สานสัมพันธ์ ๒ บ้าน
ยามเย็นแดดร่มลมตก ระหว่างที่พ่อครูกับอาจารย์โสรีช์คุยกันเองอยู่ หลายคนในกลุ่มเฮก็ไปจัดการเรื่องในครัว ใครไม่ทำครัวก็อยู่ตามอัธยาศัย สักครู่ก็มีเสียงบอกต่อกันว่าพ่อครูตามให้เข้าไปในบ้าน แล้ววงสนทนา “เจ้าเป็นไผ” สานสัมพันธ์ระหว่างคน ๒ บ้านของน้องครูอึ่งก็เป็นบริบทแรกที่เกิดขึ้น
บรรยากาศของวงสนทนา “เจ้าเป็นไผ” ระหว่างทีมบ้านมกราและทีมเฮฮาศาสตร์
ได้รู้จักชื่อเสียงเรียงนามกันแล้วก็สลายวง บรรดาทีมลูกแม่โพสพก็กระจายตัวไปทำกับข้าว กับข้าวมื้อนี้ต่างจากมื้ออื่นตรงที่ มีลูกชายแม่โพสพไปร่วมทำกับข้าวด้วย ฉันเองไม่รู้จะทำอะไร ก็ตามเข้าไปเป็นลูกมือด้วย ทำๆไปรู้สึกว่าไปเกะกะทำให้ช้า จึงตัดสินใจพาตัวออกมาซะ น้ากลัวเด็กๆทีมบ้านมกราจะกินข้าวไม่อร่อย ก็ชวนป้านายลงมือทำหมูทอดให้ พ่อครัวแม่ครัวทั้งหลายฝีมือชั้นยอด อาหารเย็นมื้อนี้อร่อยจริงๆค่ะ
เปิดตัวเจ้าเป็นไผแล้วก็พากันไปเป็นลูกชายลูกสาวแม่โพสพ เตรียมอาหารมื้อเย็น
ระหว่างกินข้าวด้วยกัน ก็มีหลายคนในกลุ่มชาวเฮที่นั่งกินไปคุยไปกับอาจารย์โสรีย์ ตัวฉันเดินไปเดินมาไม่ได้พาตัวไปนั่งคุยในกลุ่มหลายคนนั้น อาจารย์โสรีย์คงสังเกตเห็นการอยู่ห่างๆของฉัน อาจารย์จึงเจาะจงเรียกให้เข้าไปนั่งใกล้เมื่อหลายคนลุกออกไปแล้ว นั่งแล้วอาจารย์ก็สร้างสัมพันธ์ระหว่างกันเรื่อยๆด้วยเรื่องเล่า อาจารย์เล่าให้ฟังว่าอาจารย์เคยมีกิจกรรมกับกลุ่มเด็กมุสลิมจาก ๓ จังหวัดภาคใต้ที่กระบี่ และยังมีอีกหลายเรื่องราวที่น่าสนใจเรียนรู้ เช่น กิจกรรมกับผู้คนที่ประสบภัยสึนามิ
จากเวลาบ่ายคล้อยจวบถึงเย็น อาการทางกายที่ไม่ปกติตะครั่นตะครอยังเกิดขึ้นกับตัวฉันเป็นระยะๆ โชคดีที่คอยเติมน้ำให้ร่างกายอยู่เรื่อยๆตลอดวัน ไม่เติมของหวานๆหรือเย็นให้ร่างกายทำงานหนักเพิ่มขึ้น เมื่อถึงเวลาค่ำคืน ร่างกายจึงไม่เพลีย ทำให้ได้มีโอกาสได้คุยกับอาจารย์ต่อได้อีกระยะหนึ่ง
ระหว่างที่รอกันว่ากิจกรรมภาคค่ำจะทำอะไร ฉันอยากรู้ว่าบริบทที่อาจารย์มีประสบการณ์กับเด็กภาคใต้มีอะไรพิเศษอยู่บ้างในเรื่องความรู้สึกต่อความรุนแรงจึงเข้าไปชวนให้อาจารย์เล่าให้ฟัง คุยกับอาจารย์แล้วได้มุมมองอีกมุมไว้เป็นข้อตามรู้จักเด็กมุสลิมเมื่อมีโอกาสข้างหน้า รู้สึกเป็นโชคดีของชีวิตค่ะ
พี่ตึ๋งใช้โอกาสที่ยังไม่มีกิจกรรมเปิดเพลงคาราโอเกะให้ฟัง น้องครูปูก็เข้ามาแจมร้องเพลง เด็กๆส่วนหนึ่งของบ้านมกราก็ชวนกันมาร้องเพลงร่วมด้วยเป็นที่สนุกสนาน
บรรยากาศของร้านสวนป่าคาราโอเกะ
นั่งคุยกับอาจารย์จนรู้สึกว่าร้อนมากฉันจึงปลีกตัวไปอาบน้ำ ออกมาที่โถงบ้านอีกครั้งก็เห็นสมาชิกอีกส่วนของบ้านมกราจับกลุ่มคุยกันอยู่ อาจารย์โสรีย์ก็อยู่ด้วย ฉันจึงพาตัวเข้าไปร่วมฟัง อาจารย์เห็นหน้าแล้วถามว่า นี่ใช่ฉันหรือเปล่า ฉันฟังแล้วอึ้ง งงค่ะ น้องครูอึ่งเป็นคนตอบว่า ใช่ แล้วเพิ่มเติมว่า ฉันเพิ่งไปอาบน้ำมา
บรรยากาศหนึ่งในกลุ่มบ้านมกรา คนซ้ายสุดอาจารย์โสรีช์เรียกว่า “มืดะ”
อาจารย์คุยหลายเรื่องให้ฟัง มีประเด็นของความเชื่อมโยงร่างกายกับใจเป็นหนึ่งเดียว ฟังแล้วฉันเห็นมุมมองเรื่อง”จักรวาล”ค่ะ จินตนาการที่ฉันเห็นในสมองมันรับรู้ภาพของจักรวาลในทฤษฎีแควนตัมฟิสิกส์ไปได้เลยเชียว คุยกันจนมีคนง่วงหลับให้เห็น อาจารย์จึงให้สลายวง ขณะที่วงคุยสลายตัว วงคาราโอเกะยังดำเนินต่อไปอย่างสนุก
ร่างกายที่ไม่ปกติทำให้ฉันตัดสินใจปลีกตัวเข้านอน ไม่ฝืนเมื่อรู้สึกง่วง ทีแรกตั้งใจจะนอนคุยกับน้องสร้อย น้องครูอึ่ง ให้สมกับไม่ได้เจอกันนาน แต่เมื่อขึ้นไปสัมผัสอุณหภูมิห้องข้างบน ก็ไม่แน่ใจว่าตื่นขึ้นมาตอนเช้าร่างกายจะยังปกติอยู่ได้มั๊ย จึงเปลี่ยนใจลงมาหาที่เหมาะๆกับสภาพร่างกายนอน สุดท้ายได้ห้องด้านหลัง เมื่อล้มตัวลงนอนก็หลับสบายรวดเดียวถึงเช้าเช่นทุกครั้ง ไม่รู้หรอกว่าวงคาราโอเกะเลิกกันเมื่อไร ใครคุยอะไรกันต่อหรือเปล่า ไม่รู้แม้กระทั่งว่ามีใครบ้างที่เข้ามานอนร่วมห้องด้วย
ก็ขอบอกว่าประสบการณ์ของวันนี้ทั้งวัน มอบรางวัลให้ชีวิตมากมายเลยค่ะ ขอบคุณทุกๆคนที่มีส่วนมอบให้ค่ะ
๕ พฤษภาคม ๒๕๕๓
Next : ชมสวนป่านำเรียนรู้ “ชีวิต” » »
1 ความคิดเห็น
ขอบคุณที่ช่วยรายงานได้อย่างยอดเยี่ยม