ไปดูเขาทำให้คนมีไฟ

อ่าน: 1226

เช้าของวันนี้ เมื่อตื่นขึ้นมา แสงแดดเช้ายังไม่จ้าเท่าไร ที่นอกหน้าต่างวันนี้ไม่เห็นนกนางแอ่นบินเหมือนวันก่อน  เมื่อชวนกันลงมาจากห้องพัก  ก็พบว่าเพื่อนหลายคนจัดการท้องตัวเองให้อิ่มแล้ว  จัดวางสัมภาระไว้รวมๆกันแล้ว น้องอุ้มกับฉันก็พากันไปที่ห้องอาหารเช้า

รายการอาหารเช้าวันนี้ มีเมนูไม่แตกต่างกับเมื่อวันก่อน ฉันเลือกข้าวต้มมากิน เลือกที่นั่งใกล้กับพี่วิชช์ (วิชช์ จีระแพทย์)  กินไปคุยไปจึงรู้ว่าพี่วิชช์เป็นน้องชายของรุ่นพี่แพทย์ ๒ คนที่ฉันคุ้นเคย

บรรยากาศยามเช้าอีกวันหนึ่งของปัตตานี

กินข้าวไปคุยกันไปจนน้องปอมาเรียก บอกว่าถึงเวลาเคลื่อนขบวนกันแล้ว เช้าวันนี้ตามรายการมีดูงานด้วย จึงชวนกันมาจัดการกับสัมภาระ คราวนี้ได้รถนั่งคนละคันกับลุงเอก มีเพื่อนๆพี่ๆที่เป็นทหาร น้องอุ้ม คุณเซี้ยและน้องปอร่วมทางมาด้วย

รถตู้พาพวกเรามา ณ ที่แห่งหนึ่ง ลงจากรถก็ปะหน้าพี่ลอง(จำลอง คุณสงค์) ยิ้มรับ วันนี้พี่ชายหล่ออยู่ในชุดทหารเต็มยศทีเดียว

ลงจากรถด้วยความตื่นตาตื่นใจ ที่นี่ทำอะไรกันหรือคนเยอะแยะเลย

ที่ซึ่งพวกเรามาเยี่ยมตรงนี้ เป็นจุดที่พี่ลองจัดบริการสาธารณสุขไว้ให้ชาวบ้าน  เดินเข้าไปก็เห็นลานที่มีคนนั่งกันเต็ม และมีห้องที่แยกที่นั่งไว้อยู่อีกด้านหนึ่ง

เมื่อพวกเราพากันเดินเข้าไปในห้อง ภาพที่เห็นทำให้ฉันงงอยู่เป็นครู่ ก็ทั้งห้องมีผู้คนนั่งกันอยู่ หลังพิงอยู่ที่เก้าอี้ แต่เท้าวางบนเครื่องมือคล้ายเครื่องชั่งน้ำหนัก

บริการส่งเสริมสุขภาพตัวเองที่จัดไว้ให้ ณ ที่นี่ ที่มีคนลองดูแล้วก็พบความแปลกใจ ไปแล้วอย่าลืมลองนะคะ

เพื่อนหลายคนที่เดินตามกันเข้ามาเข้าไปหาประสบการณ์ร่วมกับชาวบ้าน พาตัวเองเข้าไปลองว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อนั่งลงแล้วทำเหมือนกัน แล้วเขาก็พบเรื่องประหลาดใจที่พวกเขากลายเป็นคนมีไฟ เป็นไปได้อย่างไรฉันขอไม่เฉลย  ใครอยากรู้ให้ไปติดต่อที่ค่ายของพี่ลองขอลองแล้วขอคำตอบกันเองนะคะ

ออกจากห้องมาดูต่อข้างนอกทำอะไร แล้วก็เห็นคุณติ๋วกำลังทักทายชาวบ้าน  ทหารหญิงที่ยืนหน้าห้องเล่าให้ฟังว่าชาวบ้านที่เห็น เขามารอพบแพทย์ ที่นี่มีแพทย์จากโรงพยาบาลมาช่วยตรวจคนไข้ทุกๆวัน

ลุงเอกชื่นชมทหารที่ใช้ยึดสันติวิธีเป็นแนวทางทำงาน ๒ ภาพขวา ชาวบ้านทักทายเมื่อจำคุณติ๋ว (ศันสนีย์ นาคพงศ์) ได้

หลังจากนั้นกลุ่มของเราก็รวมพลขึ้นรถ รถพาเราไปปล่อยลงศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงซึ่งอยู่หน้าค่ายทหาร

กิจกรรมการเรียนรู้ที่ศูนย์แห่งนี้จัดไว้มีหลายเรื่องรวมๆแล้วก็เป็นเรื่องการพึ่งตนเองให้มีอยู่ มีกิน มีสิ่งแวดล้อมไ้ร้พิษ ที่แม้จะยากจนก็อยู่ได้

ผู้ที่มารอต้อนรับพวกเราคือแม่ทัพภาค ๔ รุ่นพี่ ๔ส.๑ ค่ะ ท่านทักทายลุงเอกแล้วก็ชวนพวกเราเข้าไปชมศูนย์เรียนรู้

มีการสาธิตวิธีทำน้ำหมักชีวภาพ ปุ๋ยหมักจุลินทรีย์ อธิบายแนวคิดบ่อปลา 2×4x1 เมตร ที่เลี้ยงปลาแค่ ๔๕ วันก็ได้ปลาขาย ให้พวกเราฟัง แล้วก็นำพวกเราไปนั่งที่เรือนใหญ่หลังหนึ่ง  ภายในเรือนเป็นที่กว้างโล่ง มีเก้าอี้จัดวางไว้ในลักษณะห้องประชุม

ศูนย์เรียนรู้แห่งนี้อยู่บนเนินสูงพอใช้ทีเดียว ขึ้นไปกันแล้วก็เรียนรู้กันที่ฐานน้ำหมักจุลินทรีย์ ปุ๋ยจุลินทรีย์ แล้วไปทำความรู้จักฐานความรู้เรื่องพลังงาน

แล้วสักครู่การแบ่งปันเพื่อให้เราเรียนรู้ก็เริ่มขึ้น ผู้ที่มาแบ่งปันมาจากศอบต.ค่ะ  ระหว่างที่เพื่อนๆนั่งกันอยู่ตรงนี้ ฉันไม่ได้นั่งฟังอยู่ด้วยตลอด  แอบพาตัวเองไปสำรวจฐานเรียนรู้ที่สนใจค่ะ

ระหว่างที่เดินหาฐานที่สนใจได้คุยกับเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง ได้ความว่าเป็นคนจังหวัดตรังที่มาทำหน้าที่อยู่ที่นี่กว่า ๕ ปีแล้ว ตัวเขาเองอยากกลับบ้านแต่กลับไม่ได้ ระหว่างพูดกันรู้สึกว่าเขาคิดถึงบ้านจริงๆ

เดินไปถึงฐานหนึ่งก็เห็นชายฉกรรจ์จำนวนมากกำลังเรียนรู้กันอยู่  เจ้าหน้าที่เล่าว่าใครจะเป็นชุดคุ้มครองหมู่บ้านต้องมาเรียนที่นี่เพื่อเติมความรู้ก่อนจึงได้เป็นค่ะ

มีคนสงสัยว่าทหารทำเรื่องนี้ทำไม คำตอบมีว่า “อย่าไปคิดเรื่องที่ยุ่งยาก เอาเรื่องง่ายๆ ที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของชาวบ้านนี่แหละทำ”

เจ้าหน้าที่คนหนึ่งมาปรึกษาเรื่องสุขภาพเพื่อนเมื่อรู้ว่าฉันเป็นหมอ ฉันจึงรู้ว่าเจ้าหน้าที่ที่นี่ป่วยด้วยโรคเครียดจำนวนไม่น้อยทีเดียว แล้วก็อึ้งกับสิ่งที่รู้  ยาช่วยแก้ให้พวกเขาได้เพียงปลายเหตุ แก้ต้นเหตุเรื่องขวัญให้มีกำลังสำคัญกว่ามากๆค่ะ

เมื่อการแลกเปลี่ยนกับทีมจากศอบต.จบลง ก็เป็นเวลาใกล้เที่ยง ลุงเอกจึงเปิดโอกาสให้ถามเพียงไม่กี่คำถามเพื่อควบคุมเวลา  แล้วการเสวนาเช้านี้ก็จบลง

แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับศอบต.กันที่นี่แหละ

หลังจากนั้นทุกคนก็รวมพลกันอีกครั้ง พากันเคลื่อนขบวนเข้าไปที่ค่ายสิรินธร กรมทหารราบที่ ๕ ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เพื่อเติมท้องให้อิ่ม

ระหว่างที่พวกเราไปถึงนั้นทหารส่วนหนึ่งกำลังตั้งกองเกียรติยศเคารพศพทหารที่เสียชีวิตเมื่อวานนี้ ๕ ศพที่ยะลากันอยู่  เห็นแล้วก็รู้สึกเศร้าใจค่ะ

ฉันมีความรู้สึกว่าเพื่อนๆพี่กินอาหารมื้อนี้กันอย่างเร่งรีบ  เพื่อนๆที่อยู่ใน ๓ จังหวัดภาคใต้แยกตัวลาจากกลุ่มกันที่นี่เอง ฉันเดินทางกลับร่วมทางมากับรถคันเดิม

เมื่อเดินทางมาถึงสนามบินหาดใหญ่แล้ว รถโรงพยาบาลที่นัดให้มารับรอฉันอยู่แล้ว ฉันจึงบอกลาเพื่อนร่วมทางและคนอื่นๆที่ได้ปะหน้ากัน  แล้วแยกตัวจากมา

ไม่ได้กลับกระบี่ทันทีแต่แวะเข้าหาดใหญ่เพื่อไปเจอน้องแป๊ด   ให้คนขับรถไปทำธุระ นัดเจอน้องแป๊ดที่ห้างคาร์ฟู มอบหนังสือที่ตั้งใจนำมาฝากแล้วนั่งคุยกัน น้องแป๊ดเลี้ยงฉลองวันเกิดให้ แล้วบ๊ายบายกันหลังจากนั้นไม่นาน

วันนี้หาดใหญ่รถติดมาก กว่ารถจะหลุดออกจากหาดใหญ่ก็เป็นเวลาเลยบ่ายไปมากแล้ว  ระหว่างเดินทางเจอฝนบ้าง กว่าจะถึงบ้านก็เป็นเวลาเกือบ ๒ ทุ่ม

ดีใจที่กลับถึงบ้านซะที….อิอิ

๓ กรกฎาคม ๒๕๕๓

« « Prev : เด็กสานฝัน ผู้ใหญ่สานงาน

Next : 2563 เปลี่ยนประเทศไทย » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

3 ความคิดเห็น


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.091004133224487 sec
Sidebar: 0.52254390716553 sec