มาแล้วก็ลองดู
เข้าไปถึงห้องพัก ก็พบกับบรรยากาศหรูในห้อง ห้องพักใหญ่และกว้างมาก ห้องน้ำสะอาดและทันสมัย มีห้องรับแขกด้วย มีสิ่งหนึ่งในห้องน้ำที่เห็นแล้วแปลกใจ ทำไมขนาดมันเล็กซะอย่างนั้น ลองหยิบจับดูเนื้อก็หยาบกว่าที่มีใช้ในบ้านเราอีกแฮะ เลยวัดขนาดมาเทียบดูซะหน่อย
ทำความสะอาดเนื้อตัว จัดการเตรียมเสื้อผ้าแล้วก็พาตัวเข้านอน ก่อนจะนอนหวังไว้ว่าจะชาร์ตแบตกล้องไว้ใช้ให้พอสำหรับเก็บภาพตลอดวัน ที่ไหนได้ที่นี่เขาใช้ปลั๊กขากลม ปลั๊กชาร์ตแบตของกล้องฉันเป็นขาเขี้ยวก็เลยไม่เข้ากัน…แป่ว
ภาพขวา ของผลิตในไทย ๒ ภาพซ้าย ของผลิตในอินเดีย
ฉันมาสะดุ้งตื่นเมื่อเสียงโทรศัพท์หัวเตียงดังขึ้นตอน ๗ โมง ยกหูโทรศัพท์รับรู้บริการปลุกตอนเช้าแล้วอ้อยอิ่งอยู่บนเตียงด้วยความง่วง แต่เวลาก็ทำให้ต้องพาตัวไปจัดการอาบน้ำแต่งตัวให้ทันนัด แต่งตัวแล้วเพื่อนร่วมห้องยังไม่ตื่น แม้เกรงใจก็ต้องปลุกให้ตื่นขึ้น
วันนี้ลุงเอกกำหนดให้พวกเรานำสูทเขียวสถาบันพระปกเกล้าไปด้วย การดูงานของวันนี้มีทั้งนอกและในสถานที่ ดูงานในสถานที่นี่แหละที่ต้องใช้สูท ที่ซึ่งลุงเอกจะพาไปเป็นหน่วยงานวิจัยในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
เลาะทางเดินมาก็เห็นทิวทัศน์ในรีสอร์ทชัดตาขึ้น พื้นที่ภายในแบ่งส่วนมีสนามกีฬากลางแจ้ง สระว่ายน้ำและสวนไม้ประดับง่ายๆ ดูแล้วเหมือนบ้านคนไทยที่ปรับพื้นที่ใช้สอยให้มีสนามเล่นของเด็กๆ สนามตีแบตเล็กๆที่ไม่หรูหรา สวนไม้ประดับก็ไม่หรูหราเหมือนรีสอร์ทบ้านเรา มีหรูหน่อยตรงบริเวณสระว่ายน้ำเท่านั้นเอง
บรรยากาศในห้องพัก และบริเวณภายใน โรงแรม VEDIC VILLAGE RESORTS KOLKATA ที่พวกเราใช้อาศัยพักกาย
ระหว่างเดินไปห้องอาหารเช้า เหลือบมองเข้าไปในห้องพักของเพื่อนๆพี่ ก็เห็นว่ารีสอร์ทแห่งนี้จัดสัดส่วนในห้องพักไว้แกรนด์มาก ห้องทุกห้องเป็นห้องสวีททั้งนั้นเลย แต่ละห้องมีห้องรับแขกหรือไม่ก็ห้องทำงานให้ทุกห้อง
อาหารเช้ามื้อแรกที่รีสอร์ทจัดไว้ให้ มีทั้งอาหารฝรั่งและอาหารพื้นเมือง ฉันเลือกชิมอาหารอินเดีย เมนูที่เลือกเขาเรียกว่า “อิดลี่ (Idly) “ หน้าตามันคล้ายขนมปุยฝ้ายที่ปั้นกลมๆของบ้านเรา สีของมันเป็นสีขาว เวลากินเขาให้ราดน้ำแกงผักรวมซึ่งมีรสชาติคล้ายแกงกะหรี่ผสมแกงส้ม ซึ่งเรียกว่า “แซมบาร์ (Sambhar)” หรือไม่ก็จิมน้ำราดคล้ายสลัดซึ่งทำจากมะเขือเทศหรือกะทิ น้ำจิ้มนี้เขาเรียกว่า “ชัดนี่ (Chutney) ”
เจ้าอิดลี่นี่ทำจากแป้งที่ทำจากข้าว นำมาปั้นเป็นก้อนแล้วนำไปนึ่ง ใช้กินกับแกง วิธีกินเหมือนข้าวราดแกงบ้านเราหรือกินแบบโรตีจิ้มแกง
เรียงจากซ้านไปขวา อิดลี่ อุตะปัม แซมบาร์ ชัดนี่ ภาพขวาสุด เป็นวิธีกินที่คนอินเดียเขาสอนให้
อีกเมนูหนึ่งที่ฉันเลือกลอง เขาเรียกว่า “อุตะปัม (Uttapum)” หน้าตาคล้ายๆพิซซ่าแผ่นเล็กๆหน้าโรยด้วยผักเครื่องเทศ เจ้านี่ทำจากแป้งหนาๆทอด เนื้อแป้งผสมหัวหอมด้วย ใช้กินแบบจิ้มน้ำจิ้มหรือแกงเหมือนกับอิดลี่
รสชาติของอาหารกลมกล่อม อร่อยใช้ได้ ชิมแล้วบอกพนักงานเสิร์ฟว่าอร่อย เขายิ้มแป้นเลยค่ะ คงดีใจที่คนต่างถิ่นอย่างฉันชอบรสอาหารของเขา
น้องนุชและพี่แดงคงรู้ว่าหลายๆคนในพวกเรากินอาหารอินเดียไม่ได้ เธอจึงมาคอยกำกับขอให้พนักงานจัดเมนูไข่ให้ เมนูไข่ของที่นี่มาแปลก
แปลกตรงที่ไม่ได้ทำสำเร็จรูปไว้ให้ตักเองทั้งที่เป็นบุฟเฟ่ห์ ใครจะกินพนักงานจะรับคำสั่งไปทำมาให้ทีละคน เสร็จแล้วแต่ละคนจะได้ไข่ดาวชุดละ ๒ ฟองภายในเวลาที่ลืมไปเลยว่าสั่งไข่ดาวไว้ ยิ่งสั่งไข่คนยิ่งแล้วใหญ่ นอกจากลืมเวลาไปเลยแล้ว หน้าตาของไข่คนที่ได้ทำให้ไม่อยากกินเลยค่ะ
ซ้ายสุดคือไข่คน มื้อแรกได้มะละกอที่ยังไม่สุก มะม่วงสุกจัดและน้ำเปล่าเสิร์ฟรอไว้อย่างในภาพ ถั่วดิบงอกนั้นให้กินกับโยเกิร์ต
ระหว่างนั่งรอกินไข่ดาว พี่ๆก็มาเล่าให้ฟังว่า วันนี้ตื่นเช้าขึ้นมาก็ต้องขยันถูพื้นห้อง เหตุเกิดจากพี่อีกคนหนึ่งตื่นมาอาบน้ำแต่เช้า แล้วทำน้ำท่วมห้องน้ำ น้ำจึงล้นเข้ามาในห้องนอน เช็ดกวาดกันไปยังไง๊ยังไง ห้องก็ยังไม่แห้งเลยจนพากันออกมากินข้าวช้า
ที่โต๊ะอาหารเช้า เมื่อเข้าไปนั่งเรียบร้อย ที่โต๊ะมีน้ำดื่มรินไว้แล้ว พร้อมกับมีฝาครอบไว้ จะดื่มน้ำเพิ่มก็ต้องขอ บริการที่ได้ช้าได้ใจทีเดียว
อาหารอีกเมนูหนึ่งที่แปลกสำหรับฉัน เมนูนั้นคือถั่วเพาะให้งอกแล้วนำมาให้กินราดโยเกิร์ต ตักมาลอง เคี้ยวไปแล้วจึงรู้ว่ามันดิบ โชคช่วยนะเออที่ได้ลองถั่วเหม็นเขียว….อิอิ
๔ สิงหาคม ๒๕๕๓
« « Prev : ทำความรู้จักกันหน่อย
Next : มุมหนึ่งของชนบทโกลกาตา » »
2 ความคิดเห็น
แอบตามติดมาตั้งแต่เมืองไทยครับผม
น้องไม่ค่อยชอบอาหารอินเดียค่ะ
เคยไปอินเีดีย 3 ครั้ง ท้องเสีย เป็นไข้ทุกครั้ง
แต่เรื่องโยเกิร์ตทานกับถั่วงอกดิบนี่ ย้ังไม่เคยทานค่ะ
เคยทานโยเกิร์ตในถ้วยดิน ที่ศรีลังกา อร่อยมาก ๆ ทานกับน้ำผึ้งและผลไม้ แทนอาหารได้เลยค่ะ