ความต่างที่ได้เห็น

โดย สาวตา เมื่อ 8 พฤษภาคม 2010 เวลา 21:32 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต, สวนป่า, สังคม, เล่าสู่กันฟัง, เฮฮาศาสตร์ #
อ่าน: 1363

ระหว่างที่ทีมอาจารย์จิตเจริญมาถึง น้องสร้อยและน้องครูอึ่งก็ปลีกตัวไปพักผ่อนกันก่อน ทีมอาจารย์ก็เลยไม่ได้พบปะหน้าของทั้ง ๒ คน น้องสร้อยทำเวลาได้ดีมาก ตื่นขึ้นมาทันกินมื้อเที่ยงที่กินจริงเวลาบ่ายแก่่ๆแล้วด้วยกัน  น้องครูปูชวนแม่หวีมานั่งกินพร้อมกันด้วย เป็นมื้อแรกที่เห็นแม่หวียอมนั่งร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกัน ดีใจนักค่ะ

อิ่มท้องกันแล้วทั้งทีมบ้านมกราและชาวเฮฮาศาสตร์ก็แยกย้ายกันตามอัธยาศัย พ่อครูเห็นว่าอากาศร้อนจึงไม่จัดกิจกรรมอะไรรองรับในช่วงบ่าย ปล่อยให้พี่น้องบ้านมกรานำสัมภาระไปจัดการกับตัวเอง  น้องสร้อยกับน้องครูอึ่งหายตัวไปด้วยกัน ซึ่งมารู้กันทีหลังว่าทั้งคู่อายัดตัวพ่อครูไปชำระคดีที่บ้านพ่อครูกันแบบเงียบๆ  ใครอยากรู้ว่าพ่อครูโดนชำระคดีอะไรให้หาข่าวได้จากอุ๊ยค่ะ

เตรียมตัวกินข้าวมื้อกลางวันในยามบ่ายด้วยกัน

ระหว่างที่เก็บโต๊ะกินข้าวกันอยู่ ครอบครัวของชาวบ้านจากพยัคฆภูมิพิสัยที่เคยเจอเมื่อตอนที่มาค่ายนักศึกษาแพทย์ก็พากันมาถึงสวนป่า  คราวนี้มีผู้เฒ่าที่ป่วยเดินทางมาด้วย ลูกสาวเล่าให้ฟังว่าแม่เฒ่าคอยเวลาให้ถึงวันที่ ๕ เพื่อที่จะมาพบฉัน แม่เฒ่านำเอากระจาดใบเล็กๆที่สานด้วยมือเองมาฝากด้วย ฝีมือสานสวยงามเชียวค่ะ เสียดายที่ฉันลืมมันไว้ที่สวนป่าค่ะ ใครพบมันช่วยฝากพ่อครูเก็บรักษามันไว้ให้ด้วยนะคะ ไปสวนป่าคราวหน้าฉันค่อยไปรับมันมาไว้ใกล้ตัวค่ะ

ได้เจอกันแล้วก็นั่งคุยกัน แม้จะฟังภาษาอีสานรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างแต่เราก็คุยกันรู้เรื่อง คุยกันได้สักครู่ความในใจของแม่เฒ่าก็หลุดออกมาให้รู้  ที่จริงหลายเรื่องนั้นแม่เฒ่าได้ิยินแล้ว แต่มีคำตอบที่อยากรู้แล้วไม่ได้คำตอบ แม่เฒ่าจึงอยากมาฟังด้วยตัวเองค่ะ เรื่องหนึ่งที่แม่เฒ่าไม่ได้คำตอบก็คือโรคจะหายหรือเปล่า  แม่เฒ่าบอกว่าอายุปูนนี้แล้วไม่กลัวตายด๊อก  อยากรู้ว่าตัวเองควรปฏิบัติตัวอย่างไรจึงดีเมื่อเป็นโรคนี้เท่านั้นเอง

ภาษากายที่บอกถึงความคารวะและให้เกียรติที่มีให้เห็นเสมอในชนบทอย่างนี้ แทบจะไม่ใคร่เห็นในเมืองสักเท่าไร

ลูกสาวบอกฉันว่า กลับจากสวนป่าครั้งที่แล้ว เธอไปบอกแม่ว่าเป็นโรคอะไร  แม่เฒ่าตอบว่า ลูกสาวบอกว่าท่อน้ำดีมันตัน จึงอยากมาหาหมอเพื่อปรึกษาว่ามีทางรักษามันมั๊ยหมอ อย่างเช่นผ่าตัด ฉันฟังแล้วเริ่มอึ้ง เจอคำถามจังๆอย่างนี้จะตอบยังไง ในขณะที่ทั้งครอบครัวยังมีความหวัง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยใช่ไหม

แล้วก็นึกถึงเรื่องท่อตันขึ้นมาได้ จึงถามพ่อเฒ่าว่าเคยเห็นท่อตันไหม ผู้เฒ่าว่าเคย ฉันก็เลยตอบว่า ถ้าท่อนั้นมันเล็กมากขนาดรูเท่ารูเข็มพ่อเฒ่าว่าเวลาจะทะลวงให้รูโล่งทำง่ายมั๊ย พ่อเฒ่านั่งตรองอยู่เป็นครู่ จึงหลุดคำตอบออกมาว่า รูเข็มมันเล็กมากนี่นา ทะลวงลงไปหารูยาก ทำยาก  เมื่อฉันเติมข้อมูลว่า ท่อน้ำดีที่ลูกสาวบอกแม่เฒ่านั้น ส่วนของมันเล็กมากจนดูด้วยตาเปล่าไม่เห็น ขนาดรูตันเท่ารูเข็ม พ่อเฒ่ายังบอกว่ายากเลยที่จะทะลวงรูให้โล่ง  แล้วของจริงในตัวแม่เฒ่าเล็กกว่ารูเข็ม ทำง่ายหรือยากเล่า  สุดท้ายแม่เฒ่าเป็นคนออกปากเองว่า ทำยาก

ความสวยงามของเยาว์วัย มองผ่านดอกไม้ ต้นไม้ก็เห็นธรรมชาติของมันได้

แล้วฉันก็ชวนแม่เฒ่าคุยเรื่องทัศนคติต่อความตายว่า ไม่มีใครรู้วันตายของตัวเองสักคน ฉันเคยเจอคนที่ไม่ได้ตายจากโรคทั้งๆที่เป็นโรครุนแรงแต่ตายด้วยเหตุอื่น  ในเมื่อคนเลือกวันตายไม่ได้ การหาคำตอบว่าโรคหายหรือไม่หายก็ไม่สำคัญ  เรื่องที่สำคัญกว่าคือ ดูแลใจ

แล้วฉันก็สมมติให้แม่เฒ่าฟังว่า เมื่อมีหมอสักคนบอกแม่เฒ่าว่าจะมีชีวิตอยู่แค่ ๓ เดือนแล้วแม่เฒ่าเชื่อหมอ ใจที่เชื่อจะทำให้อ่อนแอได้ไหม ถ้าอ่อนแอได้ เรื่องที่หมอบอกก็จะเป็นจริงขึ้นมาก่อน ๓ เดือนทั้งๆที่โรคสามารถหายได้ ฉันเล่าว่าฉันเองเคยเจอคนไข้ที่ไม่เชื่อหมอ ฮึึดสู้ โดยสัญญากับตัวเองว่าพรุ่งนี้จะยังอยู่ แล้วก็อยู่มาได้มากกว่าเวลาที่หมอบอกนานซะอีก ก็อยู่ที่แม่เฒ่าเองจะอยู่แบบไหน

แม่เฒ่าบอกฉันว่า แม่ไม่กลัวตายด๊อก อายุปูนนี้แล้ว ฉันจึงบอกแม่เฒ่าว่า ในเมื่อไม่กลัวตาย สิ่งที่ฉันจะขอให้ทำก็คือ ให้แม่เฒ่าบอกตัวเองทุกวันว่า “พรุ่งนี้ฉันยังอยู่ ฉันยังไม่ตายด๊อก”  แม่เฒ่าจะทำได้ไหมละ ทำเรื่องง่ายแค่นี้แหละ

แล้วฉันก็ชวนให้แม่เฒ่าเล่าเรื่องที่ทำแล้วมีความสุขให้ฟัง แม่เฒ่ามีความสุขกับการทอผ้าค่ะ เธอบอกฉันว่าทำแล้วลืมไปเลย แล้วตอนนี้ทำแล้วเหนื่อยทำไม่ไหว ฉันก็เลยบอกเธอไปว่า ทำต่อได้ แต่เมื่อไรเหนื่อยให้หยุดอย่าฝืนร่างกาย แล้วฉันก็เล่าสิ่งที่ฉันทำแล้วมีความสุขเมื่อยามยังเด็กให้ฟังว่า ฉันชอบปีนต้นไม้ จนวันนี้ก็ยังมีความสุขกับการได้ปีนอยู่ แล้วแม่เฒ่าก็หลุดเรื่องสำคัญออกมาให้ได้รู้  เธอเล่าถึงมันพร้อมรอยยิ้มว่าเธอชอบฟ้อนรำ ฉันดีใจที่เห็นรอยยิ้มของเธอ บอกตัวเองทันทีว่า นี่ไงยาดีที่สุดของเธอ พบแล้วๆ

ถึงแม้จะใกล้โรยราแต่การมีความหวังก็เป็นธรรมชาติธรรมดา ค้นหาความงามที่ซ่อนอยู่เจอได้ก็สามารถใช้ช่วยเยียวยาใจได้

พบแล้วก็บอกเธอว่า นี่แหละที่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ให้กลับไปทำ ไม่ต้องสนใจใครเขาจะว่าทำตัวเป็นเด็ก มีความสุขกับการทำมันก็ทำไปเลย ยืนฟ้อนไม่ไหว นั่งฟ้อนก็ได้

คุยกันต่อสักครู่ เธอก็ออกปากบอกว่าอยากไปที่นาเวลาคนอื่นไปดำนา ฉันจึงบอกไปว่า ไม่มีข้อห้ามไปนาหรอก แต่เวลาไปให้รู้จักผ่อนปรนตัวเองไม่ทำอะไรให้เหนื่อยก็ไปได้อยู่แล้ว

แม่เฒ่าหันกลับมาถามเรื่องอาหารที่ควรกินอีก ฉันจึงตัดสินใจชวนเธอไปเดินดูพืชกินได้ในสวนของพ่อครู ชวนเดินไปดูของจริงกันเลยทีละอย่างทีละอย่าง

ฉันว่าสัมผัสที่พบจากตัวแม่เฒ่าต่างจากตอนที่ได้สัมผัสตัวกันในตอนแรกนะ ฉันว่ามันมีชีวาในตัวที่ทำให้ตัวแม่เฒ่าอุ่นขึ้นกว่าที่สัมผัสตัวกันครั้งแรกค่ะ แน่ใจว่าไม่ได้คิดไปเอง น่าสนใจนะคะ ว่าเป็นไปได้ยังไง

เดินชมสวนกันได้รอบหนึ่ง สมาชิกของครอบครัวก็ขอรวบรวมต้นไม้กินได้ซึ่งที่บ้านไม่มีจากพ่อครูติดมือกลับไปปลูกไว้กินต่อไป

คุยกันจนเวลาเย็นมากแล้ว ฉันไม่อยากเห็นการขับรถที่รีบจนทำให้แม่เฒ่าเหนื่อยตอนขากลับ จึงบอกให้ลูกสาวพาแม่เฒ่ากลับก่อนจะมืด

ร่ำลากันแล้วฉันก็บอกไปว่าหากมีโอกาสมาสวนป่าอีกครั้งจะพาตัวไปพบแม่เฒ่าถึงบ้านถ้ามีเวลาพอ  เมื่อฉันกลับไปแล้วมีอะไรจะปรึกษาก็สามารถโทรไปหาได้ เบอร์โทรฉันได้มอบไว้ให้ตั้งแต่ครั้งที่แล้วค่ะ

ฉันว่าฉันทำให้แม่เฒ่าเธอตัดสินใจสู้กับปัญหาที่ป่วยอย่างมั่นใจว่าทำได้ด้วยตัวเองสำเร็จแล้วค่ะ

ดีใจกับตัวเองที่มีโอกาสได้ทำให้คนป่วยหลายๆคนที่อยู่ตรงหน้ามีความสุขมากขึ้นในวันดีของในหลวงวันนี้ค่ะ

๕ พฤษภาคม ๒๕๕๓

« « Prev : เมื่อได้พบอาจารย์ JJ กับป้าหวาน

Next : สานสัมพันธ์ ๒ บ้าน » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

4 ความคิดเห็น

  • #1 ป้าหวาน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 8 พฤษภาคม 2010 เวลา 22:25

    ขอบพระคุณพี่หมอเจ๊ค่ะ

  • #2 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 8 พฤษภาคม 2010 เวลา 22:59

    ขาลุยจริงๆ

  • #3 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 9 พฤษภาคม 2010 เวลา 0:50

    ตัวนิดเดียวแต่ลุยน่าดู อย่างพ่อครูกล่าว

  • #4 silt ให้ความคิดเห็นเมื่อ 9 พฤษภาคม 2010 เวลา 8:59

    แอบดูอยู่นอกวงได้เห็นแขกกลุ่มนี้ที่มาด้วยท่าทางแช่อิ่มกับความทุกข์ นึกสงสัยอยู่ว่ามีเรื่องราวอันใดกับสวนป่าหรือเปล่าหนอ แต่เห็นครูบาท่านมาคุยด้วยพักใหญ่ แล้วปลึกตัวไปรับแขก แล้วก็เห็นพี่หมอเจ๊ไปนั่งคุยแทน
    อ้อที่ท่านมีทุกข์เรื่องการเจ็บไข้ได้ป่วยนี่เอง
    โชคดีที่ธรรมะจัดสรรให้มีพี่หมอเจ๊อยู่ที่นั่นในวันดังกล่าว
    สำหรับกับตัวเองจำได้ว่าหลังอาหารมื้อหนึ่งย้ายวงไปฝอยเพลินๆอยู่ก็มีพี่หมอเจ๊ถือกระเป๋ายาที่ผมวางทิ้งไว้ เอามายื่นให้ เป็นการเตือนว่า อย่าลืมกินยา อิอิ
    ขอบคุณครับ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.069571971893311 sec
Sidebar: 0.11888599395752 sec