เมื่อได้พบอาจารย์ JJ กับป้าหวาน
ระหว่างเดินทางจากบุรีรัมย์มาสตึก ๔ คนที่มาด้วยกันจองที่นั่งด้านหน้า น้ากับป้านายเป็นคู่แฝด แฝดตรงไหน ให้ขอคำเฉลยจากอุ๊ยแล้วกัน อุ๊ยกับฉันนั่งด้วยกัน นั่งคุยกันจนคนมาทีหลังเดินหาที่นั่งไปรอบหนึ่งแล้วไม่มีที่นั่งกลับมายืนใกล้ๆจึงรู้ตัวว่าคุยเพลินจนลืมดูแลคนอื่น ขยับที่นั่งข้างๆที่ว่างให้แล้วก็คุยกันต่อ ชวนคนที่ขึ้นมาใหม่คุยไปด้วย ได้ความว่าวันนี้รถไปสตึกแน่นกว่าทุกวันเพราะเป็นวันหยุดเรียน
ระหว่างนั่งรถ เสียงแจ๋วๆก็โทรมาถามอีกว่า ถึงสตึกหรือยัง บอกกลับไปว่า อีกราวๆ ๔๐ นาทีถึง ก็ได้ยินคำนัดหมายว่า จะรออยู่แถวเซเว่น ไปถึง นั่งรถไปกับอุ๊ยก็รู้สึกสบายตัวดีอยู่หรอก แต่พอถึงสตึกกลับกลายเป็นรู้สึกร้อนยังไงก็ไม่รู้คิดถึงห้องน้ำมากๆ
มีช่วงหนึ่งน้าหายตัวไป หาตัวกันอยู่เป็นครู่จึงรู้ว่าน้าพาตัวหายไปเข้าเซเว่น เมื่อน้ากลับมาแล้วเราก็เดินทางเข้าสวนป่า คนนั่งรถของคนลำพูนเข้าสวนป่า ของที่เมียสิบล้อขนมาใส่รถแม่หวีเข้าสวนป่าโดยมีครูปูอาสาไปช่วยเฝ้า แม่หวีแวะซื้อของใช้เพิ่มเติม คนที่มารถลำพูนจึงถึงสวนป่าก่อนสัมภาระของตัว
ระหว่างทางเจอรถจอดอยู่ข้างทาง พร้อมเจ้าของรถเดินโต๋เต๋อยู่ เข้าใกล้จึงได้เห็นชัดว่า อาจารย์ดร.ศักดิ์พงษ์นะเอง
เข้าถึงบริเวณกองฟางใหญ่ ก็พบว่ามีรถบัสคันใหญ่สีเขียวจอดอยู่ มีคนกำลังจะลงจากรถ ทีมงานของอาจารย์จิตเจริญจากขอนแก่นเพิ่งมาถึงเช่นกัน
พ่อครูดีใจนักที่ทีมงานขอนแก่นมาเยี่ยมเยียน
เข้ามาที่บริเวณบ้านก็ได้เจอหน้าครูอึ่งเป็นคนแรก ยังไม่เห็นคนอื่น เดินเข้าหลังบ้านเจอกิ๊กครูบา ป้าจุ๋มก็เข้ามา กอดทักทายกัน ป้าจุ๋มก็ลงมือทำแซนวิชอร่อยๆให้ชิม ชิมแซนวิชแล้ว ฉันก็ไม่ได้อยู่รอใคร ด้วยใจมันจดจ่ออยากอาบน้ำเต็มทน เมื่อได้กระเป๋าเสื้อผ้าจึงรีบพาตัวไปอาบน้ำทันที
น้ำที่ปล่อยจากตัวระหว่างอาบน้ำโดนตัวแล้วสะดุ้งเชียว อุณหภูมิร้อนจี๋เลย ประจักษ์พยานนี้บอกว่า วันนี้ซ่ามากไม่ได้แล้ว ขืนซ่าจะมีเดี้ยงง่ายๆ อาบน้ำไปเรื่อยๆจนรู้สึกสบายขึ้นจึงพาตัวออกมา แต่งตัวแล้วคาดว่าจะได้นั่งร่วมโต๊ะกินข้าวเช้าด้วยกันกับคนอื่น ที่ไหนได้เขาอิ่มกันไปแล้ว
เห็นหน้ากันอีกครั้ง น้องครูอึ่งทักว่า หน้าแจ่มเป็นคนละคนกับเมื่อกี้เลย (แปลว่า ตอนเข้ามาถึงสวนป่าโทรมมาก?????)
นอกบ้านอ้าวเหมือนฝนจะตก บรรยากาศเหมือนเดินอยู่ในหุบเขา ไม่มีลมโชยมาเลย แปลกจริงๆ
ระหว่างกินข้าวก็ได้ยินเสียงพ่อครูให้การต้อนรับกลุ่มอาจารย์จิตเจริญไปแล้ว การบรรยายของพ่อครูและเรื่องนำเสนอให้กลุ่มของอาจารย์จิตเจริญฟังกันนั้น บางส่วนของเรื่องราวเป็นส่วนเดียวกับที่ลูกศิษย์ในหลักสูตร ๔ส๒ ได้เรียน บางส่วนก็มีเปลี่ยนแปลงไปบ้าง เรื่องราวที่ผ่องถ่ายให้รู้จากพ่อครูจบลงที่คำถามจะหาความลงตัวพบกันครึ่งทางอย่างไรดี มีโจทย์ที่ฉันรู้สึกว่าพ่อครูสะกิดๆอยู่บางมุมด้วย ลองถอดรหัสคำพูดของพ่อครูดูกันเองก็แล้วกันค่ะ
พ่อครูเล่าเรื่องที่ไปสะกิดคณะทันตแพทย์ให้ทีมขอนแก่นฟัง
อาหารเช้ามื้อนี้อร่อยด้วยน้ำใจป้านายที่คอยดูแลจนอิ่ม ขอบคุณนะคะ พี่สาวผู้น่ารัก
ถึงจะกินข้าวเช้าคนสุดท้าย ก็ยังมีวาสนาได้กินไข่ครอบจากสงขลา ผัดยอดพริก เมนูเฉพาะของสวนป่าอยู่ดี
อิ่มท้องแล้วก็พาตัวเข้าไปร่วมนั่งฟังเรื่องราวที่พ่อครูเล่าให้ผู้มาเยือนฟัง ฉันรู้ว่าเก้าอี้ฮ่องเต้นะทำจากไม้ยูคา แต่บ้านที่มาอาศัยนอนหลายครั้งแล้วเป็นเรือนหลังแรกของประเทศไทยที่ใช้ไม้ยูคาเพิ่งรู้วันนี้เอง
เพดานบ้านเป็นไม้ยูคา เก้าอี้ฮ่องเต้ที่เห็นเรียงรายก็ไม้ยูคา เคาะกระโหลกให้เห็นความเป็นคนนอกระบบคิดเดิมๆของพ่อครูได้ดีนักแล
เมื่อการนำเสนอของพ่อครูจบลง อาจารย์จิตเจริญก็ชวนให้ผู้มาด้วยกันสนทนากับพ่อครู พี่ตึ๋งจอมป่วนพาตัวเข้ามาสนทนาร่วม เช็คอินว่าผู้มาเยือนอยากรู้อะไร ฉันไม่ได้ตั้งใจฟังทั้งหมด ได้ยินแว่วๆว่านอกจากเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียงแล้วก็มีเรื่องอื่นๆอีก
บรรยากาศตอนเช็คอิน
หมอป่วนก็เลยป่วนด้วยการให้เลือกเรื่องที่อยากฟัง เล่าเรื่องของหมาที่เสียหมา และมีเรื่องอื่นๆอีก จนถึงเรื่องของโจรกลับใจ ก็เปลี่ยนใจไม่เล่าเอง โยนไมค์ให้น้าออกไปเล่าแทน แล้วหันมาถีบฉันลงเหวเฉยเลย โดนถีบแล้วฉันก็ยังงงๆนะ มองเห็นหลายคนนั่งๆกันนิ่งๆเหมือนไม่ได้นำใจมา ก็เลยเลือกเล่าประสบการณ์โจรกลับใจของตัวเองให้ฟังสั้นๆ ผู้ฟังจะได้อะไรไปบ้างแค่ไหนก็แค่ถือว่าแถมให้เท่านั้นเองค่ะ
บรรยากาศเมื่อผู้มาเยือนโดนป่วน พี่ตึ๋งเป็นเซลแมน
ระหว่างศิษย์พี่ ศิษย์น้องลงมือป่วนความคิด ก็มีเด็กที่ไหนไม่รู้คอยยืนลุ้น
ระหว่างที่พี่ตึ๋งเช็คอิน พ่อครูก็ชวนให้น้องครูปูช่วยขนหนังสือเจ้าเป็นไผ ๑-๒ ออกมาแนะนำให้ผู้มาเยือนรู้จัก แล้วถีบพี่ตึ๋งลงเหวให้ทำหน้าที่ฝ่ายจำหน่ายง่ายๆซะงั้นเอง รายได้ของการจำหน่ายส่งเข้ามูลนิธิสวนป่าค่ะ ถีบพี่ตึ๋งสำเร็จแล้วน้องครูปูกับฉันก็พากันหนีเข้าครัวไปด้วยกัน
ปรึกษากันว่าจะทำยังไงดีกับจำนวนคนที่มาเพิ่มโดยไม่รู้ตัวล่วงหน้ากับการจัดอาหารที่เตรียมไว้ต้อนรับให้เพียงพอ
ที่พากันหนีพี่ตึ๋งเข้าครัวก็ไม่มีอะไรมากค่ะ มีเรื่องของอาหารที่เตรียมไว้ที่ต้องปรับเพิ่มค่ะ เตรียมไว้เท่าจำนวนคนที่แจ้งมาก่อนหน้าแต่พอถึงเวลาจริง คนที่มาจริง (ไม่รวมชาวเฮ)มากกว่าที่แจ้งไว้กว่าเท่าตัวเลยเชียว โชคดีที่มีผักเตรียมสำรองไว้จำนวนมากพอให้ทำอาหารเพิ่ม การปรับตัวของผู้เป็นเจ้าบ้านจึงง่าย
ไม่ปรับตัวแล้วละก็มื้อนี้ก็จะมีคนอดข้าว แล้วก็จะมีคนติดยศใครบางคนให้เป็นหมู่เป็นจ่าไปแน่เลย
พ่อครูลงมือผัดกะหล่ำปลีใส่น้ำปลาให้ดูจะจะ มีน้องครูปูและน้าเป็นลูกมือ อาจารย์จิตเจริญทำหน้าที่คอยลุ้นให้กำลังใจ
เมื่อเดินโผล่หน้าจะออกไปที่ครัวก็เจอะพี่บู๊ด อ้ายเปลี่ยน และออต ยืนอยู่ด้วยกันกับพ่อครู ดีใจที่ได้เจอหน้า ทักทายกันแล้วก็ชวนกันเดินเข้าครัว ได้ยินเสียงตู้วู้ทักทายกันขรม แล้วก็มีเสียงหนึ่งดังลอดมาเข้าหูว่า “พี่หมอเจ๊หน้าตาเหมือนในรูปเลย” เสียงป้าหวานนะเอง ดีใจที่ได้เจอตัวเป็นๆกันซะที คนอะไรหวานสมชื่อเชียว
เมื่อได้พบกับคนที่หวานสมชื่อหวาน บรรยากาศหวานๆก็เกิดขึ้นทันทีนั้นเอง
ทีมอาจารย์จิตเจริญกลับไปตอนไหนฉันไม่ไ่ด้สังเกต เห็นเข้าอีกทีก็ตอนที่มีคนเปรยให้ได้ยินว่า อ้าว กลับกันแล้ว หันไปตามเสียงก็เห็นรถบัสสีเขียวกำลังขับออกไปจากสวนป่าแล้วค่ะ
ทักทายกันระหว่างหมู่เฮที่มาเพิ่มกันแล้วก็ช่วยกันทำกับข้าวเพื่อกินมื้อเที่ยงด้วยกัน ฉันลงมือทำยำไข่ดาวใส่มะเขือเทศมังสะวิรัติและทอดไข่เจียวขึ้นมาง่ายๆ เสร็จแล้วก็นำไปจัดเตรียมไว้ที่โต๊ะ ป้าหวานลงมือตำน้ำพริก ๒ มาตรฐาน ป้านายลงมือทอดปลาทูเค็มที่หิ้วติดมือมาจากกรุงเทพฯ ช่วยกันคนละไม้คนละมือจนได้อาหารเที่ยงมากินด้วยกัน อาหารเที่ยงของหมู่เฮาชาวเฮมื้อนี้เิริ่มเมื่อค่อนบ่ายไปมากแล้ว
นี่คือส่วนหนึ่งของทีมลูกแม่โพสพที่ช่วยให้มีอาหารกินกันทุกๆมื้อในทริปนี้
ระหว่างเริ่มจะกินข้าวกัน ก็มีผู้คนกลุ่มใหม่เดินเข้ามา หันไปทางหน้าเตาผัดผักก็เห็นอ้ายเปลี่ยนกำลังลงมือผัดผัก เห็นพ่อครูพาตัวเข้าไปเป็นโต้โผ หันกลับมาอีกทีจึงถึงบางอ้อว่าเป็นกลุ่มบ้านมกราเมื่อเห็นน้องครูอึ่งเดินตามมาด้วย
ในกลุ่มมีผู้ชายสูงใหญ่หน้าตาใจดีคนหนึ่งเดินเข้าไปถึงตัวพ่อครูและทักทาย เอ๋อไปเลยเมื่อรู้ว่าที่แท้อาจารย์โสรีช์ ที่ใครๆพูดถึงเป็นผู้ชาย สมเป็นหมอเจ๊ที่ช้าอยู่เรื่อยเลยจริงมั๊ยๆ
บรรยากาศของนาทีแรกที่ ๒ ครูผู้ยิ่งใหญ่ได้พบกัน
ปรากฏว่ากลุ่มที่มาถึงยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงกันเลย สำรับอาหารจึงถูกจัดมาเพิ่มทันทีทันควัน มื้อนี้ได้ผัดผัก ไข่เจียว น้ำพริกป้าหวานเป็นอาหารหลักให้ได้อิ่มท้องด้วยกันค่ะ เพิ่งรู้ว่า ผัดกะหล่ำปลีใส่น้ำปลาเป็นเมนูเด็ดขึ้นร้านอาหารกับเขาด้วย เชยซะไม่มีเลยเรา
ทริปนี้มีวาสนาได้กินกับข้าวฝีมือเจ้าน้อย ใครอย่ามาอิจฉาเลย
อาหารที่สวนป่าอร่อยที่ซู๊ดด้วยน้ำใจปรุงรสที่อ้ายเปลี่ยน ป้าหวาน ป้าจุ๋ม น้องครูอาราม ป้านาย น้องครูปู เมียสิบล้อคนสวย แม่หวีและพ่อครูเติมลงไปค่ะ
๕ พฤษภาคม ๒๕๕๓
« « Prev : ยังไงดี
ความคิดเห็นสำหรับ "เมื่อได้พบอาจารย์ JJ กับป้าหวาน"