ทำความรู้จักกันหน่อย
พอขึ้นรถ ไกด์ก็เริ่มป้อนข้อมูลให้เราได้รู้ เธอชื่อว่า “นุช” ค่ะ น้องนุชเริ่มประเดิมเล่าถึงคำพูดทักทายก่อน คำที่ใช้ทักทายกัน เธอบอกว่าออกเสียงว่า “นมัสสะเต” แปลว่า “สวัสดีค่ะ-ครับ”
แล้วเธอก็เล่าต่อว่า เวลารถวิ่งไปนั้น ไม่พึงแปลกใจ เมื่อได้ยินเสียงแตรลั่นไปตลอดทาง เพราะการกดแตรบนถนนที่นี่เป็นประเพณีปฏิบัติของการมีมารยาทงามบนท้องถนนค่ะ
ในขณะที่ฟ้ายังมืด เมืองกัลกัตตาเป็นเมืองหลวงเก่า ที่ยังคงความเก่าเอาไว้กับตัวแค่ไหน ไม่สามารถมองเห็นได้เลยค่ะ ตลอดเส้นทางที่วิ่งไปสู่รีสอร์ท มืดสนิท จนไม่รู้ว่ารถวิ่งในเมืองหรือนอกเมืองด้วยค่ะ
กัลกัตตาแต่เก่าก่อนเคยเป็นเมืองท่าสำคัญ ตั้งอยู่ริมฝั่งด้านตะวันออกของแม่น้ำฮูคลี เป็นเมืองใหญ่อันดับ ๔ ของประเทศอินเดีย
น้องนุชเล่าให้ฟังว่าอินเดียเป็นประเทศที่เก่าแก่ยาวนาน สภาพสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองผสมผสานระหว่างของเก่าและใหม่ สังคมได้รับอิทธิพลจากศาสนาฮินดู พุทธ และมุสลิม
เมื่ออินเดียได้รับเอกราชในปี ค.ศ. ๑๙๔๗ ( ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๙๐) อินเดียก็ปกครองในระบอบประชาธิปไตยภายใต้โครงสร้างสาธารณรัฐ รัฐในอินเดียมี ๒๘ รัฐ และดินแดนกึ่งรัฐ ๗ แห่ง ใช้ภาษาฮินดีและภาษาอังกฤษแพร่หลายทั่วไป มีประชากรกว่าพันล้านคน อยู่ในกรุงนิวเดลีประมาณกว่า ๑๐ ล้านคน นับถือฮินดูมากที่สุด รองลงมาเป็นอิสลาม ที่เหลือเป็นศาสนาอื่นรวมทั้งพุทธ
เวลาทำงานของคนอินเดียทั่วไปเริ่ม ๑๐ โมงถึง ๕ โมงเย็น พักกลางวันบ่ายโมงถึงบ่ายสองโมง
อากาศของอินเดียในช่วงที่นักเรียนโข่งอย่างเรามาเยือนเป็นฤดูมรสุม ไปไหนให้พกร่ม หมวก หรือผ้าคลุมไหล่ติดตัวไปด้วย ฝนที่นี่ตกไม่เป็นเวลาสลับกับแดดร้อน ระวังการบริโภคอาหารและน้ำ ไม่ซื้อตามข้างถนน เลือกน้ำที่สะอาดเท่านั้นดื่ม
กว่ากระเป๋าแต่ละใบจะถูกยกทะยอยลงจากรถก็ใช้เวลากว่าชั่วโมง ลากกระเป๋าเข้าห้องไปเองเร็วกว่าแน่นอน
การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นเงินรูปีอินเดียสามารถแลกได้ที่เคาน์เตอร์โรงแรม โดยนำเงินดอลาไปแลกได้เป็นเงินรูปีอินเดีย (INR) อัตราแลกเปลี่ยนโดยประมาณ ๑ ดอลลาร์สหรัฐเท่ากับ ๔๓.๕ รูปี และ ๑ รูปี เท่ากับ ๐.๙ บาทไทย ถ้าต้องการแลกเธอก็ยินดีแลกให้ ขอให้แจ้งจำนวนที่ขอแลกไว้เธอจะขอให้ไกด์ท้องถิ่นช่วยอำนวยความสะดวกนำเงินมาให้แลกตามที่แจ้งไว้
รัฐเบงกอลตะวันตกมีประชากรประมาณ ๘๐ ล้านคน เมืองกัลกัตตามีประชากรประมาณ ๑๘ ล้านคน มีพลเมืองอาศัยอยู่หนาแน่นและแออัด มีประชากรจากรัฐใกล้เคียงอพยพเข้ามาทำงานด้วย
กัลกัตตาเป็นเมืองหลวงและเป็นที่ตั้งของสถานกงสุลใหญ่ มาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๑๕ (ในช่วงแรกๆ เป็นสถานกงสุลกิตติมศักดิ์)และเป็นเมืองธุรกิจที่สำคัญของรัฐ ประชาชนพูดภาษาเบงกอลี ฮินดี และอังกฤษ
บ๊่าย บาย เช้ามาเจอกันนะคร๊าบ พี่ขอไปนอนแล้ววววววววว
พอน้องนุชเล่าจบ รถก็พาเราปุเลงถึงรีสอร์ทพอดี ที่ฉันใช้คำว่าปุเลงก็เพราะรู้สึกว่า เวลาที่นั่งอยู่ในรถนั้น ตัวมันส่ายไปมาไม่ใคร่ได้นั่งเฉยๆเลยค่ะ
เวลาที่ไปถึงรีสอร์ทเกือบตี ๔ ของอินเดีย เพราะเส้นทางไปรีสอร์ทรถต้องวิ่งออกนอกเมืองมาอักหลายกิโลเมตร และรถที่นี่ต่อให้ใหม่แค่ไหนก็สามารถวิ่งได้ในอัตราเร็วแค่ ๔๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น
พนักงานโรงแรมพากันมาขนกระเป๋าให้เรา แต่ด้วยความรู้สึกอยากจะพักโดยเร็ว พวกเราจึงไม่รีรอกับการขนกระเป๋าเข้าห้องกันเอง ถือเป็นการตัดสินใจที่ดี เพราะในวันรุ่งขึ้นได้ยินเสียงคนที่รอกระเป๋าจากพนักงานรีสอร์ทบ่นว่ารอกระเป๋าจนหลับไปแล้วก็ยังไม่ได้กระเป๋ากว่าจะได้กระเป๋าก็เกือบเช้าแล้ว
การเดินทางในทริปนี้ฉันได้น้องหมอมเป็นเพื่อนนอนคนใหม่ ก่อนย้ายตัวไปห้องพักก็ได้ยินเสียงน้องนุชนัดหมายว่า เช้าให้มาเจอกันเพื่อออกเดินทางไปศึกษาดูงานเวลา ๙ โมง
ลืมบอกไปว่าในทริปมีพี่แดง เจ้าของบริษัททัวร์เดินทางร่วมมาเพื่อให้บริการพวกเราด้วย
๔ สิงหาคม ๒๕๕๓
« « Prev : ก้าวแรกที่รู้จักคนอินเดีย
2 ความคิดเห็น
ขอให้สนุกกับการเดินทาง-เรียน-และ-บันทึกต่อๆไป อิ
เกาะติดอินเดียเช่นกันครับ