงที่เขามองว่าการใช้เงินในประเทศไทยคุ้มค่า ไปเที่ยวทั้งครอบครัวแล้วสนุกและมีความสุข เป็นที่ซึ่งเขาใช้วันหยุดได้อย่างมีคุณภาพ เมืองไทยเป็นประเทศที่ปิด มีความหลากหลาย และมีกฎหมายที่ชวนชื่นชม (nice in-law)
จบการบรรยายกันแค่นี้ แล้วเราก็ไปกินข้าวกัน
๖ สิงหาคม ๒๕๕๓
Next : ขอต้นโพธิ์คุ้มครองและอวยชัยให้ » »
ความคิดเห็นสำหรับ "incredible india"