เด็กสานฝัน ผู้ใหญ่สานงาน
รถตู้พาเราบึ่งจากหาดบ้านทอน ผ่านเข้าอำเภอเมือง แล้วเลี่ยงทางนำเราไปสู่โรงแรมซีเอส ปัตตานี เวลาที่ทีมเราไปถึงปัตตานี ตะวันชิงพลบไปเรียบร้อยแล้ว
จัดการตัวเองกับสัมภาระส่วนตัวกันแล้ว แต่ละคนก็ทะยอยกันไปที่ห้องอาหาร เข้าไปถึงห้องอาหาร ก็เห็นความอลังการงานสร้าง…หุ..หุ…เรามาช้าไป มีเสียงเพลงบรรเลงก้องห้องตามธรรมเนียม เพื่อนในอีก ๒ สายมากันพร้อมหน้าแล้ว
หันไปดูที่มาของเสียงเพลง อ้าว…นั่นเด็กนักเรียนทั้งนั้นเลยนี่
กินกันอย่างอร่อย หลังจากดูงานกันมาเหนื่อยทั้งวัน
ที่แท้เสียงเพลงที่ดังก้อง บรรเลงโดยฝีมือของเด็กๆนี่เอง วงดนตรีที่เห็นแตกต่างจากที่เคยเห็นตรงที่เป็นวงออเคสตร้าจากนักดนตรีตัวน้อยๆค่ะ เครื่องดนตรีที่อยู่ในวงมีหลากหลายลานตาเชียวค่ะ เด็กๆเล่นดนตรีอย่างตั้งอกตั้งใจ เพลงที่เล่นมีอะไรบ้างฉันจำไม่ได้ ฟังไม่เป็น แต่รู้ว่าคนเล่นตั้งใจเล่นสุดฝีมือค่ะ
รู้มาว่าวงดนตรีวงนี้มีสมาชิกรวมแล้วไม่ต่ำกว่า ๑๖๐ ชีวิตเชียวนะ ทั้งหมดเป็นเยาวชนเทศบาลนครยะลา วงเปิดตัวให้สังคมรู้จักครั้งแรกที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา ในวันที่ ๑-๒ ธันวาคม ๒๕๕๑ เด็กๆที่เป็นสมาชิกวงเรียนดนตรีด้วยทุนการศึกษาด้านดนตรีที่พวกเขาพยายามหามาด้วยตัวเอง
รู้มาว่าขอแต่เพียงมีใจรักเ็ด็กที่จนก็เข้ามาเป็นสมาชิกวงได้ และสมาชิกในวงเดี๋ยวนี้เป็นรุ่น ๒ แล้ว ดูปราดๆในคืนนี้ เด็กที่มาแสดงฝีมือต่อหน้าพวกเราอยู่ที่ราวๆ ๓๐ คน ได้มั๊ง
ตัวจริงเสียงจริง…ยืนยันได้ว่านี่คือเยาวชนทั้งพุทธและมุสลิมที่มาทำกิจกรรมด้วยกัน
ทำไมจึงเป็นออเคสตร้า ตอบได้ว่าเป็นความฝันของคนหนุ่มคนหนึ่งที่มีความคิดว่าต้องรักษาต้นทุนของการอยู่ร่วมในสังคมไว้ เขาเลืือกใช้ดนตรีในการที่จะให้เยาวชนวัยเรียนเรียนรู้อยู่ด้วยกัน เพราะการซ้อมดนตรีผูกโยงการไปมาหาสู่ใช้ชีวิตด้วยกัน แล้วเขามองเรื่องการพัฒนาสมองไปคู่กัน เห็นว่าดนตรีกล่อมเกลาจิตใจเด็กให้อ่อนโยนอ่อนนุ่มได้ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นดนตรีคลาสสิค เป็นวงออเคสตรา ซึ่งสอนให้เด็กทำงานเป็นทีม รู้จักฟังเสียงที่คนอื่นเล่นไปด้วย
เขาลงมือทำฝันนี้ให้เป็นจริงๆทั้งที่เขาเองไม่รู้เรื่องดนตรีเลยและฟังเพลงไม่เป็น คนๆนี้คือคุณอ๋า(พงษ์ศักษ์ ยิ่งชนม์เจริญ) นายกเทศมนตรีนครยะลา เพื่อนร่วมชั้น ๔ส.รุ่น ๒ ฝันเขาเป็นจริงเมื่อเขาเจอคนฝันร่วมค่ะ อยากรู้วิธีทำคลอดวงก็ต้องตามไปฟังเรื่องเล่ากันค่ะ
แน่นอนว่าเมื่อเริ่มตั้งท้อง วงต้องมีทุน ครูผู้ฝึกเล่าให้ฟังว่าวงตั้งท้องด้วยทุน ๔-๕ ล้านบาทค่ะ
ถ้าจำกันได้วงออเคสตร้าวงนี้เคยไปออกรายการคุณพระช่วยมาแล้ว ใครที่ไม่เคยดู ตามไปดูย้อนหลังได้นะคะ และมีเรื่องเบื้องหลังประสบการณ์ของครูฝึกที่น่าอ่านด้วยค่ะ
เครื่องดนตรีมีหลายหลากชนิด ใครใคร่เรียน ใครชอบอะไร เลือกได้เองตามความสนใจ
ระหว่างที่เด็กๆบรรเลงเพลงให้ฟัง ผู้ใหญ่ก็นั่งวิพากษ์กันไป เรื่องที่วิพากษ์กันก็มีหลากหลายตามแต่เพื่อนๆสนใจประเด็นอะไร คุยกันไปสลับกับการมีกิจกรรมร่วมกับเด็กๆ
เด็กๆร้องเพลงอวยพรและขอบคุณพวกเราด้วย คุณต้นไม้ (สุชาติ ชวางกูร) เป็นผู้เชื่อมกิจกรรมระหว่างผู้ใหญ่กับเด็กๆ พร้อมทั้งช่วยระดมทุนการศึกษาจากพวกเรามอบให้เด็กๆ
พวกเราแสดงความขอบคุณคุณอ๋าที่นำเด็กๆมาเพิ่มความสุขให้พวกเรา เด็กๆแสดงความขอบคุณพวกเราที่ให้โอกาสเขามาแสดงฝีมือ
บรรยากาศในกลุ่มผู้ใหญ่มีหลากหลายแบบ ภาพขวาบัณฑิตจิตอาสาจากมอ.ปัตตานีก็มาร่วมงานด้วย
สมควรแก่เวลาที่เด็กๆควรได้พักผ่อนวงก็สลายตัว ก่อนวงสลายตัวพวกเราก็ชวนเด็กๆถ่ายภาพร่วมกันตามธรรมเนียมปฏิบัติ
คืนนี้บรรยากาศในห้องอาหาร จ๊อกแจ๊กจอแจเป็นอย่างยิ่ง บอกถึงความเป็นกันเองที่เพิ่มมากขึ้นในรุ่น โต๊ะที่ฉันนั่งกินข้าวอยู่ด้วยมีพี่หลายคนที่อิ่มท้องแล้วก็วิพากษ์เรื่องพหุวัฒนธรรมกัน
แล้วพี่หยัดก็ชวนคุยเรื่องของงานกลุ่ม ฉันกับน้องอุ้มจึงเดินไปชวนเพื่อนสายนราธิวาสมาคุยกันเรื่องงานกลุ่มต่อ ตกลงกันเรื่องคนนำเสนอ ได้ตัวมา ๔ คน มีพี่หยัด น้องอุ้ม พี่ล้าน และคุณเซี้ย ส่วนเรื่องของเอกสารรายงานกลุ่ม คุณเซี้ยก็ตกลงว่า ขอให้ทุกคนส่งให้เธอเพื่อรวบรวมภายในวันอังคารที่กำลังจะมาถึง ถ้าเธอไม่ได้รับ ก็ขออนุญาตทุกคนในการทวงถามเพื่อให้ได้มา
ที่ตกลงกันไว้เพียงแค่นี้ ไม่ได้ตกลงประเ็ด็นที่จะสรุปงานเพื่อนำเสนอกัน ก็ด้วยว่าทุกคนไว้ใจฝีมือผู้ที่เลือกขึ้นมาทำหน้าที่วิชาการกลุ่มค่ะ
หลายวงของผู้ใหญ่นั่งวิพากษ์แลกเปลี่ยนความคิด บางวงบางคนก็ทำอะไรตามถนัดและชอบของตน
ด้วยน้องอุ้มกับฉันได้ช่วยกันรวบรวมข้อมูลของเรา ๒ คนกันมาส่วนหนึ่งแล้ว ระหว่างที่เพื่อนๆยังอยู่ในห้องกันหลายคน เราก็มองเห็นประโยชน์ว่าถ้ารวบรวมข้อมูลก่อนกลับกรุงเทพฯกันซะเลย ผู้รับผิดชอบทั้ง ๔ คนจะทำงานเบาขึ้น
เราจึงตกลงร่วมมือกันทำงานรวบรวมข้อมูลไปพลางๆไม่รอให้ไปถึงกรุงเทพฯแล้วค่อยทำ
วิธีทำงานก็ไม่มีอะไรมาก ตกลงกันแค่ให้น้องอุ้มจดบันทึกเรื่องเล่าของเพื่อนๆพี่ๆ ส่วนฉันก็ทำหน้าที่ไปชวนผู้ไปนราธิวาสให้มาเล่าเรื่องดูงานให้น้องอุ้มฟัง แค่นั้นเองทีมนราธิวาสก็ทำงานต่อไปด้วยกันแบบสบายๆผ่อนคลาย คุยๆแล้วใครใคร่เล่น เต้น ร้อง ก็ทำได้ ใครมีอารมณ์คุยแล้วก็ให้มาคุยต่อ สลับกับผ่อนคลายตัวเองอย่างสนุกไปได้เลย ไม่ว่ากัน
เรื่องที่ให้เล่าก็แค่ประเด็น “เห็นอะไร คิดอย่างไร” ง่ายๆอย่างนี้เองค่ะ
สนุกอย่างไร ดูได้จากในภาพค่ะ ขำเพื่อนๆบางคนที่เมื่อชวนมาเล่าการดูงานให้ฟังแล้วออกตัวว่าไม่เห็นอะไร แต่พอชวนคุยไปเรื่อยๆเรื่องราวที่เห็นหลุดจากปากเป็นพรวนจนบันทึกแทบไม่ทัน
บรรยากาศ ร้อง เล่น เต้น ยิ้ม และ หัวเราะก่อนนอน ที่เกิดขึ้นหลังเด็กๆสลายตัวกันไปหมดแล้ว
ฉันยกนิ้วให้น้องอุ้มค่ะ เธอเก่งนะคะ มีทักษะเด่นที่ไม่มีใครเหมือน ใครบ้างที่มีความสามารถฟังคน ๒ คนได้พร้อมกันแล้วเก็บประเด็นที่พูดบันทึกไว้ได้หมด ชวนมาทำงานแข่งกับเธอค่ะ ทำได้ยังไงน่าสนใจมั๊ยค่ะ
อ้อ ระหว่างทำงานกัน คุณเซี้ยก็แวะเวียนมาช่วยกันด้วย มาให้กำลังใจกันและกัน เราสามารถตามข้อมูลจากทุกคนมาได้เป็นจำนวนกว่า ๑๐ คน เป็นเรื่องที่น่าพอใจค่ะ
คืนนี้เราชวนกันเข้านอนไม่ดึก แค่ ๒๒ น.เท่านั้้นเอง
สานงาน สานสัมพันธ์ สานความฝันงานวิชาการกันในบรรยากาศอย่างนี้ก็ได้งานค่ะ
๒ กรกฎาคม ๒๕๕๓
« « Prev : ไปเที่ยวถิ่นนางฟ้าทะเลใต้
2 ความคิดเห็น
รุ่นผมได้ไปดูพิพิธภัณฑ์ที่โรงเรียนอนุบาลยะลาก็ถือว่าสุดยอดเหมือนกัน เป็นแหล่งรวบรวมความรู้และภูมิปัญญาชาวบ้านอย่างดีเลยครับ
ลุงเอกก็บอกเหมือนกันว่าหากมีโอกาสให้แวะไปดูพิพิธภัณฑ์ที่โรงเรียนอนุบาลยะลาค่ะ