รับปากแล้วก็ต้องลงมือ

โดย สาวตา เมื่อ 1 พฤษภาคม 2010 เวลา 16:36 ในหมวดหมู่ ประสบการณ์ชีวิต, สวนป่า, สังคม, เล่าสู่กันฟัง, เฮฮาศาสตร์ #
อ่าน: 1289

เช้าวันนี้ ตื่นมาก็เห็นเด็กๆหลายคนตื่นกันแล้ว เตรียมตัวอาบน้ำก็เห็นครูหมอหลายคนตื่นแล้วเช่นกัน บ้างชวนกันมาออกกำลังด้วยมวยจีนอยู่หน้าลานหน้าบ้าน  ท่าทางของคนรำมวยจีนมีความสุขทีเดียว  อืม ความมั่นใจที่เห็นตรงหน้าต่างกันกับตอนที่เห็นเมื่อคืนเลยแฮะ ได้เห็นมุมที่ความคุ้นชินทำให้คนมั่นใจเนอะ

ฉันตกลงกับแม่หวีไว้ว่าจะเดินทางออกจากสวนป่าหลังอาหารเช้า หากนั่งรถเป็นเพื่อนน้องตฤณกลับเข้ากรุงก็ไม่สามารถทำตามที่รับปากคุณสามีไว้  ฉันรับปากคุณสามีว่าจะเดินทางกลับถึงบ้านให้ทัน ๖ โมงครึ่ง เพื่อให้สามารถไปร่วมงานสังคมในระหว่างเครือญาติของเขาด้วยกันค่ะ

เมื่อผู้ใหญ่เริ่มลงมือชวนทำงาน แค่ผู้ใหญ่ขยับตัวเด็กก็หลีกกันวูบวาบ ส่งสัญญาณอะไรให้ผู้ใหญ่ที่กำลังนำพารู้บ้างหรือเปล่า

น้องสุชาดาเห็นเด็กๆตื่นกันแล้ว ก็เริ่มวางลำดับกิจกรรมของภาคเช้า  ชวนพวกเด็กๆเข้ามานั่งร่วมวงเพื่อจ่ายการบ้าน ฉันจึงถือโอกาสนี้บอกลาเด็กๆ  เสียดายเหมือนกันค่ะที่ไม่ได้อยู่ร่วมฟังเด็กๆสะท้อนการเรียนรู้  แต่เชื่ออยู่ว่าสามารถรู้ได้ภายหลัง  ด้วยคราวนี้ครูหมอรับปากพ่อครูว่าจะให้เด็กๆสะท้อนการเรียนรู้ผ่านบันทึกแล้วส่งมอบให้สวนป่า

น้องสุชาดาให้เด็กๆสะท้อนสิ่งที่เรียนรู้บันทึกลงในกระดาษอย่างเป็นอิสระต่อกัน แต่ละคนจะใช้สถานที่ไหนทำงานชิ้นนี้ก็แล้วแต่จะเลือก นัดหมายกับเด็กๆว่า หลังกินข้าวเช้าให้กลับมารวมกลุ่มเพื่อรวมสิ่งที่เรียนรู้ลงบนภาพคล้ายๆกระบวนการที่กลุ่ม SCG เคยได้ลงมือกัน

เด็กๆบอกให้รู้ว่าเวลา ๒ วันที่สวนป่าทำได้แค่พรวนดินและรดน้ำให้พวกเขา จนเมล็ดความสัมพันธ์ที่ตกอยู่ในใจของพวกเขางอกเป็นหน่ออ่อนๆขึ้นแล้ว  ต้นความสัมพันธ์นี้จะอยู่รอดจนแข็งแรงหรือไม่ ก็อยู่ที่ครูหมอและพวกเขาจะหล่อเลี้ยงมันหรือไม่แล้วละ

น้องสุชาดากับฉันมีโอกาสได้คุยกันต่อถึงเรื่องราวในแง่มุมที่ฉันเห็น เมื่อ AAR กระบวนการที่ผ่านมาตามลำดับ เมื่อได้ทำความเข้าใจเบื้องหลังของข้อเสนอของกิจกรรมที่ฉันเสนอจนกระทั่งเข้าใจ เราก็เห็นตรงกันว่ามีเรื่อง “ช่องว่างระหว่างวัย ระหว่างรุ่น” ที่ควรหล่อเลี้ยงเติมเต็มแถมให้กลุ่มอาจารย์ด้วย เพื่อกลับไปแล้วอาจารย์จะได้ช่วยเด็กๆต่อแบบแท็คทีม

ผลที่หวังจะสมหวังดังตั้งใจหรือไม่ ฉันและพี่ตึ๋งเห็นตรงกันว่าอาจารย์ยังต้องลงมือหล่อเลี้ยงต่อเมื่อกลับไป เป็นการหล่อเลี้ยงอย่างใจเชื่อมใจ ต่างไปจากที่อาจารย์เคยทำมาแล้วด้วยค่ะ

เมื่อเข้าใจแล้วน้องสุชาดาก็มีคำบ่นเสียดายกับจังหวะและโอกาสที่หลุดมือไปในเหตุการณ์เมื่อคืน

ฉันแน่ใจว่าความห่วงใยที่ผูกใจของเด็กคนหนึ่งจนรู้สึกอึดอัด ได้ถูกเด็กคนนั้นช่วยจัดระยะของมัน จนความอึดอัดที่เขารู้สึกกับมันผ่อนคลายลงและพร้อมเผชิญหน้ากับปัญหาของตัวเองแล้ว

ฉันเองหวังว่าเวลาที่เหลือของวันนี้ ทุกๆคนที่ยังคงอยู่ที่สวนป่าจะได้รับส่งมอบคุณค่าที่เกินความคาดหวังติดหัวใจของตัวกลับไปค่ะ

บรรยากาศการทำงานกับตัวเองในภาคเช้าของเด็กๆ ก่อนถึงเวลาอาหารเช้า

เก็บของเรียบร้อยรอเวลาเติมท้องให้อิ่มก่อนเดินทาง เช้านี้แม่หวีก็ทำก๋วยเตี๋ยวญวนไว้ให้กิน  อิ่มแล้ว ฉันก็เดินวนไปบอกลาครูหมอทีละคน  คนสุดท้ายที่ตั้งใจตามหาเพื่อบอกลา คือ ครูหมออาวุโส

เมื่อได้เอ่ยคำลากัน ฉันสัมผัสว่ากระบวนการนำพาเมื่อคืนนี้ได้นำความสำเร็จที่หวังมาสู่นะคะ ประเมินจากการที่ครูหมออาวุโสยอมให้กอดอย่างไม่ขัดเขิน แม้เรามีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ฉันเชื่อว่าเธอไม่เคยยอมให้ใครกอดอย่างเต็มใจอย่างวันนี้มาก่อนค่ะ

นัยยะของคำูพูดที่สื่อออกมาบอกให้ฉันรู้ว่าเธอพบตัว “เอ๊ะ” ที่ฉันอยากให้เธอได้สัมผัสเมื่อคืนนี้สมใจฉันแล้ว  เธอรับของแถมที่ฉันอยากมอบให้ไปอย่างเต็มใจรับมันแล้ว  ดีใจจริงๆ

ก๋วยเตี๋ยวญวน สูตรป้าจุ๋ม อร่อยๆๆๆๆ สอดรับกับกิจกรรมภาคเช้าพอดีๆ

หมอสุกับหมออุ๊ตามมาส่งที่รถ ร่ำลากันอีกครั้งก่อนจากกันจริงๆ

มีโอกาสคงได้มีวาสนามาช่วยกันอีก เพื่อร่วมกันปั้นแพทย์พันธุ์ใหม่ให้สังคมด้วยกันค่ะ

ไก่ต๊อกสอนว่า แม้การเรียนจะถูกจัดให้อยู่ในรูปแบบกลุ่ม แต่ลงท้ายแล้วแต่ละชีวิตในกลุ่มก็ต้องเรียนภายใต้โจทย์เฉพาะตัว ด้วยวิธีของตัวเองอยู่ดี

แม่หวีนำตัวมาส่งที่รถนครชัยแอร์ทันเวลาพอดีๆ กอดลากันแล้ว ก็ถึงเวลาเดินทาง

ฉันถึงกรุงเทพฯเวลาเกือบบ่าย ๓ โมง  แล้วเดินทางต่อกลับถึงบ้าน ๖ โมงตรงพอดี คุณสามีมารับตัวกลับบ้าน แล้วเราก็ไปงานสังคมด้วยกันตามที่หวัง

๒๕ เมษายน ๒๕๕๓

« « Prev : ก็แค่อยากแถม

Next : เรียนรู้เรื่อง “อิสลาม” » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

1 ความคิดเห็น


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.070535898208618 sec
Sidebar: 0.21593499183655 sec