ชมสวนป่านำเรียนรู้ “ชีวิต”
ตอนเช้ารู้สึกเหมือนมีคนมานอนข้างๆแต่ฉันก็ไม่ลืมตาขึ้นดู นอนหลับต่อไปด้วยความรู้สึกยังอยากนอน มารู้สึกตัวอีกทีเมื่อมีเสียงนอกหน้าต่างเข้าหูแว่วๆว่า ป้าจุ๋มช่วยทำขนมปังให้ได้ชิมกันแล้ว เข้าใจว่ากิจกรรมตอนเช้าผ่านกันไปแล้ว รู้สึกถึงร่างกายที่เกือบปกติ แล้วมาตื่นเต็มที่เมื่อมีเสียงเด็กเจี๊ยวจ๊าวว่า “พ่อๆ พี่อึ่งตื่นแล้ว อยู่ในห้อง”
ตื่นขึ้นมาจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้วก็จัดการเก็บของใส่ลงกระเป๋าเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับพาตัวกลับเข้ากรุงเทพฯเย็นนี้ แล้วก็พาตัวออกมารวมกลุ่มกับคนอื่นๆ จึงรู้ว่าที่แท้พ่อครูยังไม่ได้เริ่มกิจกรรมอะไรที่นัดกันไว้
แล้วพ่อครูก็ชวนเดินเข้าไปชมสวนป่า กลุ่มมกราเดินตามไปอย่างเริงรื่น อาจารย์โสรีช์เดินตามไปด้วยแบบอยู่ตามหลัง เมื่อพ่อครูชวนให้ลองเด็ดผักไปทำกับข้าวมื้อเช้า อาจารย์ก็ให้ลูกศิษย์ได้ลองเองเต็มที่ค่ะ ฉันดูๆแล้วรู้สึกว่าอาจารย์ไม่ถนัดเรื่องผัก จึงไม่อยากลองนะคะ แต่เมื่ออาจารย์เห็นลูกศิษย์บางคนไม่ขยับ อาจารย์ก็ลงมือด้วยค่ะ
บรรยากาศกิจกรรมตอนเช้า อากาศและแดดที่เห็นเป็นช่วงเวลาระหว่างโมงครึ่งถึงแปดโมงครึ่ง ( แถวล่างรูปกลาง ลูกช้างเป่าหาแมงช้าง…อิอิ)
ระหว่างที่เดินตามเรียนรู้ มีบางครั้งฉันเห็นอาจารย์ตั้งใจอยู่ห่างลูกศิษย์ แล้วบางครั้งอาจารย์ก็เล่นให้ลูกศิษยได้เห็น ดูไปแล้วความคิดในหัวก็สะกิดว่า ฉันเห็นหรือเปล่าว่าอาจารย์กำลังเปิดโอกาสให้ลูกศิษย์ได้เรียนรู้เต็มที่ แล้วอาจารย์คอยสังเกตเพื่ิอหามุมเติมเต็มไว้ให้ต่อ
เมื่อสงสัยว่าความคิดนี้ใช่หรือเปล่า ฉันจึงเอ่ยปากถามน้องครูอึ่งถึงเรื่องที่เห็น คำตอบที่น้องครูอึ่งตอบมาคือ “หนูไม่รู้ค่ะพี่”…อิอิ…แป่วเลย
แต่น้องครูอึ่งก็ช่วยเหลือในการหาคำตอบด้วยการส่งคำถามต่อไปที่น้องสร้อย ซึ่งตอนนั้นฉันมีคำตอบให้ตัวเองแล้ว ฉันจึงไม่สื่อสารคำถามไปที่น้องสร้อยเมื่อน้องครูอึ่งให้ทวนคำถามใหม่ คำตอบที่ฉันได้มาให้ตัวเองก็คือ “ยังไม่รู้ก็ดูต่อไปค่ะ”
ชวนกันถ่ายรูปรวมกลุ่มที่กองฟางใหญ่ที่อยู่ตรงถนนเข้าบ้าน ก่อนสลายกลุ่ม
บรรยากาศก่อนสลายกลุ่ม หลังชมสวนป่าในวันแรกกันแล้ว
สลายกลุ่มกันแล้ว ก็พากันมานั่งรอสำรับกับข้าว ใครใคร่ลงมือลองทำกับข้าวก็พากันไปลงมือ ป้าหวานเดินมาเล่าให้ฟังว่าไข่ครอบยังมีเหลือพอให้กินอีกมื้อ มีไอเดียอะไรบ้างไหมที่จะปรับให้เป็นเมนูใหม่แทนรูปเดิม ฉันจึงเสนอความคิดไปว่า ทำยำซิ ใส่ส่วนผสมของยำคลุกกันเข้าไปอร่อยดี ปรุงรสออกมาจริงๆ ยำไข่ครอบของป้าหวานกับป้านายอร่อยที่ซู๊ดเลย ขอยกนิ้วให้คนที่ช่วยกันปรุงค่ะ
สัญชาตญาน”รู้สึกผิด” ที่ทำให้ “กลัว ไม่กล้า เซ็ง” ถ้ามีความ “รู้สึกเหนือผิด” เป็นกระสายคอยคานอยู่แรงพอ ความสุขก็เกิดในความทุกข์เล็กๆได้
แค่การทำอะไรง่ายๆอย่างนี้ ก็สามารถเรียนรู้ “วิชาใจเขา-ใจเรา” ได้แล้วหละ
เมื่อ ๒ ครูผู้มากบารมีได้เจอกัน คำถามบางอย่างที่ยังไม่มีคำตอบและค้นหาอยู่เรื่อยมาของ ๑ ใน ๒ ครูก็ได้คำเฉลยตรงใจ
ใครไม่ถนัดกับการทำกับข้าวก็นั่งคุยกันต่อ มี ๒ ครูผู้ใหญ่เป็นหลักตั้งวง ฉันเดาว่าเมื่อฉันเข้าไปนั่งกับกลุ่มก็เป็นช่วงที่มีการคุยกันระหว่าง ๒ ครูให้ฟังไปนานแล้ว เมื่อเข้าฟังและพยายามปะติดปะต่อจึงต่อเรื่องไม่ติดค่ะ ขอชวนพี่บู๊ดหรือน้องครูอึ่งเป็นผู้เล่าต่อให้ฟังหน่อย….ก็ดีนะคะ
การนั่งร่วมฟังครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินทัศนคติต่อความตายจากปากพ่อครูซึ่งยืนยันสิ่งที่ฉันเคยสัมผัสความรู้สึกของพ่อครูมาก่อนหน้านี้ค่ะ
ฉันเข้าไปนั่งฟังได้สักครู่ ก็ถึงเวลาชวนกันกินข้าวเช้าค่ะ คราวนี้ฉันนั่งร่วมโต๊ะกับอาจารย์โสรีย์และก็ได้นั่งคุยกัน สังเกตเห็นวิธีที่อาจารย์ดำรงตนอยู่แล้วทึ่ง อาจารย์ปล่อยให้ลูกศิษย์กินกันก่อนจนเกือบอิ่มอาจารย์จึงลงมานั่งกินค่ะ ตั้งแต่เคยเห็นคนเป็นครูมาเคยเห็นมั๊ยค่ะว่ามีครูคนไหนดำรงตนอย่างนี้บ้าง
อิ่มแล้วฉันก็เห็นน้องสร้อย น้องอารามที่กินข้าวเสร็จแล้วก็ลุกไปล้างจาน จึงตามไปล้างด้วยค่ะ จึงมีโอกาสได้คุยกับน้องในกลุ่มมกราเรื่องความต่างทางอาชีพของผู้ที่เรียนจบสายจิตวิทยา และการตัดสินเชิงวินิจฉัยด้านจิตวิทยาด้วย
น้องสร้อยฝึกวิชาล้างจาน มาแล้ว ก็นำมาฝึกต่อที่สวนป่า….แล้วก็มีมารมาผจญ….ป่วนซะงั้นแหละ…ใครจะทำไม…อิอิ
๖ พฤษภาคม ๒๕๕๓
ความคิดเห็นสำหรับ "ชมสวนป่านำเรียนรู้ “ชีวิต”"