ตารางเจ้าปัญญา
ทั้งๆที่ตัดสินใจเวลากลับบ้านไว้แล้ว ทั้งๆที่ลงมือเก็บของไปแล้ว แต่เมื่อผ่านการใช้ชีวิตที่สวนป่าผ่านมา ๑ วัน เสียงในใจมันก็ยังสู้กันเรื่องของเวลากลับ ความคิดที่ควบคุมการตัดสินใจ วนเวียนทบทวนอยู่หลายรอบเรื่องการเลื่อนวันเวลากลับให้อยู่ต่ออีกวัน(น่า..นะๆ)
ความอยากจะอยู่ต่อเกือบเอาชนะได้อยู่แล้ว เมื่อถ่ายรูปหมูๆหมู่ๆทั้งหลายเสร็จแล้วเดินเข้าบ้านมาด้วยกัน พลันมีเสียงโทรศัพท์เข้ามาพร้อมคำแจ้งว่า มีงานชิ้นหนึ่งให้ทำในช่วงระหว่างวันที่ ๑๗-๒๑ พฤษภาคม ที่กรุงเทพฯ ขอทราบความสมัครใจหน่อยว่าสามารถมาร่วมงานได้ตลอดทุกวันไหม งงอยู่พักใหญ่ว่า มีชื่อไปอยู่ที่หน่วยงานนั้นได้อย่างไร
ต้นไม้บนตอตาล ที่เพิ่มมุมสีเขียวใต้ต้นเหรียงที่มีอายุมากกว่าลูกชาย
ผู้ประสานงานเขาตอบว่า โรงพยาบาลแฟกซ์ชื่อเข้าไปให้ ยิ่งงงเข้าไปอีกเพราะเจ้านายไม่ได้บอกให้รู้มาก่อนหน้าว่าจะส่งตัวเข้าไปสู่เวทีนี้ ทบทวนความรู้สึกตัวเองอยู่พักใหญ่ “จะรับงานหรือเปล่า” รู้สึกว่า “ยังไม่ใช่เวลาที่อยากทำ” เพราะช่วงเวลาระหว่าง ๒๓-๒๖ พฤษภาคม สสสส.๒ จะพาไปเรียนนอกห้องเรียนที่ภาคกลางและตะวันออก
เมื่อจำได้ว่างานนี้เป็นงานเดียวกับการที่มีคนจีบต่อหน้าเจ้านาย และเจาะจงขอตัวจากเจ้านายตรงๆให้เข้าไปร่วมงาน หน่วยงานที่ว่านี้เป็นองค์กรที่ไม่ได้ขึ้นกับกระทรวงสาธารณสุข สุดท้ายก็ตัดสินใจ “ลองดู” ตอบรับเขาไป
เดินเข้าบ้านมากับน้องครูอึ่ง ก็ยังไม่หายงง รำพึงบอกออกมาว่า ที่พี่ตัดสินใจกลับพรุ่งนี้ เป็นคำตัดสินใจที่ถูกแล้ว ทำเอาน้องครูอึ่งงง จนเมื่อได้ยินน้องครูอึ่งถามกลับ ตกลงว่าพี่เลื่อนกลับวันศุกร์ใช่ไหม วันนี้ไม่กลับแล้วใช่ไหม นั่นแหละฉันจึงหายงง
เออคนเราหนอ เวลามีความสับสนในความคิด กายก็ไปทาง ใจก็ไปทาง สติก็ถอยห่างเน้อ
กินข้าวเช้ากันเสร็จแล้ว พี่บู๊ดก็ลงมือแบ่งปันความรู้ ใช้บริเวณใต้ต้นไม้หน้าลานไผ่เป็นที่นั่งเรียนกัน เริ่มต้นด้วยการชวนกันบอกเล่าภาพชุมชนที่บันทึกไว้ในความทรงจำตลอดมาของแต่ละคนผ่านลายเส้น ทีแรกน้องๆบ้านมกราคงงง จนมีคนที่หนึ่งลงมือลงเส้น คนที่สอง สาม สี่ก็ลงมือลากเส้นช่วย
ภาพช่วงแรกที่ปรากฏขึ้นคล้ายๆภาพของกลุ่มนักเรียนแพทย์จากชลบุรี เมื่อเวลาผ่านไป อาจารย์โสรีช์เริ่มสนุกลงเส้นด้วย เห็นศิษย์กับอาจารย์ลงมือทำงานร่วมกันอย่างมีความสุขสบายๆค่ะ
สุดท้ายภาพที่ได้ก็มีองค์ประกอบของความมีชีวิตของสรรพสิ่งที่อยู่ร่วมในชุมชนปรากฏให้เห็น เสียดายที่ไม่ได้เก็บภาพไว้ จึงไม่มีมาให้ดูกันค่ะ ว่าชีวิตและชีวาที่อยู่ในภาพมีอะไรปรากฏอยู่บ้าง
บรรยากาศการแบ่งปันกับพี่บู๊ดใต้ต้นลำใย
ได้ภาพมาแล้วพี่บู๊ดก็แบ่งปันต่อชี้ชวนมองหาและเรียนรู้ตัวเองผ่านสี่เหลี่ยมรูปหนึ่งที่มีการแบ่งช่องไว้ ชวนให้เรียนรู้ผ่านการนับจำนวนรูปสี่เหลี่ยมที่แต่ละคนมองเห็น คำตอบมีหลากหลายก่อนคำเฉลยบอกออกมา ถึงแม้กิจกรรมนี้จะรู้เฉลยมาก่อนแล้ว แต่ฉันก็ร่วมเรียนนับในใจไปกับน้องๆด้วย แล้วก็ได้พบว่าการลงมือทำใหม่โดยไม่สนคำตอบเดิมกลับได้ประสบการณ์ใหม่เกี่ยวกับความเป็นตัวเองเพิ่มขึ้นค่ะ
หลังจากพี่บู๊ดเฉลยและแลกเปลี่ยนแล้ว อาจารย์โสรีช์ได้กรุณาเติมมุมมองของครูให้ด้วย มีหลายคำอธิบายที่ฟังแล้วน้าบอกว่าขนลุกเกรียวๆกับความเป็นครูของครูหลายๆรอบเชียวค่ะ
อิริยาบทครูที่สอนวิชาครู-นักเรียนให้เห็น ให้สังเกต ให้เรียน
ระหว่างนี้ฉันรู้สึกว่าร่างกายเริ่มเตือนให้หาน้ำเติมให้ก่อนที่จะเดี๊ยง จึงเดินมาหาน้ำดื่ม ในตอนนี้เองที่น้องครูปูเข้ามากระซิบว่า พี่หมอเจ๊ เลื่อนเวลากลับได้ไหม มีรายการพิเศษของกลุ่มเฮฮาศาสตร์ในวันนี้ที่อยากให้อยู่ร่วมก่อน
ได้เล่าไปแล้วว่าใจมันยังอยากอยู่ แต่ตัดสินใจกลับเพราะอะไร เมื่อน้องครูปูมาชวนอย่างนี้ ใจที่อยากอยู่ต่อมีอิทธิพลขึ้นมาอีก ทั้งๆที่กลัวเดี๊ยงถ้าซ่าไม่ยั้ง ความอยากก็ชนะเมื่อเดินไปคุยกับแม่หวีด้วยความเกรงใจเรื่องเวลาที่ออกจากสวนป่าว่าดึกแล้วจะลำบากไหม คำตอบที่ได้ทำให้ตัดสินใจทำตามใจที่อยาก ออกปากรบกวนให้แม่หวีช่วยเลื่อนตั๋วให้ ขอให้ช่วยดูแลเวลาถึงกรุงเทพฯให้พอมีเวลานอนก่อนไปเข้าเรียนหน่อย ถ้ามีรถอย่างนี้ก็โอเคเลื่อน
แม่หวีคนสวยช่วยดูแลอย่างดีที่สุด เมื่อติดต่อขอเลื่อนเวลาทางโทรศัพท์ให้แล้วไม่สำเร็จเพราะบริษัทนครชัยแอร์มีกฏเลื่อนตั๋วให้ก็ต่อเมื่อมีบัตรประชาชนไปยืนยันตัวพร้อมตั๋ว แม่หวีก็คว้ารถขับไปบุรีรัมย์เป็นธุระต่อให้ทันที จนเวลาเคลื่อนคล้อยใกล้เที่ยงบ่ายเข้าไปเรื่อยก็ยังไม่มีคำตอบเลื่อนเวลากลับได้หรือเปล่า พ่อครูก็คอยถามผลของการเลื่อนตั๋วก็ตอบไม่ได้
จนเมื่อบอกเล่าว่าแม่หวีเป็นธุระดูแลให้ พ่อครูก็ประกันให้ แม่หวีซะอย่าง สำเร็จอยู่แล้ว จนกระทั่งบ่ายสามโมง (เวลากลับเดิม ๔ โมงเย็น) ก็ยังไม่ได้คำตอบว่าสามารถเลื่อนเวลากลับได้หรือเปล่า รู้สึกตุ่มๆต้อมๆกับการรอคำตอบค่ะ ขอขอบคุณแม่หวีสำหรับธุระที่ทำให้ ซึ่่งได้ช่วยเอื้อให้ฉันได้อยู่สวนป่านานขึ้น ขอบคุณสำหรับน้ำใจที่เอื้อเฟื้อดูแลอย่างดีทุกครั้งและอบอุ่นทุกครั้งที่มาเยือนสวนป่าค่ะ
ขอมอบดอกไม้ให้คุณ…ด้วยความรัก
ต่อจากพี่บู๊ดก็เป็นรอบแบ่งปันจากอ้ายเปลี่ยนของพวกเรา คราวนี้ผู้เรียนได้รับการชวนให้ย้ายที่นั่งเรียนเข้ามานั่งในโถงบ้าน นั่งเรียนบ้าง นอนเรียนบ้างตามอัธยาศัย
เจ้าน้อยทำเอาฉันทึ่งกับการเรียนรู้ชุมชนในมุมมองใหม่ ขอบคุณเจ้าน้อยนักๆนะเจ้า ที่กระตุกให้ตื่นจนได้เห็นว่าวิถีชีวิตของคนๆหนึ่งสัมผัสได้ไม่ยากหากรู้จักเรียน รู้จักเชื่อมโยงและให้คุณค่ากับสิ่งเล็กๆน้อยๆที่ผ่านตา
บัญชีครัวเรือนเคาะกระโหลกให้เห็นอีกมุมของวิถีชีวิต…..ขอบคุณเจ้าน้อย (อ้ายเปลี่ยน)เน้อ
เสียงของอ้ายเปลี่ยนนุ่มทุ้มฟังสบายๆ ฟังไปสักครู่เมื่อร่างกายหนาวๆร้อนๆขึ้นมาอีก ฉันก็หลับผลอยไปอย่างไม่รู้ตัว จนกระทั่งได้ยินเสียงพ่อครูเชิญให้อาจารย์ไพลิน ครูอีกคนของน้องครูอึ่ง มาแบ่งปันเรื่องงานเขียน จึงมีแรงตื่นได้ ก่อนที่อาจารย์ไพลินจะเริ่ม พ่อครูก็แจ้งข่าวที่ควรร่วมยินดีให้รู้กัน และงานนี้มีหนังสือเจ้าเป็นไผ ๒ เล่มและหนังสือของจอมป่วน ๑ เล่มได้ออกงานใหญ่อีกแล้วค่ะ
ฟังอาจารย์ไพลินแล้วอึ้ง ทึ่งกับสไตล์ชีวิตและวิธีผลิตสื่อการสอนที่ไม่ธรรมดา ฉีกแนวสุดๆด้วยเจตนาเพียงแค่ “ลวงให้เด็กอ่านหนังสือ” ก็ทำให้อาจารย์ได้มาซึ่งหนังสือน่าอ่านหลายเล่มที่ซ่อนคุณค่าแห่งความพันผูกระหว่างครูกับลูกศิษย์ไว้ให้สัมผัสได้ อาจารย์กรุณาให้พวกเราลงชื่อขอรับหนังสือที่เขียนเรื่องราวต่างๆไว้อย่างแล้วแต่จะชอบค่ะ ขอบพระคุณอาจารย์ในความเมตตาที่มอบให้ไว้ในที่นี้ด้วยค่ะ
จบการแบ่งปันแล้ว ก็สลายวงชวนกันไปตำส้มตำตามรสมือที่แต่ละคนชอบ ครกแรกมีคนตำเอาไว้ให้ชิม ฉันไปต่อครกสอง ด้วยสุขภาพที่รู้ตัวว่าอาจเดี้ยง มื้อนี้จึงตั้งใจขอกินอาหารรสจืดลง ตำรสที่ได้ความหวานและความเค็มมาจากธรรมชาติของมะละกอและส่วนผสมแทนเครื่องปรุงรสเพื่อผ่อนปรนให้ร่างกายลดการทำงานหนัก พอตำเสร็จแล้วตักใส่จานให้ชิม ป้าหวานที่เดินมาลุ้นบอกว่าครกนี้น่าอร่อย ชิมแล้วเงียบไปเลย..อิอิ…ไม่ได้ตั้งใจแกล้งป้าหวานนะคะ…จริงใจค่ะจริงใจ
๗ พฤษภาคม ๒๕๕๓
« « Prev : ชมสวนป่านำเรียนรู้ “ชีวิต”
Next : 5555…อย่างนี้ผมก็ทำได้ » »
4 ความคิดเห็น
คิดถึงหมอเจ๊เน้อ..
มาที่นี่ทุกคนคิดและเลือกบทบาทได้ตามใจชอบ การให้โอกาสกับตัวเองอย่างที่หมอเจ๊ทำถือว่าสุดยอด
เวลาก็อย่างหนึ่ง
หน้าที่การงานก็อย่างหนึ่ง
พันธหน้าที่ยึดโยงก็อย่างหนึ่ง
ถ้ามีวิธีเลื่อนไหลให้พอดี ก็จะทำอะไรๆได้มากขึ้น อิอิ
เบิกบานทั้งการงาน จิตใจ
ใจเปิดพื้นที่ทุกส่วนเปิด
เรียนรู้ไปกับพี่หมออย่างเงียบ ๆ และเปิดใจค่ะ
ขอบคุณพี่หมอเจ๊ที่ถ่ายทอดเรื่องราวให้ได้ติดตาม เสียดายจริงป้าหวานไม่อยู่ตรงนั้นตอนที่อ.โสรีช์ ร่วมเติมมุมมอง ถ้าจะขอให้พี่หมอเจ๊กรุณาเติมไว้ตรงนี้สักนิดได้ไหมคะ อยากเรียนค่ะ
ป้าหวานรับรู้ได้ว่าพี่หมอเจ๊ใคร่ครวญ พินิจ กับเรื่องราวต่างๆอยู่เสมอ และรับเอามาเตือนตัวเองให้ดูแบบอย่าง อย่างเช่นเรื่องตำส้มตำวันนั้น ถ้าไม่เฉลยวันนี้ก็ไม่รู้ว่าพี่หมอจะเลือกรสธรรมชาติแบบมีเหตุผล กินเพื่ออยู่ดี ไม่ใช่กินตามใจอยาก เป็นอีกบทเรียนหนึ่งค่ะ ดีใจที่มีโอกาสสัมผัสพี่หมอเจ๊ในคราวนี้ ขอบพระคุณค่ะ ได้เรื่องไปเขียนบทเรียนจากสวนป่าอีกเรื่องแล้ว ฮี่ๆๆๆอ่านของคนโน้น คนนี้ แล้วค่อยๆเก็บมากระตุ้นตัวเอง อิอิ