ปีนต้นไม้ไปกินข้าว
เมื่อการดูงานที่วัดสิ้นสุดลง การเดินทางต่อก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง คราวนี้รถตู้นำเรามาปล่อยที่บ้านพักของนายอำเภอสุไหงปาดี ระหว่างทางก็มีคนคุยกันในรถว่าอยากได้ต้นใบไม้สีทองหรือย่านดาโอ๊ะกลับไปปลูกที่บ้าน แต่ก็ไม่มีใครให้คำตอบว่าจะหาได้ที่ไหนในนราธิวาส
เมื่อเราเดินทางมาถึงบ้านพักนายอำเภอเวลาก็เคลื่อนคล้อยใกล้บ่ายเข้าไปมากแล้ว ดูเหมือนทุกคนต่างพากันหิวจัดจึงไม่รีรอที่จะพาตัวลงจากรถกันโดยเร็วพลัน
ตรงซุ้มประตูเข้าสวนสวยในบริเวณบ้านนายอำเภอ มีสาวสวยกลุ่มที่เราเจอเมื่อตอนเช้ามารอกันอยู่ เธอเชื้อเชิญให้เราเดินผ่านประตูสวนเข้าไปยังจุดที่เธอเตรียมอาหารไว้ให้พวกเรา
ถึงแม้จะหิวแต่ทิวทัศน์ก็ดึงดูดใจให้ชมธรรมชาติกันหน่อยก่อนไปโจ้อาหารด้วยกัน
เมื่อเงยหน้าขึ้นมองไปตามมือผายชี้ชวนของเธอ ฉันก็เห็นบันไดปีนขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่เป็นคล้ายบันไดเวียน เหนือบันไดเป็นเชิงพักที่มีชานให้วางสิ่งของและโต๊ะกินข้าว สาวสวยอีกหลายคนกำลังเตรียมอาหารกันอยู่บนนั้น
เห็นแล้วก็นึกในใจว่า อืม! วันนี้ได้กินข้าวบนต้นไม้ในห้องอาหารไร้ฝาเนอะ น่าจะเป็นประสบการณ์ดีๆที่เจ้าบ้านอยากให้เราเซอไพร๊ท์ อาหารเที่ยงวันนี้มีรสของธรรมชาติให้ลิ้มลอง มีสีสันและความอิ่มอุ่นของน้ำใจคอยดูแล ผ่อนคลายไม่เบา รูปแบบที่เตรียมอาหารไว้เป็นแบบบุฟเฟ่ห์
หม้อข้าวหม้อแกงลิงต้นน้อยและสาวสวยที่มารอรับ บ่งบอกถึงความในใจที่เจ้าบ้านอยากมอบความสุขเล็กๆให้เรา
อาหารที่เตรียมไว้มีหลายเมนูให้ลิ้มรส ทุกเมนูอร่อยเชียวหละ มีเมนูหนึ่งที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนและก็มาเห็นที่นี่เป็นครั้งแรกอีกแล้วทั้งๆที่เป็นอาหารภาคใต้ แว่วๆเขาเรียกมันว่า”ละแซ”นะ หน้าตามันเหมือนขนมจีนที่มีขนาดเส้นใหญ่เท่าเส้นก๋วยเตี๋ยวที่มีน้ำแกงสีขาวกะทิเคี่ยวไว้ราด ที่น้ำแกงไม่มีสีเพราะว่าเขาไม่ใส่ขมิ้นและพริกแดงค่ะ ชวนไปศึกษาวิธีทำเผื่อใครอยากชิมค่ะ
ระหว่างเดินขึ้นไปบนบ้านเล็กๆหลังนี้ ก็เห็นต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงน่ารักในกระถางวางอยู่ใกล้โคนต้นไม้ด้วย เจ้าห้องอาหารไร้ฝานี่เป็นส่วนของบ้านที่มีต้นไม้ใหญ่ ๒ ต้นเป็นเสาค้ำยันให้อยู่ได้ ที่แปลกคือไม่เห็นปาล์มบังสูรย์ พันธุ์ไม้ซึ่งมีแหล่งกำเนิดอยู่ในพื้นที่ อ.สุไหงปาดีถูกปลูกอยู่เลย
เดินเลือกอาหารกันตามชอบ และก็ชอบไปหมด จนวนไปเจออาหารหน้าตาอย่างทางขวา เอ๊ะ แปลกดี ชิมซะหน่อย..อ๊ะ..อร่อย
ความหิวทำให้หลายคนกินอาหารมื้อนี้อย่างอร่อยมาก วนเวียนตักอาหารชิมแล้วชิมอีก กว่าที่จะพวกเราจะเคลื่อนขบวนเดินทางต่อกันได้ แต่ละคนก็กินกันจนท้องอิ่มพุงกางกันไปเลย
อิ่มกันแล้วจึงสังเกตเห็นว่าลุงเอกหายตัวไป ป้าแจ๋ พี่จุก พี่อู๊ดไม่ได้หายตัวไปด้วย พี่ๆทั้งสามมากินข้าวกับเราด้วย มารู้ว่าลุงเอกโดนจิ๊กตัวพาขึ้นฮ.ไปพบแม่ทัพภาค ๔ แบบศิลปินเดี่ยวก็ตอนที่ถามกันว่าจะเจอลุงเอกได้ที่ไหน
ในช่วงเช้าของวันนี้น้องปอเลยได้เรียนรู้การดูแลพวกเรานอกสถานที่ตามลำพังเป็นครั้งแรกค่ะ
หันกลับไปมองสถานที่นั่งกินข้าวก่อนขึ้นรถ ก็เห็นป้ายเขียนว่า “บ้านทาร์ซาน” แสดงว่าผู้ที่สั่งให้สร้างบ้านน้อยหลังนี้มีความประทับใจกับชีวิตชายหนุ่มที่เห็นในหนังเรื่องทาร์ซาน ซึ่งเป็นหนังดังที่กำเนิดขึ้นเมื่อกว่า ๓๐ ปีก่อนหรือเปล่า
หลักฐานอยู่ตรงไหนหาดูนะคะ ก็แค่นำมาบอกว่าหนูไม่ได้ตั้งใจเป็นเจนค่ะ
ไม่รู้ว่าคนสวยในกลุ่มพวกเราที่มาดูงานลองสมมติตัวเองว่าเป็นเจนกันบ้างมั๊ยเนอะ…อิอิ
อ้าวไม่รู้จักว่า เจน เป็นใครหรือ เธอเป็นสาวนักข่าวไฮโซที่จับพลัดจับผลูกลายมาเป็นสุดที่รักของทาร์ซานไงค่ะ ไม่ใช่เจนไหนๆทั้งนั้น
เล่าถึงแล้วก็อยากดูหนัง ว๊า…มีแต่หนังสมัยใหม่ซะนี่ ไปดูด้วยกันมั๊ยค่ะ ( ๑, ๒, ๓) ฉันว่ามันสอนเรื่องความขัดแย้ง ความรุนแรง วัฒนธรรมชนเผ่าด้วยนะคะ
๒ กรกฎาคม ๒๕๕๓
« « Prev : ดูเบื้องหน้า เรียนเบื้องหลัง
Next : ไปคารวะเสด็จเตี่ยที่ค่ายจุฬาภรณ์ » »
ความคิดเห็นสำหรับ "ปีนต้นไม้ไปกินข้าว"