บทเรียนชีวิตอีกวันหนึ่ง
อ่าน: 1080เวลาผ่านไปเร็วเหมือนติดจรวดเชียวนะ เดือนที่ ๓ ของเดือนผ่านไปเร็วรี่ และเดือนที่ ๔ ของปีก็กำลังจะหมดเวลาลงแล้วเช่นกัน
ทุกๆวันที่ทำงานอยู่กับที่ ไม่ใคร่ได้สังเกตในเรื่องนี้เท่าไรเลย หรือว่าเราทำงานเพลินจนลืมเวลาไป หรือว่าที่ทำงานไปนั้นไม่สนใจเวลานะ อย่างไหนกันแน่
ระยะนี้สะดุดใจกับตัวเองในเรื่องบริหารเวลาอีกแล้วว่าที่เวลาเริ่มไม่พอใช้ในแต่ละวันอีกแล้วนั้นมีต้นเหตุจากอะไรกัน ท่านละเคยสังเกตบ้างไหมว่ามีเวลาให้ไม่พอใช้ในแต่ละวันบ้างหรือเปล่า
ความสะดุดใจนี่ก็มีดีนะ มันเตือนตัวฉันให้เริ่มตื่นตา ตื่นใจ ชวนตัวเองให้หันหลับมามองว่าชีวิตในแต่ละวันที่เดินเร็วอยู่เป็นเรื่องอะไร มีอะไรที่ช้าบ้างหรือเปล่า หรือว่าเร็วไปหมดทุกอย่าง
ทบทวนดูก็ได้คำตอบว่า บางเรื่องในแต่ละวันที่เิดินเร็วเป็นด้วยตัดสินใจเร็ว บางเรื่องที่ช้าเป็นเรื่องที่ตัดสินใจช้า หรือไม่ตัดสินใจ
เออนะ อะไรคือที่มาของการตัดสินใจนะ ความคิดหรือเปล่า ความรู้สึกหรือเปล่า
ลองทบทวนลึกลงไปอีกชั้นด้วยตัวอย่างของการลงมือตัดสินใจ อือ ที่มาของการตัดสินใจมาจากประสบการณ์นี่เอง
อะไรที่มีประสบการณ์คุ้นชินและไม่มีเรื่องสะดุดใจอะไร อะไรนั้นก็จะผ่านไปอย่างเร็ว
ซึ่งแปลว่ามีการตัดสินใจที่เร็วด้วยใช่ไหมก็ได้คำตอบว่าไม่ใช่ก็มีนะ เป็นเรื่องที่ไม่ตัดสินใจก็มีนะ
แต่พอทบทวนลงลึกไปอีก กลับได้พบว่า ไม่จริงหรอก ที่ว่าไม่ตัดสินใจนั้น มีการตัดสินใจนะ ก็ตัดสินใจว่า “ไม่ตัดสิน” ลงไปแล้วไง
อือ มองลงลึกไปอีกก็พบว่า ความเร็วความช้าของสิ่งที่เกิดขึ้นมาที่เข้าใจว่า ใช้ประสบการณ์นั้น แท้จริงกลับไม่ใช่หรอก แต่ใช้ความ “ใคร่ครวญ” ต่างหากเล่า แล้วการ “ใคร่ครวญ” นั้นก็มีความรู้สึกมาเกี่ยวข้องทุกคราไป
เมื่อไรที่ความรู้สึก มีเรื่อง “ไ่ม่ชอบ” “ไม่อยาก” “โกรธ” “เกลียด” “งอน” “กลัว” เหล่านี้ล้วนส่งผลต่อความเร็วช้าของการตัดสินใจทั้งสิ้น
อืม อย่างนี้ “ประสบการณ์” แปลว่าอะไรกันนะ เป็น “ความรู้” จริงหรือเปล่า
หรือว่า เป็น “ความคิดที่ทำงานเพื่อให้เกิดคำพิพากษา”
เพิ่งเริ่มสัมผัสนะว่า “ความคิด” และ “ความรู้สึก” นี่หากทำงานไม่ทันกัน ความรู้สึกจะหลอกให้เกิดความ “หลง” ผ่าน “ความคิด” ได้เลยเชียวนะ
อืม งั้นความรู้สึกว่ามีเวลาไม่พอนั้นเป็นความหลงรูปหนึ่งซินะ ถามตัวเองแล้วก็ได้คำตอบว่า “มั๊ง”
งั้นจะรอช้าไปทำไม ฝึกตนต่อไปดีกว่าเนอะ ฝึกให้ความคิดทำงานทันกับความรู้สึก เพื่อให้ “ความสงบ” ที่แท้จริง “ความตื่นรู้” ที่แท้จริงของจิตได้เกิดขึ้น
บันทึกนี้บันทึกไว้เพื่อเตือนตัวเองให้รู้ฤทธิ์เดชของกิเลส “รัก” “ชัง” “โกรธ” “กลัว” “หลง” ว่าสามารถก่อผลให้เกิดความเบียดเบียนตนและผู้อื่นได้ง่ายๆอย่างไร
หมายเหตุ
ภาพประกอบ คือ การชุมนุมของผู้คนที่สวมเสื้อหลากสีที่นัดมาพบกันแสดงเจตจำนงค์ของตนโดยใช้พื้นที่หน้าร.พ.เป็นที่รวมตัว ในเย็นวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๓ เหตุเกิดก่อนการเดินทางเข้าเมืองกรุงของฉันในวันเดียวกัน
« « Prev : ค่ำคืนหนึ่งที่นนทบุรี
Next : คืนฟ้าฉ่ำ » »
ความคิดเห็นสำหรับ "บทเรียนชีวิตอีกวันหนึ่ง"