รู้จักที่เรียน
หลังลาจากมัสยิดตะโละมาเนาะ รถตู้ก็นำเราเดินทางต่อไปยังจุดดูงานถัดไป เส้นทางที่รถวิ่งไปมีทั้งผ่านถนนใหญ่และผ่านถนนในหมู่บ้าน
เส้นทางถนนใหญ่ไม่ต้องพูดถึง เป็นเส้นทาง ๔ เลนรถวิ่งสวนผ่านกันสบายๆ เส้นทางในหมู่บ้านยังเล็กและแคบแบบถนนสองเลน และมีบางเส้นเป็นถนนลูกรัง
สองข้างทางของถนนหมู่บ้านในบางช่วง มีสวนลองกองอยู่หนาแน่นไปทั่ว มีต้นเงาะปลูกบ้างแต่ต้นลองกองมีมากกว่ามาก สวนใกล้บ้านที่เห็นๆไม่ใช่สวนยางพาราอย่างที่เคยเห็นตามหมู่บ้านในจังหวัดฉัน เป็นสวนลองกองทั้งนั้น แม้แต่ต้นสะตอก็ไม่เห็นเลย
แล้วรถก็หยุดลงที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง มีรถหลายคันจอดอยู่ก่อนแล้ว มีผู้คนมากมายแต่งตัวแบบคนเมืองยืนรออยู่ ลุงเอกเดินนำลงจากรถลงไปทักทายผู้ที่รออยู่ ฉันจึงเห็นทหารที่ยืนอยู่ด้วยท่ามกลางผู้คนเหล่านั้น ตรงลานที่จอดรถมีต้นลองกองขึ้นเต็มไปหมด
ที่แท้ผู้มารอรับเคยพบกับ ๔ส๒ ที่ซีเอสปัตตานีมาแล้ว มีผู้ใหญ่ด้านความมั่นคงมารอรับลุงเอกด้วย ต้นไม้เขียวๆที่เห็นคือต้นลองกองที่ปลูกไว้ใกล้บ้าน
อ้อมเดินหลีกกลุ่มที่รอตัดหน้ารถไป สายตาก็ปะทะกับผู้คนที่แต่งตัวจากคนเมืองอีกกลุ่มยืนอยู่หน้าบ้าน ทุกคนยืนเข้าแถวรอเหมือนนักเรียนฝึกรด. ยังไงยังงั้นเลย เครื่องแต่งกายที่ใส่บอกให้รู้ว่าทั้งหมดเป็นมุสลิม คนที่ยืนรอตรงนี้มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ปนกันและมีแต่ผู้ชายเท่านั้น
เดินไปใกล้ถึงตัวบ้าน ก็มีคนเชื้อเชิญและชี้ให้ผู้หญิงเข้าทางหลังบ้านที่เปิดประตูให้ เพื่อนผู้ชายที่ตามหลังไม่รู้ว่าให้แยกเข้าก็เผลอตามเข้ามาด้วยกัน ผู้นำทางจึงมาแยกออก และชี้บอกให้ผู้ชายเดินไปที่ห้องอีกด้านของบ้าน
บรรยากาศการทักทายกันที่หน้าบ้าน
เข้าไปที่ในบ้านก็พบกลุ่มแม่บ้าน ๓-๔ คนรอต้อนรับอยู่ บนเสื่อตรงที่ว่างของหลังบ้าน มีเตาต้มน้ำตั้งอยู่ เมื่อพวกเธอพาตัวออกมาจากหลังม่านกั้นระหว่างที่ว่างกับช่วงหลังบ้านกันหมดแล้ว ก็ชักชวนให้ลองทำขนมกัน ขนมที่ชวนให้ทำคนใต้ตอนบนเรียกว่า “ขนมโค” ภาคกลางเรียก “ขนมต้มขาว” ส่วนคนปัตตานีเรียกชื่อว่าอะไร ไม่ได้ถามค่ะ
คุณนารี(นารี เจิญผลพิริยะ) ดูเหมือนจะคุ้นเคยกับแม่บ้านกลุ่มนี้ เมื่อได้ยินเธอถามหาห้องน้ำ ฉันก็รีบตามเธอไปด้วยความอยากปล่อยน้ำออกจากตัวบ้างก็เลยมีโอกาสได้เห็นห้องเรียนศาสนาของเด็กผู้หญิงที่แยกส่วนโดยเด็ดขาดจากห้องเรียนของเด็กผู้ชาย ส่วนน้องอุ้ม(เกษรา รื่นภิรมย์) ที่เดินตามหลังมาเธอพาตัวเข้าไปชวนเด็กๆคุยค่ะ
ประตูในรูปซ้ายมือสุดมีให้ผู้หญิงเดินผ่านไปเข้าห้องเรียนที่เห็นโถงว่างและมีชั้นหนังสืออยู่ ที่เห็นนั่งกันอยู่ในภาพขวามือสุดคือนร.หญิงที่เรียนอยู่ที่นี่
เมื่อผู้ชายเิดินเข้าไปกันอีกทางพร้อมกันแล้ว การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ก็เริ่มขึ้น เพิ่งรู้ว่าที่เข้าแถวรออยู่หน้าบ้านทั้งหมด เป็นนักเรียนชายที่เรียนอยู่ที่นี่ค่ะ ดูอายุแล้วฉันก็สงสัยหลักสูตรเรียนที่นี่แบ่งชั้นความรู้ไว้อย่างไรนักเรียนโข่งจึงมาเรียนอยู่ด้วยกับเด็กเล็กๆ ซึ่งก็ไม่ได้คำตอบ
เด็กผู้หญิงตอบคำถามเรื่องนี้ว่า “ไม่มีีชั้นเรียน เรียนไปเรื่อยๆจนแต่งงานก็หยุดเรียน แต่งงานแล้วถ้ายังจะเรียนก็ยังเรียนได้อีก แต่ส่วนใหญ่ไม่เรียน”
ระหว่างที่คุณดวง คุณอู๊ด พี่จิตร์ พากันลองทำขนมโคกันอยู่ ฉันกับน้องอุ้มพาตัวไปที่หลังม่านที่เห็นแม่บ้านเขาเดินออกมา ตอนที่เดินเข้าไปนั้น ผู้ชายทั้งหมดเข้าไปในห้องเรียนของผู้ชายกันหมดแล้ว ม่านถูกตลบขึ้นให้เห็นห้องดังกล่าวแล้วค่ะ
เข้าไปหลังบ้านก็พบเครื่องมือทำขนมตั้งอยู่ เห็นขนมก็รู้ว่าเจ้าของบ้านตั้งใจดีกับแขก อยากให้ได้ชิมขนมอร่อยๆ ขนมชนิดนี้จะอร่อยต้องกินตอนที่ยังอุ่นๆค่ะ
เข้าไปถึงหลังบ้านก็เห็นขนมโคที่ทำด้วยแป้งข้าวเหนียวห่อไส้น้ำตาลปึกหั่นเป็นแว่นลูกเต๋าปั้นกลมๆลวกสุกคลุกมะพร้าว ปรุงรสแป้งให้อร่อยด้วยเกลือ ใช้น้ำปูนใสช่วยให้แป้งหยุ่นๆ ทั่วๆไปใช้ใบเตยย้อมสีเขียว ซึ่งที่นี่ใช้สีอะไรไม่รู้ ถูกแพ็คไว้เรียบร้อย เตรียมส่งมอบเป็นของฝากให้พวกเราถือติดมือกลับไป
นั่งคุยกับเด็กแล้วไม่รู้สึกว่า ที่แห่งนี้มีอะไรที่น่าระแวงว่าไม่ปลอดภัยเลยค่ะ ไม่เอะใจอะไรจนเมื่อคุณนารีตามเข้าไปคุยกับผู้เฒ่าคนหนึ่งที่เข้าไปนั่งคุยอยู่แล้วกับฉัน น้องอุ้ม และเด็กๆ แล้วมอบหนังสือที่เธอเขียนความทุกข์ใจของผู้หญิงที่มีประสบการณ์รุนแรงเผยแพร่ให้สังคมได้รับรู้จากเรื่องราวที่ได้ยินได้ฟังในฐานะที่เป็นสันติอาสาในพื้นที่ให้ผู้เฒ่าไปหนึ่งเล่ม ฉันจึงรู้ว่าสถานที่แห่งนี้คือที่เดียวกับที่ครูจูหลิงได้รับบาดเจ็บเจียนตาย
ทางเข้าห้องเรียนของนร.ชายจากหน้าบ้าน คือ ประตูที่เห็นในภาพซ้ายสุด ประตูที่เห็นเด็กๆอยู่ในห้องและมีคนเมียงมองอยู่เป็นประตูเชื่อมห้องโถงกลางที่ใช้เดินผ่านเข้าห้องเรียนนร.หญิง
๑ กรกฎาคม ๒๕๕๓
« « Prev : เจาะลึกมัสยิดตาโละมาเนาะ
ความคิดเห็นสำหรับ "รู้จักที่เรียน"